Skip to main content

เวลา 13.00 . เศษ
ผมจำได้ว่าเป็นวัน “มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โรงเรียนปิด ผมไม่ได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน บอกก่อนว่า ผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงใหม่
(มหาวิทยาลัยราชภัฏในปัจจุบัน) กำลังศึกษาในระดับ ป..(ประโยคครูประถม) หลักสูตรเรียน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระยะฝึกสอน


ในช่วงภาคปลายปีการศึกษา หากฝึกสอนเสร็จก็จบการศึกษา ผมจำเพิ่มอีกว่า เป็น พ.. 2511 วันนั้นและเวลาดังที่กล่าวมา ผมกำลังเดินหิ้วก่องข้าวเหนียวด้วยมือขวา มือซ้ายถือถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรด มาวางบนเติ๋น (ห้องโถง) ฝาห้องด้านข้างเป็นลูกกรงโปร่งที่เป็นไม้ระแนง ตีพาดกันไปมาแนวตั้งและแนวนอนเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดห้าคูณห้านิ้ว สามารถมองไปถนนหน้าบ้านได้เต็มที่ เห็นทุ่งหญ้าและหนองน้ำข้างถนน ไกลออกไปจากทุ่งหญ้า เห็นหลังคาสังกะสีของห้องแถวให้เช่า ยาวในแนวเหนือใต้ เหนือหลังคาห้องแถวเห็นฟ้าสีน้ำเงินสดใส ผมเดินไปห้องครัว มือถือขวดน้ำปลา ห่อข้าวเกรียบกุ้งแสนอร่อย กลับออกมาวางใกล้ก่องข้าว นั่งขัดสมาธิ เทน้ำปลาของชอบลงในถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรดอีกอย่าง ใช้ช้อนสังกะสีคนละเมียดละไมให้เข้ากัน น้ำลายในปากมีมากขึ้น ขยับปากกลืนน้ำลาย ตามองออกไปที่ท้องฟ้าเหนือหลังคาสังกะสีห้องแถวบ้านเช่า ฟ้ายังสดใสเป็นสีน้ำเงินดังเดิม ปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกแมงดา ตามด้วยข้าวเกรียบกุ้ง แคบหมูกรอบ มันอร่อยจริงๆ

ผมกินอย่างมีความสุขจนเกือบจะอิ่ม สายตามองไปข้างหน้า เห็นคนในหย่อมบ้านทำนั่นทำนี่ไปตามปรกติ บ้างยืนคุยกัน บ้างเดินไปปากซอยสู่ถนนราชวงศ์ ผมมองไปที่หลังคาห้องแถวบ้านเช่าอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เห็นควันเป็นทางยาวลอยเหนือหลังคา ควันสีดำจางๆ ลอยทาบฟ้าสีน้ำเงินเห็นชัดเจน กะด้วยตาควันนี้ต้องอยู่ไกลมาก อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณโรงหนังศรีนครพิงค์ หรือไฟคงไหม้ที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นโรงหนังศรีนครพิงค์ดังที่คิด สักครู่คงได้ยินหวอรถดับเพลิงวิ่งไปดับไฟ คงไม่มีอะไรร้ายแรง
...

พักหนึ่งมีคนที่ไปตลาดหรือผ่านย่านนั้น มายืนที่ถนนหน้าบ้านผม ส่งเสียงบอกคนที่รู้จักว่า “ไฟไหม้กาดหลวงๆ !” ประสาทผมตื่นตัวขึ้นมาทันที ตาเบิกมองไปที่ขอบฟ้า ควันไฟที่ท้องฟ้าเป็นสีดำเข้มหนาขึ้น มันลอยขึ้นรวดเร็วกว่าเดิม มีคนทยอยมาบอกข่าวไฟไหม้กาดหลวงอีกหลายคน ผมทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เรียกหาพ่อ

ป้อ ! รักไปดูไฟไหม้ก่อนเน้อ !”

พ่อพยักหน้า กำชับอย่าดูให้ใกล้เกินไป ผมแต่งกายลวกๆ เดินสลับวิ่งไปกาดหลวงอย่างตื่นเต้นสุดขีด

 


ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่มีไฟไหม้กาดหลวง กาดหลวงเป็นกาดหลักที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ ผมมาถึงประตูทางเข้าโรงหนังศรีนครพิงค์แล้ว ถนนช้างม่อยทอดผ่านไปยังกาดหลวง เจ้าของร้านสองฝั่งถนนกำลังตื่นตระหนกกับไฟที่กำลังลุกไหม้ คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะลุกลามมาถึงร้านตน หรือถูกรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟลงได้ก่อน ผมเดินไปตามทางเท้าของถนนช้างม่อย ไปทางทิศตะวันออกมุ่งสู่กาดหลวง ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ถนนสายนี้จะเลี้ยวขวา แล้วทอดยาวไปถึงสี่แยกอุปคุต และถนนนี้ยังอยู่กลางระหว่างกาดหลวงกับกาดต้นลำไย มีเชือกกั้นขวางถนน แสดงเขตบุคคลทั่วไปห้ามเข้า กลางถนนมีร่องรอยฉีดน้ำของรถดับเพลิง ผู้คนเดินกันไปมาพลุกพล่าน เห็นรถดับเพลิงคันหนึ่งจอดหน้าร้านอุดมผล เป็นร้านขายเครื่องเขียน พนักงานรถดับเพลิงช่วยกันถือสายฉีดน้ำ ฉีดน้ำพุ่งสูงขึ้นไปยังอาคารต้นเพลิง ที่อยู่ใกล้ร้านอุดมผลในตำแหน่งทิศใต้ ไฟลุกลามรวดเร็ว สายน้ำที่พุ่งจากรถดับเพลิงคันเดียว ไม่สามารถสกัดเปลวไฟสีส้มจัดที่ลุกลามรวดเร็วได้ ไฟลามไปตามอาคารร้านค้าที่อยู่ติดกัน และรุกไปยังด้านหลังของกาดต้นลำไย เสียงเปลวไฟลุกไหม้กลืนเชื้อไฟ เหมือนเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่น ผมไปยืนที่ขัวแตะใกล้ร้านวิศาลบรรณาคาร
(ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในปัจจุบัน) เสียงไฟไหม้ดังเปรี๊ยะๆ อย่างน่ากลัว มันลามขยายพื้นที่มาด้านหลังกาดต้นลำไย ถ้าไฟไหม้มักมีลมพัดเข้ามาผสม ทำให้ไฟลุกมากขึ้น พร้อมกับควันและสะเก็ดไฟ สังกะสีปลิวลอยในอากาศเหมือนแผ่นกระดาษบางเบา ผมขยับตัวกลัวมันจะบินมาทำอันตราย ย้ายมายืนตรงมุมถนน ตรงข้ามร้านวิศาลบรรณาคาร หูได้ยินเสียงไฟปะทุ เสียงขยับตัวของแผ่นสังกะสีแกรกกรากยามโดนไฟแผดเผา เสียงผู้คนเสียงพนักงานดับเพลิง เปลวไฟลามเลียตวัดไปมาเหมือนมีชีวิต รถดับเพลิงวิ่งเข้ามาเพิ่มอีกหลายคัน แต่สายไปเสียแล้ว สายน้ำที่ฉีดแรงเป็นลำยาว ไม่ทำให้เปลวไฟลดระดับลงเลย สายน้ำที่กระโจนเข้ากองไฟ มันพุ่งเข้าไปแล้วหายเงียบ มันเหมือนปืนฉีดน้ำเด็กเล่นยามสงกรานต์เช่นนั้น เปลวไฟฝั่งกาดต้นลำไยตรงจุดต้นเพลิง เอนข้ามฝั่งไปหาอาคารฝั่งกาดหลวง เปลวไปลามเลียเหมือนสัตว์ร้าย ไฟลามติดกรอบหน้าต่างที่เป็นไม้ก่อน แล้วจึงลามไปส่วนอื่น พนักงานดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัด แต่ต้านไม่ไหว ร้านขายสินค้าที่อยู่ใกล้ ต่างพากันขนของหนีไฟอย่างตื่นตระหนก มีคนเข้ามาช่วยขนของทั้งหวังดีและหวังร้าย

 


หวังดีโดยช่วยขนของอย่างไม่ฉกฉวยขโมยของ บางรายได้โอกาสขโมยของไปด้วย เช่น ร้านทอง ร้านแขกขายผ้า สี่ล้อ สามล้อ ฯลฯ นายห้างจ้างสามล้อถีบขนผ้าที่เป็นพับไปส่งที่บ้านหรือโกดัง ขึ้นรถสามล้อ 3 คัน ลูกเจ้าของร้านนั่งไปด้วยหนึ่งคัน รถสามล้อส่งถึงที่ 2 คัน หายไร้ร่องรอย 1 คัน ร้านทองมีคนเข้าไปจะช่วยขน ขณะที่เถ้าแก่เจ้าของร้าน ลูกชายลูกสาว กำลังช่วยกันขนสร้อยแหวน กำไล


ไม่ต้องช่วยขนๆ ! อั้วกับลูกๆ ช่วยกันได้ !” เถ้าแก่ส่งเสียงโล้งเล้งพร้อมกับโบกไล่มือคนที่ฮือเข้าไปช่วย ตาแกกวาดไปมาอย่างหวาดระแวง

เตี่ย ! เอาของใส่ถุงแล้วจะเอาไปไว้ไหน ?”ลูกชายวัยหนุ่มถาม

เอาไปฝากตำรวจแม่ปิงไว้ก่อน เร็วๆ หน่อยโว้ย” เถ้าแก่เร่งมือขนสินค้ามูลค่าสูงของแก

ใส่ถุงแล้ว ลื้อกับหมวย ขนของไปโรงพักแม่ปิง ให้หมวยมันเฝ้าไว้ ส่วนลื้อกลับมาช่วยเตี่ย เข้าใจไหม ?”

 


ทองที่ขนไม่ทันถูกไฟเผาไหม้ละลายปนไปกับเศษขี้เถ้า ร้านอื่นก็เช่นกัน ไฟยังคงคุอยู่ ไม่ดับสนิทเสียทีเดียว

ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินผ่านเหนือกองไฟที่กำลังเผาผลาญกาดหลวง กาดเก่าแก่ของเชียงใหม่ ทราบข่าวจากปากต่อปาก เครื่องบินจะทิ้งระเบิดเคมีเพื่อดับไฟ แต่เกรงประชาชนที่กำลังโกลาหล จะได้รับอันตราย จึงได้เลิกล้มไป ไฟกลับลุกไหม้ขึ้นมาอีก รถดับเพลิงต้องคอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้เตลอดเวลา น่าแปลกใจ ไฟไม่ได้ลุกลามข้าม “ตรอกเล่าโจ๊ว” (ตรอกข่วงเมรุ) ไปเผาไหม้ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ได้เลย ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหว้สักการะมากขึ้น

 

หนังสือพิมพ์คนเมือง

ราคาฉบับละ 1 บาท รายงานว่า ไฟไหม้กาดหลวงเสียหายประมาณ 100 กว่าล้านบาท พ...นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขณะนั้นแจ้งว่า ต้องสร้างตลาดใหม่โดยเร็ว ผมตรวจดูจากปฏิทิน 100 ปี ได้พบหลักฐานระบุว่า ไฟไหม้กาดหลวง (ตลาดวโรรส) ตรงกับวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2511 เป็นวันมาฆบูชา เวลาราว 13.00 .

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…