Skip to main content
ยุกติ มุกดาวิจิตร
รัฐบาลทหารไม่อยากให้ถูกเรียกว่าตนเองเป็นเผด็จการ เพราะยอมรับความจริงไม่ได้ว่า ที่ตนเป็นอยู่นั้นเป็นเผด็จการ เหมือนโจรที่ไม่อยากถูกเรียกว่าโ
ยุกติ มุกดาวิจิตร
การสัมมนาที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เมื่อวันที่ 23-24 มค. ยังความรื่นรมย์มสู่แวดวงวิชาการสังคมศาสตร์อีกครั้ง ถูกต้องแล้วครับ งานนี้เป็นงาน "เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 7" หากแต่อุดมคับคั่งไปด้วยนักสังคมศาสตร์ (ฮ่าๆๆๆ) น่ายินดีที่ได้พบเจอเพื่อนฝูงทั้งเก่าทั้งใหม่มากหน้าหลายตา แต่ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นคือการได้สนทนาทั้งอย่างเป็นทางการ ผ่านงานเขียนและการคิดอ่านกันอย่างจริงจัง บนเวทีวิชาการ กับเพื่อนๆ นักวิชาการรุ่นใหม่
Road Jovi
     จากการอ่านปาฐกถาของท่านกีรตยาจารย์ ผมพบว่า มีความเห็นบางอย่างที่น่าจะเป็นการมองสังคมอย่างคลาดเคลื่อนไปจึงไคร่อยากจะแสดงความเห็นในมุมของผมบ้างเกี่ยวกับปาฐกถาดังกล่าว ดังนี้
นายหมูแดงอวกาศ
เอ็นจีโอ สายพันธุ์ใหม่ 2010 ภาพจาก desertpeace.wordpress.com             หลายครั้งผมเคยถามตัวเองว่าผมคืออะไร  ผมคือนักพัฒนา ผมคือภาคประชาสังคม หรือผมก็คือเอ็นจีโอนั่นแหละ  เอาเป็นว่าผมก็คงเป็นได้ทุกอย่างที่ผมอยากจะเป็นและก็คงเป็นทุกอย่างที่ผมสามารถทำงานได้เพื่อ..... ที่ผมตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ยอมรับว่าต้องใช้ความกล้าหาญหลายครั้ง แต่ก็ยอมรับต้องถึงเวลาออกมาพูดคุยกันสักที เพราะช่องว่างระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องเริ่มขยับไกลออกจากกันไปทุกที ความคิดความเชื่อกลวิธีก็ต่างกันไปตามลำดับของกาลเวลา แต่ต้องบอกและต้องเน้นย้ำตรงกัน "สิ่งนั้นไม่ใช่นำมาซึ่งความแตกแยก เพราะเขาหรือเราไม่ได้เชื่อแบบนั้นติดแบบนั้นและตีความผิดไปหมด ไม่ใช่พวกเราเหล่านี้เป็นต้น"   แล้วคำถามต่อมาเอ็นจีโอคืออะไร อะไรเรียกว่าสายพันธุ์เก่า หรือ อะไรที่เรียกว่าสายพันธุ์ใหม่  ผมเอาที่เขาเล่ามาแล้วกันแล้วมาเล่าต่อ   สายพันธุ์เก่า  บางคนนิยามว่า เป็นพี่น้องที่เข้าถึงประชาชนทั้งความคิดการแต่งตัว เป็นพี่น้องที่เข้าไปร่วมเคลื่อนขบวน ทั้งประเด็นเย็นหรือร้อนๆ สายพันธุ์ใหม่  บางคนเล่าว่าแบบใหม่นี่เล่าสื่อเก่ง เคลื่อนไว เล่นนโยบายและเป็นแบบกึ่งวิชาการ คือ พื้นที่บ้างวิชาการบ้าง   แล้วอะไรเป็นประเด็นหละ  เพราะเท่าที่ผมเข้าใจประเด็นคือ ความไม่เข้าใจกัน ความคิดความเชื่อที่ต่างกัน ยกตัวอย่างนะครับ "สายพันธุ์เก่ามองว่า สายพันธุ์ใหม่นี่แหละเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ งานเคลื่อนไหวไหม ทำไมมันคิดมันเชื่อแบบนี้วะ เป็นวิชาการ  แต่ขณะเดียวกันสายพันธุ์ใหม่ก็มองว่าสายพันธุ์เก่าหัวแข็งเอาแต่วิธีการเดิม ไม่เคบรับฟังน้องๆสายพันธุ์ใหม่บ้าง ดูถูกรุ่นใหม่สูง " แต่ที่ผมพูดมาก็คือที่เคยได้ฟังทั้ง 2 สายพันธุ์เพราะมีโอกาสไปฟังมา  แต่ตัวผมเองเคยไปเจอมาครั้งหนึ่งก็แปลก" ในเวทีบอกว่าเสนอรับฟังทุกส่วน  แต่พอเราเสนอไปแล้วนั้นปรากฏว่า โดนตอกเต็มหน้าเพราะอาจไม่ถูกหูพี่เขา เขาคิดแบบนี้ผมเชื่อแบบนี้ทำไม ความคิดผมคนเดียวก็ขับเคลื่อนประเทศได้ เจ้าพระคุณท่านพี่แบบนี้ท่านพี่เอาแต่แนวคิดพี่คงไม่ต้องไปทำงานกับใครแล้ว ด้วยความเป็นผู้น้อยผมก็หุบปากดีกว่า" นี่แหละครับการรับฟังตัวตนเริ่มบังเกิด แล้วทีนี้รอยต่อ 2 รุ่นจะเชื่อมยังไง มันห่างออกไปเรื่อยๆ ท้ายสุดกระบวนการเดิมก็ไม่มีใครสานต่อ แต่กระบวนการใหม่ก็เกิดการเคลื่อนไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่รู้รากเหง้า ที่มา www.ebook.net           ผมไม่รู้ว่าช่องว่างจะทำอย่างไร (สำหรับบางกลุ่ม) ที่แนวคิดความคิดความเชื่อต่างกัน แล้วเอามาคุยเป็นโจทย์กันง่ายๆ คือ แล้วรุ่นเก่าทำไมไม่เอารุ่นใหม่ และรุ่นใหม่ไม่สามารถรับรุ่นเก่าได้ หลายครั้งผมเคยเห็นเวทีประสบการณ์ที่หลายๆที่ทำให้คนรุ่นเก่ารุ่นใหม่มามาเจอกันถ่ายทอดร่วมกัน หลายครั้งประทับใจพี่ๆ บางท่าน หรือ ผู้อาวุโส บางท่านที่ถ่ายทอดความรู้ ทั้ง ลุงริน อ. ไพบูลย์ พี่เดช เป็นต้นและท่านอื่นๆ ที่ทำให้ผมได้ความรู้ความคิด  แต่หลายครั้งก็แปลกไปการแลกเปลี่ยนกลายเป็นเวทีปะทะกัน เพราะความคิดที่ต่าง ทางออกคงเป็นสิ่งที่ง่ายๆผมว่า "การรับฟังกันและพูดคุยอย่างเป็นมิตร" แล้วบรรยากาศการคุยหรือที่หลายๆเวทีทำจะทำให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนและเป็นพี่กับน้องกันจริงๆ   การพัฒนาไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็พัฒนาเหมือนกัน คงไม่ได้แบ่งที่อายุ ความคิด ความเชื่อหรือวิธีการ เพราะเราต่างเป็นเอ็นจีโอเพื่อผองชน