Skip to main content

ปีแรก

ที่เป็นข้าราชการครู ผ่านมาได้ 30 ปีเศษ ได้ซื้อจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าขนาด 90 ซี.ซี.คันหนึ่ง สีแดงสดใหม่เอี่ยม นำออกจากร้านวันอังคาร โหราศาสตร์ถือว่าวันแรงไม่ดี ผมไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไร ขับไปให้พระผูกสายสิญจน์ที่วัดดับภัยกับน้อง ผูกเสร็จลองขับดู รถแฉลบกองทรายวัดเล็กน้อย น้องพูดว่า ไม่เป็นไรขับขี่ปลอดภัย พระก็สวดแล้ว สบายใจได้ ผมไม่ได้ซื้อเงินสด ต้องผ่อนรายเดือน ขับขี่โฉบเฉี่ยวได้ 22 วัน จำได้แม่นยำ เพราะรถถูกจี้บนดอยบ้านปง อำเภอแม่แตง จากปากทางเขื่อนแม่งัดเข้าไปราว 3 กิโลเมตร คนจี้ผิวขาว ตัดผมสั้นเกรียน ผ้าขาวม้าลายคลุมไหล่ รถผมกำลังลงดอย ต้องเบรกรถเล็กน้อย โดยวิ่งชิดทางด้ายซ้าย ถนนขรุขระด้วยก้อนหินเล็กๆ มันเดินสวนขึ้นมา ยกมือขวาถือปืนจ้องมา บอกให้หยุด ผมเหลือบดูด้วยหางตา ใจหนึ่งอยากเร่งรถจักรยานยนต์หนีแบบซึ่งหน้า เสียวสีข้างกลัวถูกยิงแบบเผาขน ระยะใกล้มาก รถก็วิ่งช้าๆ จึงจำใจหยุดรถ นั่นหมายถึงสถานการณ์ผมเป็นรองทันที มันก้มตัวเข้ามาใกล้ด้านล้อหน้าแบบมีชั้นเชิง


"ถอยไปข้างหลัง" เสียงมันดังเด็ดขาดด้วยภาษาไทยกลาง

ผมลงรถถอยไปข้างหลังอย่างไม่เต็มใจ ในใจเร่งให้รถคันอื่นวิ่งผ่านมา มาเร็วๆ สิ แลหน้าหลังไม่เห็นสักคัน เวลาอื่นมีตั้งมากมาย หายไปไหนหมด


"ถอยไปอีก !" มันสำทับอย่างใจเย็น

ผมถอยไป กระวนกระวายใจมากขึ้นตามลำดับ เหลียวหน้าหลัง ให้ใครก็ได้เป็นเทวดามาโปรดที่เถิด คงด้วยแรงอธิษฐาน มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง วิ่งจากปากทางเขื่อนใกล้เข้ามา ใจผมเต้นแรงขึ้น บอกกับตนเองว่ารอดปลอดภัยแล้ว พอมาใกล้จนเห็นหน้ากัน ผมจำหนวดบนใบหน้าได้ จำหมวกที่เขาสวม เขาเป็นน้องชายครูใหญ่โรงเรียนบ้านเด่น ห่างจากโรงเรียนที่ผมสอนออกไป ทางทิศตะวันตกราว 2 กิโลเมตร แต่แล้วเทวดาก็เปลี่ยนใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า บังคับรถถอยกลับ เร่งเครื่องกลับออกไป ผมด่าในใจอย่างโกรธจัด

"อ้า...ขี้ขลาด !"


เจ้าดาวร้ายเห็นสถานการณ์เป็นใจ

"ถอยไปอีก" เสียงมันเร่งร้อนกว่าเดิม คงเกรงเหยื่อจะหลุดมือไป

ผมจำใจถอยไปข้างหลัง มือขวาจับเบาะหลังรถ ที่ยังมีพลาสติกขาวหุ้มอย่างแสนเสียดาย มันใกล้เข้ามา มือซ้ายจับมือรถ ลำตัวมันเคลื่อนมาทางซ้าย ร่ำๆผมจะยกเท้าซ้ายเตะเปรี้ยง ก็กลัวกระสุนปืนจะเร็วกว่าเท้า ระยะใกล้ผิดพลาดยาก จำใจถอยออกไป มือขวาหลุดจากเบาะ เหมือนหลุดจากทุกสิ่ง มันบอกถอยออกไปอีก 2-3 ก้าว มันรีบขึ้นคร่อมรถ ติดเครื่องหันมามองผม


"มึงอยากได้ ไปไถ่เอาเอง"

มันเร่งรถผมลงดอย เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านปง ผ้าขาวม้าบนบ่าสั่นพลิ้วตามแรงลมเหมือนธงของขุนศึกที่ชนะสงคราม มันไปอย่างลอยนวลเยือกเย็นยิ่ง ผมเดินคอตกจริงๆ เดินอย่างอ่อนใจเข้าโรงเรียน เดินผ่านสนามโรงเรียน ภารโรงหยุดฟันหญ้าทักทาย

"ครูบ่เอารถมากา?"

"รถครูถูกขโมยจี้ไปแล้ว"

"หา !...รถสีแดงตี้วิ่งผ่านหน้าโรงเรียนไปตะกี้หนี้ใจ่กอ?"

"ใจ่ !" ผมตอบอย่างคนหมดเรี่ยวแรง

"ผมก่อว่า เสียงเหมือนรถครู เห็นมันขี่รถผ่านหน้าโรงเรียนไป ผ้าขาวม้ามันปลิวพึบพับ"


ผมเดินจากภารโรงเข้าไปในห้องพักครู แจ้งครูใหญ่ทราบเหตุการณ์ด้วยเสียงเบาๆอย่างปลงตก น้ำเสียงที่ปรกติ ทำให้ครูใหญ่ถามย้ำว่า จริงหรือ ผมบอกว่าใช่ ท่านก็ดี รีบผลุนผลันไปบ้านพัก กลับมาเห็นปืนเหน็บที่เอว ให้ผมซ้อนรถของท่าน บึ่งไล่ตามรถที่ถูกจี้ ตามไปจนมืดค่ำแต่ไร้ร่องรอย วันต่อมา แจ้งตำรวจ รอไปวันต่อวัน ไม่มีข่าวใดๆ เวลาผ่านไปๆ ก็ยังไม่ได้รถคืน รอมันติดต่อให้ไปไถ่รถคืน ก็คงมีแต่ความเงียบ ที่สุดต้องผ่อนรถให้โจร โดยมันไม่ต้องจ่ายเงินสักบาทอย่างน่าเจ็บใจ


วันนี้ ความเคียดแค้นลดลงและเจือจางเกือบหมด หากคิดถึงเหตุการณ์คราวนั้นอย่างจริงจังครั้งใด ไฟอารมณ์ลุกโชนครานั้น.


บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…