Skip to main content

ผมก้าวลงรถ
บ่าสะพายกระเป๋าใส่กล้องดิจิตอล ปากกาและสมุด กระดาษ เอ 4 จำนวน 2 แผ่นสำหรับบันทึกเรื่องราว ใกล้เที่ยงในโรงอาหารมีคนพลุกพล่าน พินิจดูเป็นเด็กหนุ่มสาว อาจเป็นระดับอาชีวะ หรือมหาวิทยาลัยราวปี 1 , 2 มีโต๊ะยาววางถ้วยจานแก้วน้ำ หน้าโรงอาหาร มีเจ้าหน้าที่บริการ 2 คน ผมเดินไม่รู้ไม่ชี้มองหาเจ้าหน้าที่บ้านวัยทองนิเวศน์ ไม่เคยรู้จักชื่อหน้าตา จะใช้การสังเกตเครื่องแต่งกาย เดินผ่านไปห้องครัว พบแม่ครัวเป็นคนรู้จักกัน เธออาศัยอยู่หมู่บ้านห่างออกไปราว 3 กิโลเมตรเศษ ชื่อบ้านปง บ้านนี้มีโรงเรียนประจำหมู่บ้านตั้งอยู่ ชื่อเหมือนหมู่บ้าน ผมเคยสอนโรงเรียนนี้ 3 ปี ผมปลูกบ้านอยู่หน้าโรงเรียนนี้ ปัจจุบันให้เขาเช่าอาศัย เธอถามว่า

“ ครูมาหาใคร ? ไม่ได้พบกันตั้งนาน.”
“ จะมาหาเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชรา มาถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่อยู่อาศัย แล้วบันทึกเป็นความรู้
“ นึกว่าจะมาอยู่.” เธอพูดยิ้มๆ
“ ถ้าจะสงบดี อยากอยู่ซัก 2-3 วัน ถ้านานๆไม่เอานะ.”
“ ครูจะถามอะไรบ้างล่ะ ?.”
“ ก็...อยู่กันกี่คน อายุเท่าไร วันหนึ่งเขาต้องทำอะไรบ้าง ?.”
“ เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ไปประชุมที่จังหวัด ข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่เขา คงต้องมาวันหลัง.”
“ วันนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นสักคนเลยหรือ ?.”
“ มีคนหนึ่งเป็นผู้ดูแล นั่นไง ! .”
เธอชี้ไปที่ผู้หญิงร่างท้วมขาว สวมแว่น เสื้อแขนสั้นแดงเข้ม มีตราอะไรไม่ทราบที่เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย

“ คนเสื้อแดงกำลังถือไมโครโฟน ชื่อคุณศิริพร ชื่อเล่นๆคือคุณอ้น ครูลองไปถามดู คงได้อะไรบ้าง.”
ผมมองตามแล้วกล่าวขอบคุณผู้ให้คำแนะนำและกล่าวลา เดินออกมายืนหลังกลุ่มนักศึกษา ที่ยืนล้อมเป็นวงกลมรอบโรงอาหาร เห็นคุณศิริพรยืนข้างเวที มือถือไมฯกำลังกล่าวเปิดงาน หลังพิธีกรเชิญกล่าวเนื่องในงานวันเกิดคนชรา มีหญิงชรานั่งล้อเข็น 1 คนอยู่หัวแถว คนเกิดวันนี้มีทั้งหมด 5 คน ทั้งหญิงชายนั่งเก้าอี้เรียงต่อกันมา บางคนสีหน้าเฉยๆ บางคนซึมๆเหงาๆหน้าตาหมองหม่น โดยเฉพาะหญิงชรานั่งล้อเข็นด้านหัวแถว หน้าของเธอขรึมซึมเซา อาจารย์ที่นำนักศึกษามาทำกิจกรรมที่นี่ ถูกพิธีกรเชิญมามอบของที่ระลึกแก่คนชราที่เกิดวันนี้ 3 คน ต่อมาเป็นตัวแทนนักศึกษามามอบของที่ระลึก พิธีกรหญิงช่างพูด คงคุ้นเคยกับคนชราเหล่านี้ มีการระบุชื่อ บางครั้งพูดเย้าแหย่ผู้เกิดวันนี้ด้วยความสุภาพ มาถึงตอนสำคัญ พิธีกรหญิงประกาศเชิญคุณศิริพร ผู้ดูแลบ้านวัยทองนิเวศน์มากล่าวเนื่องในงานวันเกิดของผู้พักอาศัยในบ้านพักคนชราแห่งนี้.

.................................................................

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…