เดินทางจากบ้าน
อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ขับรถกระบะสีเขียวเข้าเมืองเชียงใหม่ อายุใช้งานย่างเข้าปีที่ 16 แล้ว ถ้าเป็นคนก็เริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว อยากเปลี่ยนใหม่เหมือนกัน แต่ไม่มีเงินพอซื้อ ภรรยานั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ บอกก่อนว่า เธอไม่ได้มาคุมประพฤติอะไรทั้งสิ้น ผมขับรถมักง่วงเป็นประจำ ต้องมีคนคอยกระตุ้น ให้ประสาทต่างๆตื่นตัวเสมอ กินกาแฟพอช่วยได้บ้าง ถ้ากินประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง กลับทำให้ใจเต้นแรง กระสับกระส่าย อีกวิธีหนึ่ง เพื่อนสนิทบอกให้ในวงสนทนา ท่านทราบแล้วห้ามบอกใครนะ โดยเฉพาะสุภาพสตรี เพื่อนบอกว่า หากง่วงจัดเกรงขับรถไม่ปลอดภัย ให้แวะซื้อน้ำแข็งหลอด แล้วหยิบก้อนน้ำแข็งนี้ หย่อนลงในกางเกงในด้านหน้าสัก 2-3 ก้อน หรือมากน้อยตามอาการง่วง ความเย็นของน้ำแข็ง จะส่งผลไปยังกองบัญชาการ ทำให้ตาสว่างดีนักแล
สถานที่ผมไปประจำ
ในวันที่เข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ จะเป็นโรงพยาบาลมหาราช(สวนดอก) ไปรักษาอาการโรคความดันสูง ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามวันเวลาที่หมอนัด นี่เป็นรายการเพื่อสุขภาพของผม ส่วนภรรยาและแม่ยาย ก็เดินทางไปรับการรักษาโรคต่างๆตามหมอนัดเช่นกัน ทั้ง 3 คนเป็นคนไข้ประจำของโรงพยาบาลมหาราช ใครไปผมต้องขับรถไปส่งเสมอ จึงเป็นว่า ผมใช้เวลาประจำวันส่วนใหญ่ที่โรงพยาบาล นั่งๆยืนๆรอคอยคิวหมอเรียกจนเบื่อ เบื่อๆแล้วหายเบื่อ ผู้คนแน่นเต็มอาคาร ทุกแผนกมีคนเดินไปมา นั่งม้ายาวเต็มทุกแถว
สถานที่รองลงมา
ที่ผมใช้เวลาให้หมดไป เป็นห้างสรรพสินค้า ส่งภรรยาซื้อของใช้ของกินประจำเดือน ประเภท สบู่ ยาสีฟัน กระดาษ น้ำปลา ข้าวสาร นมกล่อง ฯลฯ แม่บ้านทำหน้าที่ซื้อของเหล่านี้ เธอหายเข้าไปนานหน่อย เราบ่นไม่ได้จะทะเลาะกัน ผมมีเวลามากพอจึงแวะเข้าร้านหนังสือในห้าง ร้านหนังสือใหญ่และดังของเชียงใหม่ ผมเข้าไปเสมอ เช่น ร้านสุริวงค์บุ๊กเซ็นเตอร์ ร้านดวงกมล ขายหนังสือสารพัด ได้ซื้อหนังสือที่สนใจเสมอมา ไม่เว้นแม้ร้านหนังสือเก่าที่ห้างบิ้กซี ย่านถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ร้านหนังสือเก่านี้ เดิมอยู่ที่ประตูเข้าห้างบิ้กซี เป็นห้องแถวยาว ผู้นิยมหนังสือเก่าหายาก ลองแวะไปดูซิครับ อาจเจอหนังสือถูกใจราคาย่อมเยาได้ ร้านนี้เปลี่ยนเจ้าของ ย้ายไปอยู่หลังร้านเดิม หลังย่อมลงหน่อย น่าเสียดายหนังสือที่ผมหมายตาไว้หลายเล่ม ค้นหาไม่พบ ถามเจ้าของร้านคนใหม่ เขาตอบไม่ได้ว่าขายไปหรือหายไปตอนไหน.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พื้นที่ป่าเมืองไทยล่าสุดเหลือเท่าไร ระหว่างปี พ.ศ. 2504-2552 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่ามากกว่า 72 ล้านไร่ เฉลี่ยป่าถูกทำลายปีละ 1.6 ล้านไร่ และในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 53.3 หรือประมาณ 171 ล้านไร่ พอมาถึงปี พ.ศ.