ยิ่งนานวัน
เพื่อนเจ้าเหมียว ตัวสีดำตาเหลืองวาวมีขีดดำผ่านกลางจากบนลงล่าง น่ากลัว ส่วนนี้เป็นจอรับภาพ กลางคืนจอนี้จะขยายกว้าง กลายเป็นวงกลมสีดำบนพื้นผิวตาเหลือง เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น กลางวันจอภาพจะบีบเข้ามาเหมือนเส้นตรง คงเหมือนคนหากแดดจ้าเราหรี่ตา พอมืดเราเบิกตากว้างขึ้น...เพื่อนของมัน เริ่มรุกพื้นที่เข้ามา มันหาญกล้ามากินอาหารเม็ดหน้าห้องน้ำทั้งกลางวันกลางคืน บางทีเข้ามาเดินเล่นในบ้าน ยังไม่พอในยามกลางวัน มันมานั่งนอนเล่นในบ้าน ตามพื้นบ้าน ตามลานทรายหน้าบ้าน เราส่งเสียงไล่ตะเพิดมัน แรกๆมันวิ่งไปเล็กน้อยแล้วหยุด นานๆไปไล่มันไม่ยอมไป เราวิ่งมาถึงตัวมัน มันฟุบตัวลงนั่ง เหมือนจะบอกว่าจะทำอะไรก็ยอม บางทีนอนตะแคงตรงหน้า ดังตื้อจะขออยู่ด้วย ผมไม่รู้จะทำอย่างไร มันคงอดอยากและหิวโหย พยายามสืบประวัติเพื่อนำไปคืนเจ้าของ ไม่ได้รับคำตอบแน่ชัดนัก
สุดทนทานต่อไป
เราทั้งสองคนไม่มีทางเลือกอื่น ต้องรับมันเข้าเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 99...ไม่ใช่บ้านเลขที่ 111 นะ
อย่าลืมเชียว โดยกำหนดให้มันเป็นสมาชิกแบบไม่ถาวร ประเภทกินในบ้านแต่นอนนอกบ้าน กลางวันจัดอาหารเม็ดให้มันกิน กลางคืนอุ้มมันออกมานอนนอกบ้าน เพราะอยู่ในบ้าน แมว 2 ตัวมันจะวิ่งไล่เล่นกัน กระโดดขึ้นๆลงๆไปทั่ว สิ่งของจะตกแตกเสียหาย เสียงของมันจะรบกวนการนอนหลับของเรา เพราะแมวมันนอนกลางวันนานกว่า 17 ชั่วโมงทีเดียว กลางคืนออกเที่ยวและหากินตามธรรมชาติเดิมของมัน
เราตั้งชื่อแมวตัวแรกว่า
“เจ้าเหมียวขาว” เพราะตัวดำขาทั้งสีขาวเหมือนสวมถุงเท้าไว้ ตัวมาใหม่สีดำทั้งตัว บางครั้งมองดูหน้ากลัว เห็นตาเหลืองวาวตัดกับขนสีดำ เหมือนแมวปีศาจในหนัง เราเรียกมันว่า “เจ้าเหมียวดำ” นิสัยทั้ง 2 ตัวต่างกัน เจ้าเหมียวขาวเรียบร้อย กินอาหารช้าๆ ตัวใหญ่นุ่มหน้าอุ้ม เจ้าเหมียวดำมาในมาดผู้ร้าย แย่งอาหารเขากิน เวลากินนั่งกินแต่เท้าคู่หน้าเหยียบจานอาหาร กินอย่างตะกละตะกลาม นิสัยต่างกัน เวลาเราเกาคางเจ้าเหมียวขาว มันจะยืดคอให้เราอย่างถนัด หลับตาทำท่าฝัน ส่วนเจ้าเหมียวดำมันขืนคอไว้ วันหนึ่งเจ้าเหมียวดำนั่งหมอบบนกำแพงบ้าน พระหนุ่มเดินผ่านมา พอเห็นมัน ท่านหยุดแล้วเรียกมัน เจ้าเหมียวดำกระโดดลงไปหา และนอนกลิ้งตัวตรงหน้าไปตามพื้นถนน ท่านว่ามันแสนรู้ ผมทดลองดูบ้าง ผมเรียกมัน มันวิ่งตาม ชี้บอกให้มันนั่งที่เก้าอี้ มันก็กระโดดขึ้นนั่ง บางเวลาแค่กวักมือมันก็เดินมาแล้ว ดูท่ามันจะสื่อสารรับรู้ไว ส่วนเจ้าเหมียวขาวผู้มาอยู่ก่อน มันคงรู้ว่าเราทั้งคู่รักมัน มั่นทำท่านิ่งๆเวลาเราเรียกมา ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้ยินอย่างนั้น
ส่วนที่เหมือนกัน
มันทั้งคู่ชอบใช้เล็บขูดข่วนตามที่ต่างๆเสมอ บางทีที่ผ้าเช็ดเท้า บ้างทีเบาะเก้าอี้ บ้างก็เสาบ้าน มันขี้อ้อนชะมัด เดินพันแข้งขา ใช้ลำตัวเสียดสีกับขาเรา กระโจนนั่งบนตัก นั่งพิงอก นอนกลิ้งไปมาบนพื้นบ้านต่อหน้า แล้วเอาหัวมาวางแหมะตรงหลังเท้า ส่งเสียงเหมียวๆเล็กๆเหมือนลูกแมว แม่ยายบอกผมว่า แมวชอบคลอเคลียที่ขาเรา บอกถึงความเป็นเจ้าของเรา มันรักเรา และที่แมวชอบข่วนเสาบ้านบ้าง ต้นไม้บ้าง เพราะเป็นการสร้างอาณาเขตของตน ป้องกันผู้บุกรุก ทั้งยังเป็นการฝนเล็บให้สวยงาม น้าปันน้องชายแม่ยาย ที่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน จนทำเสียงแมวแบบต่างๆได้ เช่น เสียงลูกแมว เสียงแมวหนุ่มสาว เสียงแมวเรียกหาคู่ เสียงแมวกัดกัน เคยลองทำเสียงแล้ว แมวหนุ่มมองทำหน้าฉงนแล้ววิ่งหายจ้อย บอกอีกว่า ที่แมวนอนกลิ้งไปมา เป็นการทักทายเจ้าของ อยากให้คุณเป็นมิตรกับเขาด้วยการลูบท้อง แมวเวลาโกรธ เวลากลางคืนช่วงฤดูผสมพันธุ์ เสียงมันห้าวน่ากลัวมาก เจ้านี่มันทำได้สองแบบ ถ้าเป็นคนทำสองเสียงอย่างนี้ เชื่อกันว่าคบไม่ได้...เจ้าเหมียวดำเริ่มทำผลงาน สะสมคะแนนไล่ตามเจ้าเหมียวขาว ล่าสุดมันจับหนูตัวใหญ่ จับกระรอก 1 ตัว ส่วนเจ้าเหมียวขาวจับนกเขาได้ 1 ตัว จับกระรอก 3 ตัว...มันทั้งคู่กลายเป็นเพื่อน กลายเป็นลูกต่างสายพันธุ์ของเราทั้งสองไปเรียบร้อยแล้ว.
บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พื้นที่ป่าเมืองไทยล่าสุดเหลือเท่าไร ระหว่างปี พ.ศ. 2504-2552 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่ามากกว่า 72 ล้านไร่ เฉลี่ยป่าถูกทำลายปีละ 1.6 ล้านไร่ และในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 53.3 หรือประมาณ 171 ล้านไร่ พอมาถึงปี พ.ศ.