Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

 

ชื่อเพลง “โปรดเถิดดวงใจ.”

เป็นวลีที่ฮิตติดปาก ไม่เชยเลย เนื้อเพลงว่า

                   “โปรดเถิดดวงใจโปรดได้ฟังเพลง นี้ก่อน

                    อย่าด่วนหลับนอนอย่าด่วนทอดถอน ฤทัย

                    จำเสียงของพี่ ได้หรือเปล่า

                    จำเพลงรักเก่า เราได้ไหม

                     เคยฝากฝังไว้แนบในกลางใจนาง  ฮึ ฮือ ฮึ ฮือ...”

         หนุ่มๆ เด็กเล็กพากันร้องเพลงนี้สนั่นเมือง ใครจีบสาว จะพูดวลี โปรดเถิดดวงใจ แทรกปะปนเสมอ วลีดังยกย่องผู้หญิงที่ตนหมายปอง และยังออดอ้อนแบบหวานปนเศร้าชวนให้สงสาร

ผมชะลอฝีเท้า

เพื่อนชายคนสนิทตามหลัง เราเงยหน้ามองคนร้องแล้วก้มหน้าเดินต่อไป ไม่กล้ามองนานเกรงคนร้องจะเขินแล้วหยุดร้องดื้อๆ ผิดคาดสามล้อเสียงทองเจ้าของปรัชญา “จอดรถปุ๊บหลับปั๊บ.” ไม่คิดมาก ใช้ชีวิตแบบพอใจในสิ่งที่มีอยู่จริง เขาหันมองเด็กหนุ่ม 2 คนแวบหนึ่ง แล้วหันมองตรง ถ่ายทอดความรู้สึกในเพลงโปรดเถิดดวงใจด้วยเสียงดังเต็มปากเต็มคำต่อไป จริงใจไม่ดัดเสียงไม่เสแสร้ง เรา 2 คนมองตาม สามล้อเคลื่อนที่ไปด้วยแรงน่อง พลังที่มาจากกายใจคนอาชีพสุจริต ไฟฟ้าเสาข้างถนนให้เห็นเขาเพียงตะคุ่ม เคลื่อนไปดังล่องลอย สามล้อโค้งอ้อมเจดีย์งาม ผมไม่เห็นเขาแล้ว แต่เสียงเพลงหวานเศร้าจากคนสู้ชีวิตยังแว่วมา คงสู่รังนอนเดิมของเขาเพื่อพักผ่อน และเริ่มใหม่ในพรุ่งนี้

ผมข้ามถนนเพียงเหลียวซ้ายขวา

เดินข้ามอย่างสบาย เดินเข้ากอง(ซอย)เลียบผ่านกำแพงคอนกรีตกงสุลอเมริกาด้านขวา เดินมากับเพื่อนคู่หูได้ครึ่งกอง มีทางแยกขวาเลียบกำแพงกงสุลอีกแล้ว แต่ผมเลือกเดินตรงไปเกือบสุดกอง ถึงบ้านห้องแถว มีแสงไฟลอดมาสู่ทางเดิน ทางด้านซ้ายมือ ที่วางด้านข้างถัดไปมืดสลัว ผมนึกย้อนไปถึงกลางวัน ทุกวันเวลาบ่ายๆผมจะเห็นยายแจ้งกับลูกจ้างหญิง คลุมหัวด้วยผ้า กำลังก้มๆเงยๆทำขนมหวานอยู่หน้ากระทะทองเหลือง เช่น ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง สังขยา สาลี่ ฯลฯ หลังสุดสาลี่นี่ผมชอบมาก มันฟูๆหอมจมูกจัง มี 3 สีคือ ชมพู ส้ม เหลือง แต่กินเปล่าๆฝืดคอ ผมจะบิเป็นก้อนเล็กพอคำลงน้ำเต้าหู้ร้อนๆในแก้ว รอให้ขนมสาลี่ดูดน้ำเต้าหู้ก่อนแล้วจึงใช้ช้อนตักใส่ปาก อมให้ฉ่ำลิ้นแล้วจึงกลืนช้าๆอย่างอาลัยอาวรณ์ มันหวานๆหอมๆนุ่มคออร่อยที่สุดในโลกเลย ผมเคยเข้าไปยืนดู กว่าจะเป็นทองหยอดสักลูก มีขั้นตอนหยุมหยิม แฝงศิลปะปนความประณีต

ขนมหวาน

เป็นสินค้าที่มีส่วนผสมน้ำตาลกับแป้งและไข่เป็นหลัก ศัตรูร้ายของฟัน อาหารสุดโปรดของเด็ก หลังการผลิตเสร็จสิ้นลง ราวสัก 3-4 โมงเย็น จะมีสามล้อปั่นมารับสินค้าขนมหวาน เจ้าของสินค้าอาบน้ำรออยู่ จะช่วยกันวางถาดขนมที่เบาะที่วางเท้า วางซ้อนกันให้ได้มากที่สุด จะใช้สามล้อ 2 คัน ในมือยายแจ้งยังต้องถือถาดขนมไปด้วย ยามนั่งข้างเบาะต้องทำตัวให้เล็กที่สุด สามล้อสองคันเคลื่อนออกไปจากแหล่งผลิตอย่างระมัดระวังสุดชีวิต สามล้อคงรับส่งเป็นเดือน มาตรงเวลา ไม่พูดทักทายอะไรกันมาก ประเภทรู้งานรู้หน้าที่กันดี รถสามล้อเคลื่อนออกกองเลี้ยวซ้ายมุมบ้านหมอวงค์ซึ่งเป็นหมอฟัน ไปตามถนนราชวงค์ระยะราว 100 เมตร ยุคนั้นจราจรแบบสองทาง รถรายังไม่มากมาย รถเคลื่อนไปช้าๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าประตูโรงหนังสู่ถนนที่ทอดตัวยาวไปยังตึกโรงหนัง  คนขายและผู้ส่งช่วยกันลำเลียงถาดขนมหวานวางบนตั่งสูงแค่เอวจนเต็ม เหลือที่วางบนตั่งส่วนที่ใกล้ตัวคนขาย สำหรับวางใบตองห่อขนม วางถุงกระดาษใส่ห่อขนมถ้าซื้อหลายอย่าง ไม้กลัดเตรียมอยู่ในกล่องข้างๆ

พอค่ำลง

โรงหนังจะเปิดเพลงขับกล่อม คนจะทยอยเข้าสู่โรงหนัง มาเที่ยว มาดูหนัง ค่าดูหนังยุคนั้น ต่ำสุด บัตรราคา 3 บาท เดิมชั้นนี้มีที่นั่ง 5 แถว หลังสุดเหลือเพียง 3 แถว ใกล้จอมากเลย เรือดก็ชุมด้วย ดูหนังกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เรือดมันกัดจิ๊ดที่เหนือขาพับขึ้นมา 1 ฝ่ามือหรือบางทีกลางก้น ถึงสะดุ้งยิก ราคาบัตรสูงสุดเป็นชั้นบนบัตรใบละ 12.50 บาท ทุ่มเศษๆโรงหนังจะเปิดเพลงมาร์ชเป็นสัญญาณหนังจะเริ่มฉายแล้ว ผมฟังแล้วคึกคัก นึกถึงพระเอกและพวกพ้อง กำลังยืนจังก้า สวมเสื้อกล้ามอวดกล้ามบึก ยืนถ่างขา กำลังส่ายปากกระบอกปืนยาว สาดกระสุนใส่ผู้ร้ายอย่างเมามัน ผมชักมันไปด้วย ที่เรียกว่ามีอารมณ์ร่วม ถ้าเป็นภาษาปัจจุบันก็เรียกว่า “อิน” อินกับหนัง แน่นอนเป็นฉากตอนจบ พระเอกชนะตามเคยครับ ถ้าบาดเจ็บก็แค่ที่ไหล่เล็กน้อย ไม่มีเดินขาลากขาเป๋มาหานางเอกให้น่าสังเวชแน่นอน

ขั้นตอนการผลิตขนม

บรรทุกรถสามล้อปั่นแล้วนำมาวางขายให้ลูกค้า น่าจะตรงกับศัพท์ปัจจุบันคือ โลจิสติกส์(Logistics) ที่หมายถึงระบบขนส่งสินค้าจากจุดต้นทาง ไปยังจุดบริโภค.

 

                                      ................................................................. 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ย่างเข้ากลางเดือนตุลาคม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แสงจ้าขาว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ที่สี่แยก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พื้นที่ป่าเมืองไทยล่าสุดเหลือเท่าไร ระหว่างปี พ.ศ. 2504-2552 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่ามากกว่า 72 ล้านไร่ เฉลี่ยป่าถูกทำลายปีละ 1.6 ล้านไร่ และในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 53.3 หรือประมาณ 171 ล้านไร่ พอมาถึงปี พ.ศ.
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
20 กรกฎาคม 2555
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
การเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พรรคประชาธิปัตย์
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
Normal 0 false false false
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง