ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง
ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย
ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ
ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า
ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา
ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.
ชาน่า
“เม้าท์แตก...ชาวเรา” วางแผงแล้ววันนี้... Behind the scene of come out the closet !ออกพรรษาแล้วนะคะแต่เชื่อว่าหากหลายคนยังรักษาศีลไม่ว่าจะอยู่ในหรือออกนอกพรรษาก็จะได้กุศลอย่างใหญ่หลวง และเป็นสุขกันถ้วนหน้าค่ะสัปดาห์นี้ ชาน่ายังอยู่เมืองไทยก่อนจะบินไปทำงานประจำที่อเมริกา และยุโรปต้นเดือนหน้า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการรวมเล่ม ... “เม้าท์แตก...ชาวเรา” จึงอยากจะเล่าเรื่องราวความเป็นมา “กว่าจะเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คออกสู่สายตามหาชน”ตอนแรกก็เกิดอาการสองจิตสองใจ ว่าจะรวมเล่มดีมั้ย ผลกระทบจะเป็นเยี่ยงไร หลากหลายความคิด แต่สุดท้าย แรงสั่นสะเทือนและเจตนาอย่างแรงกล้านั้นได้เข้าสิงสถิตย์ในวิญญาณ เคยทำงานประจำพอได้พักร้อน หยุดทำงานแล้วมันเกิดอาการว่างจัด โดยเฉพาะการกลับมาพักร้อนในฤดูฝน ช่วงพรรษา ฝนตกน้ำท่วม ออกไปไหน ทำอะไรไม่ได้มาก จึงได้ไอเดียในการเผยแพร่ เรื่องราวหลากหลาย มากมายต่างมุมมองของวิถีเกย์กล้า เกย์บ้านนา เกย์เด็กแนว(ตะเข็บชายแดน) เกย์โกอินเตอร์ เพราะเชื่อแน่ว่า อย่างน้อยก็คงพอจะเป็นสาระ (แน) และบันเทิงผ่านตัวอักษร เป็นหนังสือสื่อสร้างสรรค์เนื้อหาบางตอนได้ตัดต่อ เพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสมและให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์สูงสุดชาน่าลงทุนร่วมแรง ร่วมใจกับผองเพื่อน จัดทำเล่มนี้ขึ้นมาด้วยใจรัก แม้จะได้รับกระแสหลากหลาย ทั้งคนที่หวั่นไหว เกรง กลัว เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องราว “แรงได้จิต” แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกกลมๆ ใบนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนหลายเพศ (เดี๊ยนรับรอง) มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้ใครหลายคนยอมรับ และไม่ใช่เรื่องยากที่จะผลักดัน ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตามความต้องการของใครหลายคน"เม้าท์แตก...ชาวเรา" เป็นการรวมเล่มจากคอลัมน์ พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์ ในเว็บหนังสือพิมพ์ประชาไท จีบปากจีบคอโดย เกย์(สาว)เปรี้ยว ชาน่า ผู้ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวหลากหลายมุมมองของเกย์ไทยและต่างแดน ไลฟสไตล์ วิถีเกย์กล้า แสนฮา สุดขำ แสบสันต์ หรือเศร้า น้ำเน่าเอาเรื่อง หลากหลายสาระและความมันส์ บนพื้นฐานของชีวิตจริงที่ต้องเกี่ยวข้องกับ ชายจริง หญิงแท้ อ่านได้ทุกเพศไม่จำกัด รับรองคุณจะวางไม่ลง"“Coming out the closet!” The Gay Living Tips, Travel, and Safe Sex Experiences.
National Book Fair 2007, Bangkok – A new pocket book called “Coming Out the Closet!” was released officially at Anit Publishing Booth on 23rd October, 2007 during the National Book Fair 2007.
The author “Chana”, a popular columnist in http://www.prachatai.com, told the true stories of herself and her gay gangs by using fun languages and slangs which specifically use among gays. The stories are about gay life style, relationship, social & family issues, travel, and knowledge of safe sex. “Human beings should love each other without barriers in caste or genders. If we are fulfilled with love we will protect each other from their pain and save people’s lives. Because of love, we care for each other, and encourage each other when someone is down. We provide a chance for someone to go on with their lives and give our hands to support them. I wish gays would share love and compassion with each other forever.” Introduction provided by Udomprachathorn, Wat Prabath Num Phoo. “This book is the most real book I have ever! Chana - I cannot believe what stories you have and as for myself they are all Real because I was there as well! The Gay Life.... Two Thumbs UP for You!” Stefan Engl, Asst. Food & Beverage Manager, Queen Mary 2, Cunard Line The partial of sales will be donated to the charity and HIV patient at Wat Prabaht Num Phoo, Saraburi.อ่านง่าย...ถ่ายคล่อง รับรอง แสบสันต์แสนฮา เนื้อหาแรงได้จิต แต่โดน..เจ้าค่ะตัวอย่าง....สาระ(บาน) - สารบัญ “เม้าท์แตก...ชาวเรา"
ชวนเม้าท์...ชีวิตชาวเรา
1. พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์ Gay’s talk and Lifestyle
2. รักเอย ...ของชีวิตเกย์ What love got to
do !
3. ไซเบอร์เซ็กส์ ...เอ็กซ์ผ่านจอ Cyber Sex …XXX through screen.
ชวนเม้าท์...โลกของเรา
4. ฟิตเนสเพื่อสุขภาพของเกย์ For healthy life .Let’s go to Gay Fitness.
5. ซาวน่า
ไลฟ์สไตล์ของชาวเรา Sauna… another gay lifestyle .
6. เป็นเกย์หรือไบ จะแสดงออกดีหรือไม่ ควรบอกใครดี Coming out ?
7. 25 ข้อดีที่แสนประเสิร์ฐของคนที่เกิดเป็นเกย์ กะเทย คุณเห็นด้วยหรือไม่ 25 advantages for being gay.
8. Hot line สายร้อน สายด่วนของเกย์ Gay hot line…Line is getting hotter !!
9. เกย์สาวออฟฟิศ เคยจีบใครในที่ทำงานหรือเปล่า Are gays Flirt @ work ?
10. วิธีสังเกตุชายคนไหนที่เป็นเกย์ How to observe gay characteristics.
11. คิดยังไงกับการมีลูกบุญธรรมของเกย์ Adopted Child by gay .
เม้าท์หนัง...ฟังเพลง
12. “ Brokeback Mountain “ แตกหลังเขา เราสามเพศที่เกี่ยวข้อง Brokeback mountain..the secret love ..makes me alive.!
13. เพื่อนกูรัก(มรึง)ว่ะ Bangkok Love story is it true love ?
14. ความรักที่เป็นเพลงความลับ กับชู้ทางใจของมัม ลาโคนิค “Secret lover” Is a secret forever !
เที่ยวไป...เม้าท์ไป
15. คัมภีร์พาเที่ยวทั่วโลกของเกย์ “Gay Guide book” a gay planet .
16. ท่องราตรี ที่กรุงเทพ ๑ one night in Bangkok 1
17. ท่องราตรี ที่กรุงเทพ ๒ one night in
Bangkok 2
18. พาเที่ยวเกาะเกย์ที่ดังของโลก The gay friendly Island,Mykonos - Greece
19. หาดเปลือย ทำไมคนชอบไปจัง Oh my gosh !... Nude Beach
20. เกย์สัญจร พาเที่ยว เวนิสเมืองที่โรแม๊นติกมากที่สุดในโลก
The most romantic city in the world.
21. มหึมา Gay Cruise พาท่องล่องนาวากับเรือสำราญ wow !! Homo Titanic cruise !
ขอเม้าท์...เตือนใจ
22. เตือนใจ เม้าท์เตือนภัยรายวันสำหรับชาวสีม่วงและทุกเพศ Daily warning for purple chicks !
23. วิธีแชทอย่างไรให้ปลอดภัย Being safe for Chatters !
24. ใครบอกว่า ออรัลไม่ติดโรค Oral Sex may get infected .
25. ช่องทางโกอินเตอร์ ขายเนื้อ ค้าน้ำกามข้ามชาติ Prostitute…goes inter !
26. พาไปรู้จักถุงยางอนามัยสิ่งที่เกย์รักสนุกต้องใช้ Condom …a tool for having fun.
27. ป๊อบเปอร์ สิ่งเสพติดหรือแค่สารที่ทำให้เคลิ้มยามร่วมเพศ Poppers it’s drug or just arousing sex !
28. เตือนเพศทั้งหลายเรือนหลังสุดท้ายของผู้ป่วยเอดส์ -วัดพระบาทน้ำพุ The last resident of HIV patients.เวลาในการทำหนังสือเล่มนี้ ...วันที่ 12 ตุลาคม 50 ตัดสินใจเข้าออฟฟิศเพื่อน (บริษัท อีดีที กรุ๊ฟ เอ็กเพรส) เพื่อเปิดเป็นฐานปฎิบัติการอำนวยการ ระดมเรียก ตีฆ้อง ร้องป่าว ชาวเพื่อนรัก ร่วมกันทำวันที่ 13 ตุลาคม 50 ได้รับคำนิยมจากท่านเจ้าคุณประชาทร วัดพระบาทน้ำพุ ตอนเช้าเข้าสตูดิโอ เดอะ ไฮนิส สตูดิโอ ทองหล่อ 55 ตอนเย็นเลือกรูปและออกแบบหน้าปก วันที่ 14-16 ตุลาคม 50 สามวัน สามคืน กิน นอน ทำงานในออฟฟิศ ทั้งอาร์ตเวิร์คและ จัดหน้า โดยได้ลุย (เพื่อนวงการทีวี ) มาช่วยเต็มพลัง วันที่ 17 ตุลาคม 50 ส่งต้นฉบับเข้าสู่ โรงพิมพ์ “ภาพพิมพ์” ซึ่งมีคุณปอ ดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมทั้งได้รับอาร์ตเวิร์คหน้าปก ซึ่งมีน้องชายคนหนึ่งที่ทำรีทัชภาพชาน่า ออกมาไม่ให้หน้าชา ขอบอกว่าคนเดียวกันที่ทำรีทัชภาพพี่มาช่าในโฆษณาล่าสุดเจ้าวันที่ 18 ตุลาคม 50 ตรวจทาน ต้นฉบับ สองสามครั้ง ไปกลับโรงพิมพ์และออฟฟิศทองหล่อวันที่ 19 -22 ตุลาคม 50 ปฎิบัติการพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊ค ในระหว่างนั้นได้ติดต่อผับ บาร์ ต่าง ๆ เพื่อโปรโมทหนังสือ ตอนเย็นได้รับหนังสือส่งตรงถึงออฟฟิศ และบริษัทจัดจำหน่าย โดย อนิศ ดิสทริบิวชั่น จำกัดวันที่ 23 ตุลาคม 50 ตื่นแต่เช้า เสื้อผ้า แต่งหน้าทำผม (วิกปลอม) โดย เดอะ ไฮนิส สตูดิโอ เที่ยงถึงบ่ายโมง ที่งานหนังสือแห่งชาติ ไปแจกลายเซ็ง .. พิมพ์ผิด ค่ะ ลายเซ็นต์ ซึ่งได้พบปะเพื่อนพ้อง น้องพี่ คนอ่านหนังสือใหม่และเก่ามากมายสรุปเบ็ดเสร็จ 10 วัน “ฉันทำได้ “ “chana she can”ด้วยเจตนารมย์ของชาน่า และเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ร่วมกันทำ รายได้ส่วนหนึ่งเราจะมอบให้กับการกุศลต่าง ๆตามสมควรและวัดพระบาทน้ำพุ นั่นคือจุดประสงค์หลัก “เรารักสังคม” เพราะไม่ได้ให้สำนักพิมพ์ไหนทำเพื่อธุรกิจการค้า หวังผลกำไร แต่สิ่งที่เราได้คือความสุข อันพึงมีที่เราอยากจะหยิบยื่นเพื่อสังคมของเราสมัยเรียนชาน่าเคยได้รับทุนการศึกษา จากสังคมตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งล่าสุดระดับปริญญาตรีเคยได้รับทุนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพ ในรั้วรามคำแหง จึงได้รับการปลูกฝัง ว่าหากเรามีโอกาสเราจะตอบแทนสังคมหลายครั้งหลายครา ที่ชาน่าผ่านจังหวะวิกฤติของชีวิตที่เกือบเอาตัวไม่รอด เกือบจะไม่ได้กลับมาแผ่นดินเกิด พอการกลับมาพักร้อนปีนี้จึงได้คิดและทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน เพราะชีวิตของคนเรา ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น หากมีโอกาสคิดที่จะทำอะไรก็จงทำเสียเถิด จักเกิดผล อย่างน้อยสุดแม้อะไรจะเกิดขึ้นตอนนี้ก็ถือว่า ...เราทำดีที่สุดแล้ว
อันดับแรกต้องขอขอบพระคุณ ประชาไท เว็บไซต์ข่าวคุณภาพเพื่อสังคมและประชาชน ที่ให้โอกาสชาน่าได้ถ่ายทอดเรื่องราว แม้บางครั้งอาจจะมีใครหลายคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการเขียน แต่ถือว่านั่นคือกำลังใจในทุกความรู้สึกที่ได้ ขอบคุณ คุณ ภู เชียงดาว ผู้ชักนำเข้าสู่วงการ และพี่ น้องผองเพื่อน ประชาไททุกคนขอขอบพระคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ทุกความคิดเห็นและทุกข้อความสนับสนุนในการเขียนหนังสือเล่มนี้ เพื่อนเว็บไซต์ พันทิป ประชาไท และเว็บของชาวเราทั้งหลายมากมายค่ะมากกว่าคำขอบคุณเพื่อนนักอ่าน เพื่อนใหม่ เพื่อนเก่าที่ติดตามกันมาโดยตลอด กราบขอบพระคุณ พี่ ๆ สื่อมวลชน และสื่อทีวี วิทยุ วารสาร หนังสือพิมพ์ เว็บไซด์ต่าง ๆ ที่ช่วยแนะนำหนังสือเล่มนี้ฮ่ะ
ฝากถึงทุกท่าน...หากคิดว่า หนังสือเล่มนี้... “เม้าท์แตก...ชาวเรา” จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ร่วมด้วยช่วยชาน่า โปรโมทเพื่อเข้าถึงกลุ่มได้อย่างทั่วถึงนะคะ และหากผิดพลาดประการใด ชาน่าขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวนะคะชาน่าไม่หวังอะไรมาก แค่อยากจะแปลเป็นเก้าภาษาทั่วโลก และมีใครนำเรื่องไปสร้างเป็นหนังดังระดับฮอลลี่วู๊ด ว๊ายยยยย ล้อเล่น ฮ่ะ ...(นี่ขนาดไม่หวังอะไรมากนะคะ)หาซื้อได้ที่ไหน...สิ้นเดือน ตุลาคมนี้ ติดตามได้ทุกร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ทั่วไทย อาทิเช่น ร้านบีทูเอส นายอินทร์ ซีเอ็ด บุ๊คสไมล์เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ราคาเล่มละ 159 บาทค่า
แสงพูไช อินทะวีคำ
ในประเทศลาว หากเอ่ยถึงวรรณคดีปฏิวัติแล้ว หลายคนก็เข้าใจทันทีที่เอ่ยถึง ว่าเป็นบทวรรณคดีที่แต่งขึ้นในยุคที่ทำการปฏิวัติชาติประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระยะที่ประเทศชาติลาวตกเป็นอาณานิคมของจักรพรรดิเก่าและใหม่ ระยะนี้วรรณคดีเกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์อยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นเครื่องมือรับใช้ให้แก่การปฏิวัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลดปล่อยประเทศชาติและประชาชนออกจากการกดขี่ของจักรวรรดินิยม เพื่อให้ชาติและประชาชนมีเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยประชาชนเมื่อเป็นเช่นนั้น วรรณคดีปฏิวัติระยะนี้จึงมีความสำคัญมากในการประกอบส่วนเข้าในการโฆษณาเผยแพร่ผลงาน และการชนะสงครามของการปฏิวัติ, การรณรงค์ให้ประชาชนบรรดาชนเผ่าเข้าร่วมการปฏิวัติเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิยม และหุ้นผู้ขายชาติที่หวังกลืนกินประเทศชาติลาวหลายๆ บทประพันธ์ที่ประพันธ์ขึ้นจากฝีมือของนักเขียนปฏิวัติ เช่น 1. ส.บุบผานุวง หรือ ชายเชโปน ที่มีชื่อจริงว่า “สุวันทอน บุบผานุวง” 2.จ.เดือนสะหวัน ที่มีชื่อจริงว่า จันที เดือนะหวัน 3. ดาวเหนือ และนักเขียนปฏิวัติ ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถจำชื่อได้หมดและก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย นักเขียนเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองลาว ในฐานะที่เป็นนักเขียนปฏิวัติอาวุโส บทเขียนที่เขียนขึ้นโดย ส.บุบผานุวงก็มี อาทิ ใต้ร่มทงของพัก, ลูกสาวของพัก, กองพันที่สอง, อยากข้าเพี่นโตตาย. บทเรื่องที่เขียนจาก “จ.เดือนสะหวัน” ก็มี เส้นทางแห่งชีวิต 3 เล่ม นอกนี้ก็มีบท เรื่องต่างๆที่ถูกนำลงพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ นอกจากสองท่านนี้ก็ท่านนักเขียนท่านอื่นๆเช่น “ดวงไช หลวงพาสี” เรื่อง สายเลือดเดียวกัน เรื่อง ฟองเดือนเก้า ของ “ท่านคำมา พมกอง” และ พัดพากจากสี่พันดอน ของ “ป้าเวียงเฮือง” นอกนี้ก็มีบทเขียนอื่นๆและนักเขียนปฏิวัติท่านอื่นๆ หลายท่านซึ่งผมไม่สามารถจำได้หมดบทเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมานั้น แสดงออกให้เราเห็นถึงแนวคิดปฏิวัติ สีสันตามรูปแบบปฏิวัติ หลักจรรยาบรรณของรูปปฏิวัติ ก้าวไปสู่แนวคิดที่สร้างสรรค์ในรูปแแบบปฏิวัติ เพราะทุกบทเรื่องที่เขียนล้วนสะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “มีเพียงการปฏิวัติเท่านั้น ที่สามารถนำความเป็นเจ้าของประเทศชาติมาสู่พี่น้องประชาชนชาวลาวทั้งประเทศได้” เมื่อเราอ่านวรรณคดีปฏิวัติแล้วทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นขนานสองด้านอย่างแจ่มแจ้ง คือ ความก้าวหน้าศิวิไลซ์ของการปฏิวัติและความอยุติธรรมในสังคมเก่า แต่ในบทเรื่องปฏิวัติไม่ได้พูดถึงว่า การปฏิวัติมีอะไรบ้างที่ไม่ดีและในสังคมเก่ามีอะไรบ้างที่ดีเมื่อเราอ่านบทเรื่องปฏิวัติแล้ว เหมือนกับว่าเราสามารถมองเห็นความมีระเบียบของผู้คนจะเป็นใครก็ตามที่เดินตามเส้นทางปฏิวัติ มองเห็นความจงรักภักดีของคนที่มีต่อการปฏิวัติ ถือเอาการปฏิวัติเปรียบเสมอเหมือนชีวิตจิตใจ ถือการปฏิวัติเหมือนกับลมหายใจเข้าออกของตนนอกจากนั้น เมื่อเราอ่านแล้วทำให้เรามองเห็นว่า สภาพการดำรงชีวิตของผู้คนก่อนการปฏิวัติมีความเป็นอยู่ที่เลอะเทอะ สร้างสิ่งที่ไม่ดีงามขึ้นในสังคม อ่านแล้วทำให้เรามองเห็นภาพเหมือนกับว่า แผ่นดินลาวก่อนปฏิวัติถูกครอบงำด้วยซาตานอะไรประมาณนั้น อ่านแล้วเหมือนกับว่า ก่อนการปฏิวัติแผ่นดินลาวทุกหย่อมหญ้ามีแต่เปลวไฟลุกลามไปทั่ว ทำให้แผ่นดินกลายเป็นแผ่นดินเถื่อน ในแผ่นดินเต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตา รอการช่วยเหลือให้หลุดออกจากกงกรรมแห่งนรกอเวจีอย่างใดก็ดี ในบทต่อไปผมจะอนุญาตท่านผู้อ่าน เสนอเรื่องลาวต่างๆในบทวรรณคดีปฏิวัติเพื่อเป็นการแลกเปลียนทัศนะด้วยกัน.หมายเหตุ : งานชิ้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ “เวียงจันท์ใหม่” เมื่อปี ค.ศ.2005 แล้ว แต่จำเดือนไม่ได้ จึงขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย
new media watch
ไม่ใช่ 'เชลล์ชวนชิม' ออนไลน์ แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของ 'มนตรี ศรียงค์' กวีหนุ่ม เจ้าของรางวัลซีไรต์ประจำปี 2550 ที่ใช้เวลานอกเหนือจากการแต่งกวี ในฐานะ 'เจ้าของร้านบะหมี่เป็ดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา'เนื้อหาข้างในบล็อกไม่ได้สอนวิธีทำบะหมี่เป็ดหรือขายแฟรนไชส์ แต่มีทั้งบทกวีและคำทักทายมิตรรักแฟน (คลับ) กวี รวมไว้ให้นักอ่านได้ลิ้มรสไม่ว่าวิวาทะเรื่องรางวัลซีไรต์จะลงเอยอย่างไร ถ้าสุภาษิตที่ว่า "ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" ยังใช้การได้ ขอเชิญไปทัศนาและพินิจพิเคราะห์กันเอาเองที่ http://www.softganz.com/meeped/index.php