Skip to main content

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านนี้
ผมกินประจำ จะปั่นรถถีบ “ราเล่ห์”
(RALEIGH) สีเขียวคู่ใจมาซื้อกินเสมอมา ซื้อไปกินกับข้าวเหนียวที่บ้านอร่อยมากครับ ไม่ใช่กินแบบประหยัด สาเหตุหนึ่งคงมาจากถูกสอน อะไรๆก็กินกับข้าวเหนียว เราเดินผ่านร้านนี้มาแล้ว แต่เสียงตะหลิวสัมผัสกระทะขณะผัดก๋วยเตี๋ยว ยังดังตามหลังเรามาแล้วห่างหายไป แต่ภาพเส้นราดหน้าขนาดขนาดใหญ่ ที่ถูกจับวางบนแผ่นวัสดุใส่ ซึ่งรองด้วยกระดาษหนังสือชั้นล่างสุด เจ้าตี๋คนผัดฝีมืออันดับหนึ่งของร้าน ใช้กระบวยตักน้ำราดหน้า ที่มีเนื้อหมูชิ้นหวาน คละเคล้าผักคะน้าคลุกน้ำขุ่นข้น ถูกเทราดลงบนเส้น ไออุ่นลอยกรุ่นกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ต่อมน้ำลายผลิตผลงานอย่างซื่อสัตย์ ผมรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที

 

บ่ายวันเสาร์
ผมกับเพื่อน
4-5 คน เป็นพลพรรคชุดเดิมที่ไปด้วยกัน วัยเดียวกันบ้านใกล้กัน มีเงินในกระเป๋าเพียงซื้ออาหาร 1 มื้อพร้อมขนมและค่ารถเท่านั้น จะโบกรถสี่ล้อแดงคงไม่ไหว เราจึงพากันเดินไปดักรถเมล์สีเหลืองสาย 3 วิ่งระหว่างสถานีรถไฟ-ห้วยแก้ว ที่คอสะพานนครพิงค์(ขัวใหม่) ฝั่งน้ำปิงด้านที่มีถนนทอดไปสู่ตลาดต้นลำไย ค่ารถคนละ 50 สตางค์ เรานั่งกินลมชมวิวไปตามลีลาของรถ ที่วิ่งไปช้าๆ หยุดรับคนเป็นระยะๆ เหมือนจะบอกว่า จะเร่งรีบไปไหนกัน ชีวิตนี้ยังมีเวลาอีกมากมายยาวนาน เห็นผู้ปกครองพาเด็กๆเล็กๆขึ้นรถ จูงมือจูงแขนประคบประงม อุ้มวางบนตักบ้าง พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงดูอบอุ่น เด็กหญิงทักเปียคู่ กางเกงขาสั้นสีสดใส รองเท้าแบบทันสมัย เสียงเขย่ากระบอกเก็บค่าโดยสารแว่วมาจากกระเป๋ารถเมล์ในชุด กระโปรงเสื้อสี้น้ำทะเล เธอพูดคำเมืองเพราะหู


ไปลงไหนเจ้า ?”
ไปสวนสัตว์ น้องต๊ะใดก้าโดยสาร ?”
คนละ 50 สตางค์เจ้า ?”


รถเมล์สีเหลืองวิ่งมาสักพักก็หมดระยะ รถจอดตรงประตูเข้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ผู้ปกครองจูงมือเด็กเล็กทั้งหญิงชายลงรถ กระเป๋าหญิงหน้าตาหมดจดคอยรับเด็กลงตรงบันไดรถ เด็กๆส่งเสียงตื่นเต้นดีใจ พวกเราเด็กโค่งลงหลังสุด เกาะกลุ่มเดินเลียบถนนผ่านทางเข้าสู่สวนสัตว์ ได้ยินเสียงรถเมล์เหลืองคันที่มาส่ง เร่งเครื่องขึ้นถนนราดยางที่โค้งและชันเล็กน้อย เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเนินห่างออกไป คนขับจะไปกลับรถที่ทางแยกข้างบน ซึ่งห่างออกไป 100 กว่าเมตร และจะมาจอดนิ่งข้างทางหน้าประตูสวนสัตว์ รอเวลารถจะออกวิ่งเข้าเมือง เมื่อรถเมล์สาย 3 อีกคันวิ่งมาถึง เราไม่ลืมแวะซื้อข้าวเหนียวริมถนน ไก่ทอดเนื้อทอด น้ำพริก น้ำดื่ม โดยเพื่อนๆจะซื้อไม่ซ้ำกัน

มีป้ายบอกทางไปห้วยแก้วตรงมุมถนนตรงโค้งพอดี พวกเราพากันเดินเรียงเดียว พากันไปตามทางนั้น มีหินผาใหญ่น้อยเป็นระยะ บางตอนเราเดินตามทางแคบ ที่กว้างแค่ฝ่าเท้าเราเหยียบเดิน บางครั้งกระโดดไปตามก้อนหิน พวกเราเริ่มหายใจแรง คุยกันส่งเสียงดังสนุกสนาน พักเดียวก็ถึงแอ่งน้ำ มีน้ำใสไหลผ่านซอกหินรูปร่างต่างๆ ที่มือธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ หูได้ยินน้ำไหลซ่า บางแห่งไหลผ่านแผ่วแว่วดุจเสียงกระซิบกระซาบ สายน้ำใสไหลซอกซอนคดเคี้ยว บางตอนน้ำไหลรวมกันเป็นแอ่ง นิ่งใสสงบ เหมือนเหน็ดเหนื่อยต่อการเดินทางยาวไกลมิรู้สิ้นสุด มีคนมาเล่นน้ำก่อนพวกเราแล้ว ทั้งเด็กผู้ใหญ่ สาวๆสวยๆ พ่อเริงร่าเล่นน้ำกับลูกๆ แม่นั่งวักน้ำใสเย็นเล่น เท้าเปลือยขาวแช่น้ำสบายอารมณ์ คู่หนุ่มสาวนั่งคุยกันตาเยิ้มหวาน นกบนต้นไม้ขับกล่อมเพลง สูงขึ้นไปฟ้าเป็นสีน้ำเงินสดใส ลมเย็นพัดมารวยริน กลิ่นดอกไม้ป่าผสมผสาน เมื่อเห็นคนสวย อาการทะลึ่งของพวกเราลดลง ทำท่าทางให้เรียบร้อย วางมาดให้เท่โดยมิได้นัดหมาย พวกเราบางคนถอดเสื้อกางเกง นุ่งผ้าขาวม้าเล่นน้ำ บางคนนั่งกอดเขาชมวิว บางคนนอนมองท้องฟ้า แต่สายตาจะวนมาจมกับหน้าใสสวยเสมอ น้ำกระทบหินเป็นละอองฟุ้งในอากาศ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายกว่าบนรถเมล์และที่บ้าน ผมทนไม่ไหวลงเล่นน้ำบ้าง แสนสดชื่นเย็นสบาย

 


ได้ยินเสียงหัวเราะเย้าแหย่
ของพวกเราและกลุ่มอื่น เสียงหัวเราะกังวานเหมือนโลกนี้ไม่เคยมีความทุกข์ พอเล่นน้ำจนฉ่ำใจ ล้างหน้าสระหัวด้วยสบู่เสร็จเริ่มรู้สึกหิว เราล้อมวง แกะห่อข้าวเหนียว ไก่ยาง เนื้อทอด น้ำพริก แคบหมู มาวางบนพื้นผาที่ราบที่สุดเท่าที่เลือกได้ นั่งกันยองๆ กินข้าวด้วยกันแสนอร่อย ลมพัดต้นไม้ข้างลำห้วยมาเป็นระยะ พาความสดชื่นเย็นสบายมาทั่วบริเวณ แหงนหน้ามองสูงขึ้นไปเหนือโขดผาเหนือยอดไม้ เห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่างตา มีเมฆขาวดุจสำลีลอยทาทาบ แสงแดดยามบ่ายฉายลอดใบไม้กิ่งไม้ เกิดเงาไหวไปมาในน้ำใส พวกเรากินอาหารได้มากและอร่อยด้วย บางคนอาหารเต็มปากยังไม่หยุดคุย เพื่อนบางคนแกล้งถือขาไก่ไม่ยอมวาง อีกคนทนไม่ไหวแย่งคามือ คนอื่นพากันหัวเราะร่วน เที่ยวกับเพื่อนสนิทมันมีความสุขและสนุกจริงๆ มีแม้ค้าสะพายเปียด
(กระบุง)ใส่มะพร้าวเผามาขาย ลูกมะพร้าวปอกเปลือกเรียบร้อย เห็นเป็นลูกสีขาว หัวมีรอยเผาสีดำ แม่ค้าบอกว่า เป็นมะพร้าวเผา แม่ค้าเพิ่งเผาสดๆใหม่ๆที่ว่างข้างทางเดินที่เราผ่านมา ผมชักสงสัย


เผาตรงไหนนะ ? กันเดินมายังไม่เห็น ?”
เขาเผาตรงข้างโขดหินใหญ่ ตรงที่ว่าง เมื่อเราเดินมาได้สัก 7-8 ก้าว” เพื่อนนักมวยที่รูปร่างเตี้ยสุดบอก
แกมัวแต่มองอะไรสวยๆขาวๆข้างหน้า มันจะเห็นได้ยังไง” เพื่อนอีกคนพูดขึ้นหลังจากกลืนเนื้อทอดลงคอไป


มะพร้าวลูกละ 10 บาท พวกเราล้วงกระเป๋าคลำดูจำนวนเงิน รวมเงินกันซื้อได้ 3 ลูก แม่ค้านั่งยองๆใช้มีดสับตรงหัว ใช้ความชำนาญไม่ให้ใบมีดถูกน้ำมะพร้าว เพราะถ้าถูกจะทำให้น้ำมะพร้าวเปรี้ยวได้.

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…