Skip to main content

 

อีกคืนหนึ่ง

ผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป ผีผลุบหายเงียบ เราเดินต่อไป เห็นผู้แสดงเป็นผีดิบชาย ยืนนิ่งเหมือนหุ่น เพ่งมองอย่างไรก็เหมือนไม่หายใจ แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำ หน้าขาวซีด ปากแดงด้วยเลือดที่ไหลมาจากเขี้ยวตรงมุมปาก เบื้องหน้าจอมผีดิบ เป็นหญิงสาวสวย สวมชุดสีดำโปร่งบาง นอนนิ่งต่อหน้าดังไม่หายใจเช่นกัน


ทำให้ผมอดนึกถึงผีดิบแดร็กคิวลา ในภาพยนตร์ที่เคยดูที่โรงหนังศรีนครพิงค์ไม่ได้ เพียงแค่มันยิ้มเห็นเขี้ยวขาววับ ม่านตาขาวปรากฏเส้นเลือดฝอยกระจายทั่ว กลัวจนใจไม่อยู่กับตัว เป็นที่ทราบกันดีว่าหนังฝรั่งเขาสร้างสมจริงแค่ไหน มารู้ภายหลังว่าเป็นนิยายที่ นายบราม สโตคเกอร์ เขียนขึ้นในปี 1897(พ.ศ. 2440) เป็นเรื่องของผีดิบดูดเลือด ชอบดูดเลือดหญิงสาว โดยจะกัดคอเหยื่อแล้วดูดเลือด ผีดิบนี้จะกลัว ไม้กางเขน กระเทียม แสงแดด หรือไม้เสี้ยมแหลม นำมาตอกหน้าอกครั้งเดียวมันจะตาย จินตนาการผมหยุดแค่นั้น เมื่อเดินต่อมา ผีจำแลงโผล่พรวดออกมาจากมุมมืด เพื่อนผมใช้หนังสะติ๊กยิงเข้าให้ ผีเงียบไปอีก สักครู่ได้ยินเสียงคนเก็บบัตรผ่านประตู ส่งเสียงบอกว่าอย่ายิงผีๆ เขาบอกน้ำเสียงสุภาพไม่ก้าวร้าว ผมถามเพื่อนว่า


" ยิงผีมันทำไม ? เขาแสดงให้เราดูแค่นั้น กระสุนดินอาจทำให้เขาเจ็บได้นะเพื่อน"

" ก็อยากออกมาให้ตกใจทำไมละ ไม่ต้องกลัวมันเจ็บหรอก กันใช้ลูกพุทรายิงมัน ไม่อันตรายหรอกน่า"

พอพ้นประตูบ้านผีสิงออกมา พวกเราคุยกันโฉงเฉง กล่าวถึงความน่ากลัว ความตื่นเต้น

 

จากนั้น

พากันเดินชมร้านต่างๆในงาน ร้านขายเสื้อผ้า ร้านเครื่องเสียง ผ่านมาทางสนามยิงปืน ได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะ พวกเราผู้ชายด้วยกัน รสนิยมคล้ายกัน ไปเที่ยวกับเพื่อนวัยเดียวกัน 5-6 คนมันสนุกสนานจริงๆ อยากยิงปืนก็ไม่เงินพอ ได้แต่มองเขายิงปืนด้วยหน้าละห้อย พากันเดินดมฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมาเพราะเท้าคนมากมายโดยไม่รู้ตัว บางคนพูดประชด งานขายลูกชิ้นปิ้งบ้าง


งานขายสินค้าบ้าง งานปอยหลวงบ้าง บางปีมีข่าวว่า จะมีการวางระเบิดในงาน ข่าวลือดังกล่าวกระจายไปทั่วเมือง คนแก่คนเฒ่าพูดห้ามปรามลูกหลานไม่ให้ไปเที่ยว บอกห้ามเหมือนบอกให้ไป ผู้คนยิ่งอยากไป โดยเฉพาะวัยรุ่น เป็นวัยกล้าวัยทดลอง ผมกับเพื่อนๆเดินลุยฝุ่นจนถึงเต็นท์


งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน เป็นที่แสดงผลงานนักเรียนทั่วจังหวัดเชียงใหม่ แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ภาพวาด งานประดิษฐ์เศษวัสดุ งานเย็บปักถักร้อย งานใบตอง มีป้ายบอกผลงานที่ชนะที่ 1-3 และชมเชย เป็นพื้นที่ให้เด็กนักเรียนได้แสดงความสามารถให้ประจักษ์ ผลงานเด็กเชียงใหม่ทำได้น่าทึ่ง สวย วิจิตร เป็นที่ให้กำลังใจเยาวชนของเรา หากได้รับการสนับสนุนส่งเสริมต่อไป เด็กๆจะเป็นผู้สร้างผลงานที่มีคุณค่าต่อตนเอง สังคมแน่นอน

 

ผมกับเพื่อน

เดินเที่ยวกันทั่วจนหมดแรง ชวนกันกลับบ้าน เริ่มหิวแล้ว มีเงินติดตัวมาเล็กน้อย ผมซื้อขนมถังแตก เป็นขนมราคาถูกปริมาณมาก บางคนซื้อน้ำหวาน เรา แบ่งขนมถังแตกกินกัน ฝืดคอก็ได้น้ำหวานของอีกคนดื่มกลั้วคอ แก้หิวได้เหมือนกัน วันนี้ยังคิดถึงเพื่อนๆทุกคน ต่างแยกย้ายอยู่คนละมุมของเชียงใหม่ บางคนได้พบ บางคนไม่ได้พบ เพราะย้ายไปอีกโลกหนึ่งแล้ว.

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2553 ผมเดินทางโดยรถยนต์พร้อมภรรยา   ไปยังศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่   อำเภอสันป่าตอง   เชียงใหม่   อีกครั้งหนึ่ง   หลังจากตอนเย็นวันที่ 6 กรกฎาคม 2553   ได้พูดคุยนัดหมายกับคุณสกุล มูลคำ   เรียบร้อยแล้ว  ให้ภรรยานั่งคอยในรถยนต์  ก้าวขึ้นบันไดที่ทำงานของผู้ที่ผมไปพบ   ยกมือไหว้คุณสกุลก่อนตามธรรมเนียม   คุณสกุลดูยิ้มแย้ม   เป็นกันเอง  ไม่มากพิธี
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2553   มีข่าวหนึ่งสะดุดตาและสมอง   หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่า “ ทึ่ง ‘ ข้าวไม่ต้องหุง’   ศูนย์วิจัยคิดค้นรายแรกของไทย.”   มันสะดุดตาตรงที่   ข้าวไม่ต้องหุง   ข้าวอะไรไม่ต้องหุง ?   ต้องเป็นข้าวที่มีคุณภาพพิเศษมากๆแน่นอน   สะดุดยิ่งขึ้นอีก   เมื่อบอกว่า   ศูนย์วิจัยคิดค้นรายแรกของไทย   อะไรที่มีคำว่าวิจัย   ผมสนใจเสมอ   เพราะมันหมายถึง   การค้นหาคำตอบในเชิงวิทยาศาสตร์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
6 กรกฎาคม 2010 รอบรองชนะเลิศ แข่งขัน เวลา 1.30 น.    ทีมอุรุกวัยพบฮอลแลนด์   สู้กันดุเดือด   สนุกมาก   ใครเป็นโรคหัวใจ   โรคความดันต้องหลีกเลี่ยง    ขณะดู   นิ้วมือผมกำเกร็งไปโดยไม่รู้ตัว   พอรู้สึกตัวตน   ต้องปรับอารมณ์ใหม่   เป็นทีมชาติของเราก็ไม่ใช่  ไฉนต้องปล่อยกายใจอยู่ใต้เกมการแข่งขัน   จึงได้ดูแบบไม่เครียดต่อไป   ทั้งนี้เพื่อชีวิตที่ยืนยาว   รอทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกสักครั้ง   จำได้ว่า  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ส่วนผู้เล่นฟุตบอล ได้แสดงฝีเท้าให้คนทั้งโลกได้ชมอย่างเต็มอิ่ม   เป็นประโยชน์ต่อทีมและตัวเอง   หากเล่นได้ดีเด่น   ค่าตัวจะสูงตาม   บรรดาสโมสรดังๆของโลก   อีตาลีมีสโมสร   อินเตอร์มิลาน   ยูเวนตุส   นาโปลี   ลาซิโอ ฟิออเรนติน่า   สเปนมีสโมสร เรอัล มาดริด บาร์เซโน่า   เยอรมันมีสโมสร  บาเยิร์นมิวนิก   มึนเช่นกลัดบัด   โบรุสเซีย   ฝรั่งเศสมีสโมสร   โอลิมปิก มาร์กเซย   บาเลนเซีย   ปาร์ม่า …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใครๆ ก็ต้องมีทีมในดวงใจ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พี่วิเศษยืนจดมวย อย่างไม่กระตือรือร้น ยืนอยู่ด้านทิศ ตะวันออก   หันหน้าเข้าหาศาล   พี่ เอกสิทธิ์ยกมือจดมวยอยู่ทางทิศตะวันตก  ทั้งคู่รูปร่างพอกัน    ทึบตันไม่ ถึงล่ำสัน   พี่เอกสิทธิ์ขาว พี่ วิเศษคล้ำ   ผมยืนอยู่ข้างหลังพี่เอกสิทธิ์   เฉียงออกไปเล็กน้อย   พี่วิเศษไม่ขยับตัวเลย   ยืนนิ่งเฉย   พี่เอกสิทธิ์ตัวแทนผม   ผู้จะแก้ แค้นแทนผม   ดีดเท้าซ้ายเข้าที่ท้องพี่วิเศษดังบึบ   ไม่น่าเชื่อ   พี่วิเศษทรุดตัวลงนั่งยองๆ  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปี พ.ศ. 2500 ผมอายุได้ 11 ปี เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน “ครูหล้า”  เรียกชื่อเป็นทางการว่า โรงเรียนสุวรรณศิลป์   โรงเรียนนี้ต้องเข้าซอยไปราว 30 เมตร   โรงเรียนติดกับน้ำแม่ข่า  โดยมีถนนช้างม่อยตัดใหม่ตัดผ่าน  ปากซอยอยู่ตรงข้ามกับโรงหนังศรีนครพิงค์  ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน  ถัดจากโรงหนังนี้ไปทางทิศตะวันออก จะเป็นตลาดนวรัฐ  คนทั่วไปเรียกติดปากว่า  “กาดเจ๊กโอ๊ว”  ต้องขออภัยเครือญาติของเถ้าแก่โอ๊ว  ที่เรียกคำนำหน้าชื่อว่า  “เจ๊ก”  เพราะทราบว่าคนจีนไม่ชอบให้ใครเรียกเช่นนั้น …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ฉันอดนึกถึง ครูสอนประวัติศาสตร์ชาติไทยในชั้นไม่ได้  ท่านสอนสาเหตุที่ตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง  บอกจุดดีจุดแข็ง   พอมาถึงยุครัตนโกสินทร์ ครูสอนก็บอกถึงสาเหตุที่ย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรี  มาเป็นกรุงเทพมหานคร บอกจุดอ่อนของกรุงธนบุรี  บอกจุดแข็งจุดดีของกรุงเทพมหานคร ฉันนึกสงสัยในใจ ทำไมตอนแรกครูบอกว่า บริเวณที่ตั้งกรุงธนบุรีดีอย่างนั้นอย่างนี้  พอเวลาผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง กรุงธนบุรีกลับมีจุดอ่อน  กรุงเทพฯเหมาะสมกว่า  หรือว่า...เมืองๆ หนึ่งย่อมเหมาะสมดีกับยุคสมัยหนึ่ง พออีกยุคอะไรๆ เปลี่ยนแปลงไป เมืองเดิมนั้นก็เริ่มไม่เหมาะสม  มีปัญหา เออนะ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อเลื่อนชั้นไปเรียน ม.6 ฉันได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลรุ่นใหญ่ของโรงเรียน รูปร่างผอมสูง น้ำหนักแค่ 48 กิโลกรัม เล่นไม่เก่งเท่าใด  มาหัดเล่นฟุตบอลช้าไป เพื่อนได้เสื้อสามารถกันหลายคน เขาก็สอนการเล่นฟุตบอลให้  เช่น ฝึกเตะลูกฟุตบอลให้กระทบใต้คาน  ลูกจะกระทบพื้นเข้าประตู เพื่อนว่าประตูเทวดาก็รับไม่ได้ ฉันฝึกแล้วมันยากเหลือเกิน อีกลูกเป็นลูกวอลเล่ย์ เพื่อนเสื้อสามารถบอกอีกว่า ต้องเหวี่ยงเท้าขนานพื้นดิน ใช้หลังเท้าเตะตรงกลางลูก ถ้าเตะใต้ลูกลูกจะลอยสูงพ้นตาข่าย  ถ้าเตะลูกคอร์นเน่อร์ต้องเตะให้ลูกโด่งมาตกตรงจุดยิงลูกโทษ ฉันฝึกดูลูกนี้เตะได้ไม่ยาก ผู้สอนและคนอื่นชมว่า…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มือซ้ายกอดเธอ ไว้กับอกตรงหัวใจอย่างทนุถนอมและแสนรัก ไปกับฉันเถอะ เราไปสนุกด้วยกัน ฉันและเพื่อนมีความสุขมากที่ได้เตะเธอ  ฉันอายุ  17  ปีแล้วนะ กำลังเรียนชั้น ม.5 อดทนสักนิดได้ไหม อย่าโกรธฉันเลย  ฉันอาจดิบ เถื่อน แต่ไม่ถ่อย เงยหน้าขึ้นซิ ตอบฉันได้ไหมว่า ไม่โกรธ  เธอไม่ตอบได้แต่นิ่งสงบ ซบกับอกหนุ่มบริสุทธิ์ใสอย่างฉัน...ใช่ !  เธอเป็นเพียงฟุตบอลลูกเก่าๆ รุ่นเก่า แบบมียางใน  เวลาเล่นต้องสูบลมให้เต็มก่อน แล้วใช้หนังยางรัดตรงหัวจุก หัวจุกนี้เป็นท่อยางเล็กๆ สำหรับสูบลมเข้าไป แล้วมัดให้แน่น พรรคพวกช่วยกันจับมันยัดเข้าตรงปากช่องยางนอก…