Skip to main content

  

เป็นการป้องกัน

วัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย

\\/--break--\>

ผมได้ไปพบ

แม่ครู "บัวผิน ลอมศรี" ผู้เป็นเจ้าของกาดงัวอำเภอสันป่าตอง(ตลาดนัดทุ่งฟ้าบด) ที่บ้านหลังสวยหลังตลาด ท่านอายุปัจจุบัน 72 ปี การแต่งตัวและแต่งหน้าช่วยให้ดูสวยสมวัย ได้ให้การต้อนรับอย่างดี ที่ศาลาทรงไทยหลังงาม ซึ่งใช้ต้อนรับแขก โดยเล่าว่า

 

กาดงัวได้เริ่มจัดตั้งขึ้น ในปี พ.ศ. 2502 โดยนายสม ลอมศรี ได้ประกาศให้พ่อค้าแม่ค้า มาค้าขายในตลาดนี้ ได้ใช้วิธีจ้างลิเก ซอ มาแสดงเพื่อดึงดูดคน เมื่อพ่อค้าแม่ค้าประชาชนมาซื้อสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆเป็นประจำ ทางเจ้าของตลาดจึงเลิกนำมหรสพมาเล่นต่อไป ในปี พ.ศ. 2502-2504 มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของน้อยลงมาก จึงปิดตลาดในปี พ.ศ. 2505-2506 สาเหตุที่ปิดตลาดก็เพราะ มีผู้ต้องการเปิดตลาดพื้นที่ใกล้กัน และตำรวจยังมาจับแม่ค้าพ่อค้าที่ขับขี่รถผิดกฎหมาย รวมทั้งจับพ่อค้าวัวควายที่ไม่มีตั๋วพิมพ์(ตั๋วรูปพรรณ) มีเนื้อที่ทั้งหมด 14 ไร่ ใช้เป็นตลาด 8 ไร่ เก็บค่าเช่าแผงละ 2-100 บาท พื้นที่ตลาดในปัจจุบันนี้ แม่ครูบัวผินได้เป็นผู้ดำเนินการครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้น้องสาวดูแล โดยใช้ถนนคอนกรีตหน้าบ้านแม่ครู เป็นเส้นแบ่งพื้นที่ตลาด

 

ทุกวันเสาร์

ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง มีคนมาเที่ยวตลาดกันมากมาย มีจราจร 3 นาย อำนวยความสะดวกด้านจราจร การพาคนข้ามถนน โดยในตอนเช้าก่อนตลาดเปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำกรวยสีส้มมาวางกลางถนนเป็นระยะ รถมาถึงหน้าตลาด จะวิ่งช้าตามกันมาเป็นแถว ราว 11 นาฬิกาผู้คนจะเริ่มซาลง พ่อค้าแม่ค้าเริ่มเก็บของ กาดงัวจึงเป็นเสมือนที่เดินเที่ยวของทุกเพศวัย เด็กสาวเดินสวมกางเกงขาสั้นตามกันเป็นกลุ่ม ทรงผมเป็นแบบรวบผมไว้ท้ายทอยรูปหางม้า ข้างหน้าหวีผมตรงหน้าผากยาวปัดเฉียง มือถือแก้วบรรจุชามุก ดูดกินอย่างสบายอารมณ์ขณะเดิน แดดร้อนเพียงไร ไม่มีความกังวลสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาว เดินมาด้วยกัน 5 คน อย่างน้อยจะยกมือถือแนบหู คุยโทรศัพท์ไปด้วย ข้ามถนนก็ยังคุยไม่หยุด เป็นพฤติกรรมของวัยรุ่น และคนในยุคสมัยนี้ ผู้อยู่ในวัยมีครอบคัวก็ซื้อของใช้ ของกิน ต้นไม้ ถือของพะรุงพะรุงในมือ

 

ห้างสรรพสินค้าดังๆ

ตั้งแต่เชียงใหม่ เรียงเรื่อยไปตามถนนหางดง สู่เส้นทางสายเชียงใหม่-สันป่าตอง บางห้างใช้ยุทธวิธีจัดตลาดนัด 1 วันหน้าห้าง สินค้าเหมือนยกแผงมาจากถนนคนเดินในวันอาทิตย์ที่เชียงใหม่ มาวางไว้หน้าห้าง มีเสื้อผ้า ของกินคนเมือง เครื่องตกแต่งบ้าน ฯลฯ ทำให้นึกถึงร้านขายของชำหรือโชห่วย ที่ถูกรุกรานโดยร้านสรรพสินค้า ตลาดนัดสันป่าตอง(กาดงัว)เป็นตลาดแห่งเดียวขณะนี้ ที่มีเอกลักษณ์ขายวัวควาย ขายไก่ชน ขายรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน(รถถีบ) บางคนเรียกว่า "ตลาดมีชีวิต"

 

หวั่นใจ

จะถูกกลยุทธทางการค้าของยักษ์ใหญ่ เข้ามาบดเบียดกาดงัว เพราะหลักการธุรกิจ จะต้องเพิ่มขนาดกิจการ เพิ่มทุน และเพิ่มกำไร ขยายตัวไม่มีสิ้นสุด.

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…