Skip to main content

ขอ 'อภัย' ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ(ไม่) เกี่ยวข้องกับการ 'อภัย' ใน 'โทษ' ของคนตนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!

เพณิญ

        ตาย ก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน

คิดๆ แล้วแค้นสุดขีด สุดฤทธิ์ สุดเดช ว่าทำไม ทำไมต้องทำร้ายกันอย่างนี้

        บุณคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ

เกริ่นมาแบบนี้ เพราะจะชวนให้ตั้งคำถามว่า

แท้จริงแล้ว...สังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมจะให้ อภัย กันเสมอ จริงหรือ?

และขอ อภัย ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ (ไม่) เกี่ยวข้องกับการ อภัย ใน โทษ ของคนคนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!

             

การแก้แค้น ซากกบตาย :  ตลกร้ายและความชิบหายวายป่วง

          เป็นความจริงที่ว่า มนุษย์สามารถเกิดอารมณ์โกรธแค้นและมีแนวโน้มโดยธรรมชาติที่จะใช้ความรุนแรงในการตอบโต้หรือแก้แค้น เราสามารถใช้หลักการทางจิตวิทยามาสนับสนุน โดยจากการศึกษาพฤติกรรมการชมละครหรือภาพยนตร์ ในตอนท้ายเรื่องหากตัวเอกสามารถแก้แค้นตัวร้ายได้สำเร็จ ผู้ชมจะเกิดความพึงใจมากกว่าจะนั่งชมความสำเร็จของตัวร้ายที่ไม่ได้รับผลร้ายตอบแทนให้สาสมกับความชั่วของตนเอง

ไม่แปลกที่ละครไทยไทย มักจะจบด้วยภาพการประสบเคราะห์กรรมของตัวร้าย ก่อนจะฉายภาพให้เห็นความสุขสมหวังของตัวเอก ทั้งที่หากพิจารณาดูแล้ว สัดส่วนของเคราะห์กรรมที่ตัวร้ายได้รับมักเกินกว่าเคราะห์กรรมของตัวเอก (แต่ก็อีกนั่นแหละ เราเรียกการได้รับการแก้แค้นหรือการรับความผิดจนจมกองเลือดเหล่านั้นว่าเป็นการสั่งสอนในเรื่องผลของการกระทำความชั่ว ศีลธรรม ฯลฯ)

 

ทีนี้ ลองมาฟังการแก้แค้นในแบบเด็กๆ ที่จะว่าเป็นเพียงมุขตลกขำขำ หรือจะมองให้ลึกซึ้ง ถึงความชิบหายวายป่วงที่เกิดขึ้น ก็ตามแต่วาระแห่งการพิจารณา

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าอันไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่ม อย่างไรขอยกมาเล่าอีกครั้ง...

เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชายคนหนึ่ง เดินลากซากกบตัวแบนแต๊ดแต๋ ไปที่หอนางโลม แล้วบอกกับมาม่าซังว่า

ผมต้องการนอนกับหญิงสาวที่เป็นโรค ได้ยินมาว่าใครที่มาที่หอนางโลมนี้ จะต้องไปโรงพยาบาลและโดนฉีดยา ผมเลือกหญิงสาวที่เป็นโรคคนนั้นแหละ

แรกๆ มาม่าซังก็อิดออด หากแต่ทนการรบเร้าของเด็กชายไม่ไหว

เอาเถอะ ทำตามความต้องการของผม ผมมีเงินจ่าย เด็กชายควักเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วถูกพาไปยังห้องของหญิงสาวที่เป็นโรค

15 นาทีผ่านไป เด็กชายเดินลงบันไดมา มือก็ยังคงลากซากกบตายอยู่อย่างนั้น

ถามหน่อยเถอะ ทำไมถึงเลือกนอนกับหญิงสาวที่เป็นโรค มาม่าซังถาม
"มันเป็นแผนการแก้แค้นของผมน่ะเด็กชายตอบด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความคับแค้น

เย็นนี้พอผมกลับบ้าน พ่อกับแม่จะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน แล้วทิ้งให้ผมอยู่กับพี่เลี้ยง
ผมก็จะฟันพี่เลี้ยงซะ แล้วพี่เลี้ยงผมก็จะติดโรคที่ผมเพิ่งติดไปเนี่ยแหละ

จากนั้นพ่อก็จะต้องขับรถไปส่งพี่เลี้ยงของผมที่โรงพยาบาล ระหว่างทางพ่อก็จะฟันพี่เลี้ยงของผม แล้วพ่อก็จะติดโรค พอพ่อกลับมาบ้าน พ่อก็มีอะไรกับแม่ แล้วแม่ก็จะติดโรคอีก

มาม่าซัง ตาโตกับแผนการแก้แค้นของเด็กชาย
แล้วพอถึงตอนเช้า พอพ่อไปทำงาน คนส่งนมก็จะมาส่งนม แล้วเขาก็จะฟันแม่ของผม

แล้วเขาก็จะติดโรค
            "ไอ้คนส่งนมเนี่ยแหละ ที่มันขับรถทับกบของผมตาย"

 

            โอ้ละหนอ ช่างเป็นการแก้แค้นที่แสนขำขื่น หากแต่ก็กลายเป็น กระบวนการแก้แค้นที่ ลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จำนวนมาก เข้ามาอยู่ในกระบวนการแก้แค้นนั้น

ฟังเรื่องนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า คนไทยกี่คนต่อกี่คนที่ต้องติดโรคร้าย อันเป็นผลจากกระบวนการแก้แค้นให้สาสมกับการกระทำของผู้ชายคนหนึ่ง (ชายส่งนม คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร)

 

สมการและความชอบธรรมของการแก้แค้น

นาย ก. ดีดหู นาย ข. = นาย ข. ดีดหูนาย ก.

คือสมการการแก้แค้นที่ได้ หากนาย ก. ดีดหู นาย ข. แล้วนาย ข. ดีดหูนาย ก. กลับ

แต่ในความเป็นจริงรูปแบบของการแก้แค้นมักไม่ได้เป็นไปดั่งสมการ เพราะความแค้นมักจะถูกระบายออกโดยการแก้แค้นหรือการล้างแค้นในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ การสาบแช่ง การก่นด่า การลงโทษโดยทางตรงและทางอ้อม

ดังนั้นหากนาย ก. ดีดหูนาย ข. แล้ว นาย ข. อาจแก้แค้นด้วยการชกหน้านาย ก. จนฟันหัก และเอายาเบื่อให้สุนัขของนาย ก.กิน เพราะโดยสัญชาตญาณแล้ว มนุษย์มักจะแก้แค้นด้วยความรุนแรงที่เกินส่วนขึ้นในทุกๆ ครั้งที่เกิดการแก้แค้น

และความรุนแรงที่เกินส่วนนั้นเองที่ทำให้เกิดการแก้แค้นครั้งต่อๆ ไป เราจึงเห็นการแก้แค้นกลับไปกลับมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างก็คือ การแก้แค้นยังแฝงอยู่ในหลายๆ พฤติกรรมทางสังคมอย่างชอบธรรม เช่น การลงโทษผู้กระทำผิด การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกินความเสียหายที่แท้จริงอย่างมาก แม้ว่าหากจะอธิบายในเรื่องของกฏหมายและความยุติธรรมแล้ว เรื่องดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อการป้องกันการกระทำความผิด แต่ในความเข้าใจของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจของคนเรียกร้องให้ดำเนินคดี นั่นคือการแก้แค้นอีกอย่างหนึ่งที่เคลือบแฝงไปด้วยความรู้สึก สะใจและความรู้สึกที่ว่าจะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ สาสมแก่ความผิด

แต่สิ่งที่หายไปจากการแก้แค้นในรูปแบบนี้ก็คือ การปิดโอกาสการแก้แค้นกลับ ด้วยการวางระบบยับยั้งสัญชาตญาณของมนุษย์โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ศีลธรรม จริยธรรมและกระบวนการยุติธรรม อันเป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่การแก้แค้นนั้น

            หากแต่คำถามก็คือ การแก้แค้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ หรือใช้วิธีการใดๆ มีความชอบธรรมจริงหรือ

 

ให้อภัย การตกผลึกทางความแค้นในจิตใจของมนุษย์

            จากเรื่องของการแก้แค้น ลองมาฟังเรื่องของการให้อภัยกันบ้าง

ลอร่า บูลเมนเฟลด์ - นักเขียนสาวประจำหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ ออกเดินทางจากอเมริกาไปตะวันออกกลาง เพื่อชำระหนี้แค้นให้กับพ่อของเธอ (ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวถูกมือปืนชาวปาเลสไตน์ยิงกลางตลาดในเยรูซาเล็ม แต่รอดชีวิตมาได้)

จากการเดินทางเพื่อชำระหนี้แค้น ทำให้เธอพบเรื่องราวเกี่ยวกับความแค้นมากมายในพื้นที่ต่างๆ และสุดท้ายได้พบคนที่ยิงพ่อของเธอ ระหว่างที่ความคับแค้นเต็มอก เธอก็ได้เรียนรู้เรื่องการให้อภัย นั่นทำให้เธอเข้าใจว่า ความแค้นไม่ใช่ความหิว แต่มันคือความอยาก เรามีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยความอยาก แต่มันจะค่อยๆ กัดแทะเรา อาหารบางอย่างเท่านั้นที่สนองตอบความอยากของเราได้ ไม่ใช่สเต็กธรรมดา แต่ต้องเป็นสเต็กที่หั่นบนเขียงไม้เป็นชิ้น ยาวสองนิ้วและเนื้อต้องนุ่มเป็นสีชมพูอ่อนไม่แข็งกระด้าง ความอยากเป็นความเรื่องมากและจู้จี้เอาแต่ใจ

การเรียนรู้จากความแค้น ในใจตนเองทำให้เธอพบกับความหวังที่เธอจะดับความแค้นนั้น ซึ่งเธอได้บันทึกไว้ในหนังสือ ข้ามฝั่งแค้น: การเดินทางแห่งความหวัง

 

ครั้งหนึ่ง พระไพศาล วิสาโล พระนักสันติวิธี เล่าถึงความประทับใจต่อ คิม ฟุค เด็กผู้หญิงเปลือยในภาพถ่ายที่กำลังวิ่งหนีระเบิดสมัยที่อเมริกามาทำสงครามกับเวียดนาม ผู้มีบาดแผลกว่าครึ่งตัวจากแรงระเบิด และยังสูญเสียลูกพี่ลูกน้องไปสองคน บ้านพังพินาศย่อยยับ

ว่าครั้งหนึ่ง เธอได้รับเชิญให้ไปพูดเนื่องในวันทหารผ่านศึกที่อเมริกา เธอพูดถึงโทษของสงครามแล้วก็กล่าวในที่ประชุมว่า

อยากจะขอบอกกับคนที่ทิ้งระเบิดใส่บ้านฉันว่า ฉันเคยโกรธคุณมาก แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตอันเลวร้ายได้ เราสามารถสร้างอนาคตที่ดีได้

 พอเธอพูดจบ ทหารคนนั้นที่เผอิญนั่งฟังอยู่ รีบเข้ามากล่าวขอโทษเธอด้วยน้ำตา

แต่เธอตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย

 

นั่นเป็นตัวอย่างของการให้ อภัยท่ามกลางความรู้สึก คับแค้นที่กำลังเกิดขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก           

        บางที หากเราจะยุติความแค้น เราควรจะต้อง ล้างแค้น

        ล้างแค้น ในความหมายของการ ล้าง ให้สะอาดสะอ้านจากจิตใจ เพราะถึงที่สุด การให้อภัย ก็คือ การตกผลึกทางความแค้นขั้นสูงสุดในจิตใจของมนุษย์

 

 

หมายเหตุ

หนังสือ ข้ามฝั่งแค้น: การเดินทางแห่งความหวัง

ผู้เขียน ลาร่อ เบลเมนฟูลด์ สำนักพิมพ์โกมล คีมทอง

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
แดง ใบเตย  1. บทสรุปสำหรับผู้บริหารข้อเขียนชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มปัญญาชนเก๋ไก๋ทั้งหลาย ที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์กระแส "เคอิโงะ"    2. ดวงของเคอิโงะแหม่มโพดำ"เคอิโงะ" เสี่ยงได้ไพ่ "แหม่มโพดำ" ดวงดีมากมาย  3. บทกวีแด่เคอิโงะเ ร า ก็ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จู่ ๆ คุ ณ ดั ง  ขึ้ น ม า ไ ด้ เ ยี่ ย ง ไร "เ ค อิ โ ง ะ"สำ ห รั บ ผ ม เ ริ่ ม แ ร ก ก็ อ อ ก จ ะ ห มั่ น ไ ส้ คุ ณ อ ยู่ ม า ก เ ล ย ที เ ดี ย วแ ต่ สำ ห รั บ ผู้ ที่ แ ส ด ง ค ว า ม ฉ ล า ด ห ลั ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี่ ยิ่ ง น่ า ห มั่ น ไ ส้ ก ว่ ามั น ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม กั บ คุ ณ…
Hit & Run
Ko We Kyaw ไร่ปลูกสบู่ดำริมทางบนถนนระหว่างเมืองเจ้าปะต่าวกับมิตทีลา ภาคมัณฑะเลย์ ภาพถ่ายในเดือนพฤษภาคม 2551 (ที่มา: Kowekyaw/Prachataiburma)   พฤษภาคม 25511. ผมอยู่บนรถโดยสารเก่าๆ แล่นออกจากเมืองเจ้าปะต่าว (Kyaukpadaung) มุ่งสู่มิตทีลา (Meiktila) ภาคมัณฑะเลย์ ใจกลางเขตแล้งฝน (dry zone) ของสหภาพพม่า สองข้างทางซึ่งเป็นดินแดงๆ จึงเหมาะจะปลูกเฉพาะพืชทนแล้ง โดยเมืองเจ้าปะต่าวถือเป็นแหล่งปลูกตาล ส่วนเนินแห้งแล้งรอบทะเลสาบมิตทีลาก็เป็นแหล่งปลูกฝ้าย แต่สองข้างทางของถนนที่ผมกำลังเดินทางกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยโครงการปลูกพืชพลังงานชนิดใหม่ “สบู่ดำ”…
Hit & Run
  โดย เพณิญ               ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี            ‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE…
Hit & Run
อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน   ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ…
Hit & Run
  กรกช เพียงใจ  ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด…
Hit & Run
Ko We Kyaw เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือเมื่อวานนี้ นักกิจกรรมพม่ารุ่น’88 ในประเทศไทย นำโดยสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (Assistance Association for Political Prisoners-Burma - AAPP) และสมัชชาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (the Forum for Democracy in Burma - FDB) จัด “Free Burma’s Political Prisoners Now!” (“ปล่อยนักโทษการเมืองในพม่าเดี๋ยวนี้!”) (www.fbppn.net) โดยมีการจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) กรุงเทพมหานคร และที่ศูนย์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ซึ่งขิ่น โอมาร์ (Khin Ohmar)…
Hit & Run
  จันทร์ ในบ่อ ‘วันวาเลนไทน์' หรือ ‘วันเสียตัวแห่งชาติ'เป็นวันที่มีความเชื่อกันว่า ‘ผีกระจู๋' จะถูกปลดปล่อยออกมาเพ่นพ่านด้วยฤทธาแห่งความความกำหนัด โดยเฉพาะในวันที่ความรักเบ่งบานฉ่ำบรรดาพ่อมดหมอผีจะเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำกฤษณาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว 
Hit & Run
  ธงดอง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์  "ฉันเป็นคนบ้า เพราะว่าสติไม่ดีไม่ใช่คนไม่ดี ฉันมีสติไม่ดีฉันเป็นคนบ้า" ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ก็คือประเด็น "คดีหมิ่นฯ" ที่กลายเป็นเรื่องกล่าวขวัญในสังคมอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้เริ่มตั้งแต่หนุ่มไม่เต็มบาทนั่งเหม่อลืมยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงภาพยนตร์, ม็อบคนบ้า(การเมืองจนเข้าเส้น)ที่ปราศรัยมันเกินเหตุจนเกิดเรื่อง, ฝรั่งเพี้ยนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่อยเปื่อย จนลามมาถึงนักวิชาการ นักการเมือง นักท่องอินเตอร์เน็ตเพี้ยนๆ ออกมาโดนซิวเป็นระยะๆ ตามหน้าข่าวแต่ประเทศนี้มันก็ช่างน่าขันเหลือเกิน โทษสำหรับคนเพี้ยนบ้าแบบนี้…
Hit & Run
  จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์  เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ  มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่ง วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...   ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ   คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"   ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...
Hit & Run
 จันทร์ ในบ่อ ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ" ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !?? ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย"…
Hit & Run
  คิม ไชยสุขประเสริฐ  ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008  รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน