Skip to main content

 

 

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง


 หมอดู ดีอีที หรือ “มะขุ่ย”

หญิงพม่าวัย 42 ปี เป็นผู้หญิงร่างเล็ก เป็นใบ้ หลังค่อม นิ้วคด เท้าพลิก มือเกร็ง มีชื่อเสียงโด่งดังข้ามประเทศ ได้ทำนายโดยผ่านล่ามซึ่งเป็นน้องสาวที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี สื่อสารโดยวิธีอ่านปากหมอดูดีอีที ท่านทายว่า น้ำจะไม่ท่วมเมืองไทย บัดนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2555 แล้ว ยังไม่มีสัญญาณอะไรแสดงว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ยังไม่มีตัวชี้น้ำจะท่วม ฝนทิ้งช่วง ไม่มีพายุรุนแรงพัดเข้ามา น้ำในเขื่อนภูมิพลลงลงเหลือ 64 เปอร์เซ็นต์ สถานการณ์โน้มเอียงจะเกิดภัยแล้งมากกว่า

ปลายเดือนตุลาคม พ.ศ.2554

น้ำแม่ขานขาน อำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ มีระดับสูงขึ้น ได้เอ่อท่วมบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตอง นาน 1 วัน และลดระดับลงเรื่อยๆใช้เวลา 1 คืน แตกต่างจากปี พ.ศ.2553 และถอยหลังไปอีก 5-6 ปี น้ำแม่ขานจะท่วมและลดลงใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น พอถึงปีนี้ ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2555 ไม่มีท่าทีน้ำแม่ขานจะเปี่ยมฝั่งเลย น้ำคงไม่ท่วมบ้านทุ่งแป้งแล้วกระมัง ข่าวภัยจากน้ำท่วมในจังหวัดภาคกลาง เป็นเพียงน้ำท่วมทุ่ง ไม่มีวี่แววน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ พายุลูกใหญ่รุนแรง ไม่พัดผ่านประเทศไทยเลย

เมษายน พ.ศ.2555

หน่วยพัฒนาพิเศษ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ทำการขุดลอกน้ำแม่ขาน ได้พบต้นตะเคียนในพื้นที่วัดศรีนวรัฐทุ่งเสี้ยว อำเภอสันป่าตอง จึงได้ใช้รถเครนยกขึ้นมาไว้หน้าวัด มีการกางเต็นท์ใกล้ต้นตะเคียน คนพากันไปกราบไหว้มากมาย ทางวัดจึงจัดบริการเครื่องสักการะ บริการผ้าแพรสีสดหลากสีสำหรับผูกรอบต้นตะเคียน ครบ 7 สี 7 วันเกิด ยังมีการจุดธูปขอโชคลาภ อย่างที่รู้กัน มีการขอเลขเด็ดๆเช่นเคย

24 เมษายน พ.ศ.2555

ได้มีการขุดพบต้นตะเคียนทองซึ่งจมอยู่ในน้ำแม่ขาน ณ บ้านเกาะต้นเก็ดเหนือ อำเภอสันป่าตอง เป็นต้นตะเคียนขนาดใหญ่ อายุราว 800 ปี มีขนาดยาว 14.50 เมตร(29ศอก) ขนาดรอบลำต้น 3.50 เมตร ได้มีการนำต้นตะเคียนมาไว้ที่วัดสว่างอารมณ์ อำเภอสันป่าตอง มีผู้ทราบข่าวพากันไปสักการบูชาเพื่อขอเลขหวยแม่นๆ อย่างคึกคัก ทางวัดติดป้ายห้ามขูดต้นตะเคียน ห้ามโรยแป้งลูบหาเลขเด็ด ผมอยากเห็นบรรยากาศ อยากเห็นพฤติกรรมผู้ไปกราบไหว้ จึงเดินทางไปดู พอไปถึงในวัดสว่างอารมณ์ เห็นผ้าแพรสีสดหลากสีพันรอบต้นตะเคียนตั้งแต่โคนจรดปลาย จนมองไม่เห็นเนื้อไม้ต้นตะเคียน มีคนขายหวยวางแผงขายเกลื่อนวัด ทางวัดบริการธูปเทียน ผ้าแพรสี ชุดละ 20 บาท พ่อค้าไอศกรีม พ่อค้าซาลาเปา พลอยขายดีไปด้วย ผมเดินดูข่าวสารที่บอร์ดของวัดใกล้ต้นตะเคียน  มีภาพถ่ายรถเครนกำลังยกต้นตะเคียน มีข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ มีภาพลำน้ำแม่ขานจุดที่พบต้นตะเคียน ผมหันมามองต้นตะเคียน เห็นหญิงสาวผิวขาวร่างท้วม นั่งยองๆมีต้นตะเคียนบังสายตาคนทั่วไป กำลังใช้มือขวาโรยแป้งลงบนผิวตะเคียนแล้วใช้มือลูบหาเลขเด็ด  ผมเพิ่งเห็นกับตาครั้งแรก...ปรากฏว่า เลขท้าย 2 ตัวงวดถัดมา ประจำวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2555 คือเลข 29 ตรงกับต้นตะเคียนยาว 29 ศอก(14.50 เมตร)...ผมอับจนคำอธิบายจริงๆ.

                                                  …………………………………..

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…