Skip to main content

 

กระดานหมากฮอส

มีทั้งหมด 64 ตา   ตาหนึ่งเท่ากับสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ 1 รูป   ผู้เล่นมีหมากข้างละ 12 ตัว   ใครถูกกินจนเหลือน้อยกว่าคู่ต่อสู้   หรือเดินต่อไปไม่ได้ถือว่าแพ้   ผมมาดูเขาเล่นหมากฮอสบ่อยๆ  และวันละนานๆ   จนเพื่อนคู่หูผมทนไม่ไหวแยกตัวกลับบ้านก่อนทุกที  ดูมากจนรู้วิธีเล่น  รู้ชั้นเชิงการเล่นต่างๆ   สามารถบอกได้ว่าใครมือสูงมือต่ำกว่า...วันหนึ่งมีปรากฎการณ์บนถนนเกิดขึ้น  รถสามล้อปั่นวิ่งตามกันเป็นแถว   ผ่านร้านนายพูนขึ้นไปทางทิศเหนือ   หลายคนลุกขึ้นชะเง้อดูตามหลัง   ขบวนสามล้อปั่นนับสิบกว่าคันเคลื่อนผ่านสี่แยก   ไปตามถนนเมืองสมุทร   หลายคนมองไปพูดพึมพำอย่างสงสัย


มันไปไหนกันวะ?

ถ้าจะไปชกหน้ากัน
พี่เลื่อนสามล้อหนุ่มผิวขาว   บ้านอยู่ย่านวัดป่าแพ่งบอก

พวกสามล้อถีบจะเป็นอย่างนี้   ไม่พอใจกัน  เขม่นกัน   ท้าชกหน้ากัน คงพาคนที่ขัดใจกัน   ไปซัดหน้ากันแถวลานหน้าวัดป่าแพ่ง   มันไกลหูไกลตาคน  

ลุงแสวงสามล้อรุ่นพี่ขยายความ   สามล้อบางคนกระโดดขึ้นรถของตน   โก่งตัวเร่งรถตามอย่างเร่งรีบ   คงหวังดูมวยฟรี   ที่ดวลกันด้วยมือเท้าดิบๆเปล่าๆ   ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดว่า   ทั้งคู่จะชกกันแบบไม่มียก   ต่อยเตะกันจนกว่าจะแพ้   มีกติกาเพียงห้ามซ้ำเมื่อคู่ต่อสู้ล้มแค่นั้น   สักพักหนึ่ง   เวลาที่ทุกคนรอคอยได้มาถึง   รถสามล้อขบวนเดิมวิ่งย้อนกลับมา   พอมาถึงหน้าร้านนายพูน

สามล้อที่หน้าร้านตะโกนถามผลการแข่งขัน   ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อนร่วมอาชีพ

เรียบร้อยโรงเรียนสามล้อ   ตาเขียว   ปากบวม  เจ็บทั้งคู่ มันแต้ๆ ขบวนรถสามล้อมุ่งไปยังตลาดวโรรส   ย่านจอดรถสามล้อเพื่อรอรับผู้โดยสาร

 

จากสนามดวลกำปั้นลานดิน

หน้าวัดป่าแพ่ง   ได้ย้ายมาสนามฟุตบอลกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่    ทั้งนี้ให้ไกลหูตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ   ถ้าจับได้คงโดนปรับฐานทะเลาะวิวาททั้งคู่   ผมเคยเห็นกับตาโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง   คู่ชกเป็นชาวบ้าน   คนหนึ่งรูปร่างผอมสูง  นุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อกล้าม   ผมพองๆ   อีกคนขับรถสี่ล้อรับจ้าง   รูปร่างเตี้ยกว่าล่ำกว่า   พับกางเกงขายาวครึ่งแข้ง   คนเตี้ยจดมวยโดยยื่นหมัดขวาออกไป   เขาถนัดซ้าย   อีกคนถนัดขวา   สนามต่อยอยู่หน้าอัฒจันทร์ด้านทิศตะวันตก   ถ้าเดินเข้าหาอัฒจันทร์จะผ่านลู่วิ่ง   กองเชียร์ทั้งสองฝ่าย  กระจายอยู่รอบๆ   มีพี่เลี้ยงข้างละ 2-3 คน   น่าระทึกใจจริงๆ   ยิ่งกว่าดูมวยบนเวทีเสียอีก   ไม่มีหมอประจำสนาม   ไม่มีระฆังพักยก   ไม่มีปีกลอง   ตกลงชกยกละ 2 นาที   พัก 1 นาที   เวลาล้มห้ามซ้ำ   หมดเวลาจะมีคนจับเวลาบอก   ไม่ใช้กรรมการกลาง   มันเป็นกลิ่นอายความเป็นลูกผู้ชาย   หรือเป็นความป่าเถื่อนของคนโบราณ   ไม่อาจตอบได้   คนเตี้ยเป็นมวยกว่า   เริ่มต้นก่อนหลังดูเชิงครู่หนึ่ง   คนเตี้ยเริ่มต้นทักทาย   ใช้หลังเท้าซ้ายเตะถูกแก้มคู่ต่อสู้ที่สูงกว่า   เสียงดังเพี้ยะติดๆกัน   คนผอมสูงขยิกเข้าใส่   ต่อยขวาวืดโดนลม   ยกสองอาการคนผอมสูงไม่ดีขึ้น  ทำอะไรเขาไม่ได้  ยิ่งชกยิ่งเห็นว่าสู้ไปมีเจ็บตัวฝ่ายเดียว   พอยกสาม   พรรคพวกไม่ให้ชกต่อ   บอกว่าพอแล้วๆ   ถ้าชกต่ออาจเจ็บหนัก   ใครๆเห็นชัดว่าสู้ไม่ได้   มีคนกลางบอกให้ทั้งคู่มาจับมือกัน   ฝ่ายชนะที่เตะแม่นเข้ามาขอโทษ   ฝ่ายถูกเตะบอกไม่เป็นไร   เรื่องเล็กน้อย   เลิกแล้วต่อกัน.

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…