Skip to main content

Kasian Tejapira(17/10/2012)

 

ที่มา Quote ไมเคิล ฮาร์ท(Michael Hardt) จากเพจ วิวาทะ 

ในฐานะผู้เคยทำการปฏิวัติด้วยความรุนแรง ผมใคร่บอกว่าเราต้องหาทางเจือผสมการปฏิวัติด้วยความไม่รุนแรงให้มากที่สุด เพราะเหตุใดน่ะหรือ? ก็เพราะว่าบรรดาไพร่ทาสราษฎรสามัญชนโดยทั่วไปนั้นหาได้มีอาวุธสงครามในมือเหมือนกลไกรัฐภายใต้การบังคับควบคุมของชนชั้นปกครองไม่ เมื่อใดการปฏิวัติตัดสินชี้ขาดกันด้วยอาวุธ เมื่อนั้นคุณจะพบว่าชนชั้นปกครองได้เปรียบเสมอและราษฎรก็สูญเสียมากเสมอ ไม่เชื่อก็ลองดูประสบการณ์ปี ๒๕๕๓ ในเมืองไทย เทียบกับชัยชนะโดยไม่มีอาวุธจากการเลือกตั้งในปีถัดมาเถิด

คุณทราบหรือไม่ว่ารายจ่ายงบประมาณเพื่อรักษาความสงบภายในของจีนนั้นบัดนี้พอ ๆ กับรายจ่ายงบประมาณเพื่อป้องกันประเทศภายนอกของจีนแล้ว นั่นแปลว่าในสายตารัฐทุนนิยมอำนาจนิยมของจีนนั้น ภัยคุกคามจากประชาชนภายในประเทศร้ายแรงพอ ๆ กับภัยคุกคามจากต่างประเทศ

หากคุณคิดว่าการปฏิวัติต้องทำด้วยความรุนแรงหรือนัยหนึ่ง "อำนาจรัฐเกิดจากปากกระบอกปืน" แบบประธานเหมาเจ๋อตงแล้วละก็ คิดดูสิว่าประเทศจีนจะมีอนาคตอย่างไร?

ถ้ายึดตาม Max Weber ปรมาจารย์สังคมวิทยาเยอรมันว่าอำนาจรัฐคือการผูกขาดอำนาจการใช้ความรุนแรงโดยชอบธรรมเหนืออาณาดินแดนหนึ่ง ๆ แล้ว ก็มีองค์ประกอบ ๓ อย่างในแก่นของอำนาจรัฐ

๑) อำนาจผูกขาดความรุนแรง

๒) ความชอบธรรมที่จะใช้อำนาจรุนแรงนั้น

๓) เหนืออาณาดินแดนหนึ่ง ๆ

หากวิเคราะห์ให้ดี แนวทางปฏิวัติแบบต่าง ๆ ก็คือการเข้าโจมตีกร่อนทำลายองค์ประกอบเหล่านี้นี้เอง

-ทำลาย ๑) ด้วยแนวทางปฏิวัติแบบรัสเซีย คือสร้างกองกำลังติดอาวุธของกรรมกรขึ้นมาใต้การนำของพรรคบอลเชวิค

-ทำลาย ๒) ด้วยแนวทางปฏิวัติแบบอิหร่าน คือบ่อนทำลายความชอบธรรมของรัฐพระเจ้าชาห์ลงในด้านต่าง ๆ จนในที่สุดแม้มีกองกำลังอาวุธ แต่ก็ไม่สามารถสั่งการให้ใช้ปราบปรามประชาชนที่ต่อสู้ประท้วงอย่างมีประสิทธิผลได้ คือมีปืนก็ยิงไม่ออก เพราะทหารตำรวจไม่ยอมทำให้

-ทำลาย ๓) ด้วยแนวทางปฏิวัติแบบเหมา สร้างเขตปลดปล่อยภายใต้อำนาจรัฐสีแดงขึ้นในอาณาดินแดนของประเทศ

คิดตรองดูเถิดว่าวิธีการไหนต้องใช้ความรุนแรงและวิธีการไหนสามารถใช้ความไม่รุนแรงได้?

 

ฮูโก ชาเวซ

 

บทเรียนจากการปฏิวัติโบลิวาเรียนของเวเนซุเอลา: Bullets or Ballots? Coup-makers or Voters?

ฮูโก ชาเวซเริ่มชีวิตการเมืองจากฐานะนายทหารชั้นผู้น้อย รวมแก๊งเพื่อนนายทหารชั้นผู้น้อยที่สนใจตื่นตัวทางการเมืองพยายามก่อรัฐประหารยึดอำนาจโค่นระบอบเลือกตั้งฉ้อฉลผูกขาดของพรรคการเมืองชนชั้นปกครอง แต่ล้มเหลว ตัวเขาเองถูกจับติดคุก

ก่อนมอบตัวยอมจำนน เขาขอเงื่อนไขออกทีวีอ่านแถลงการณ์ ทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ ประชาชนนิยมนับถือ

ออกจากคุก เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ๓ รอบถึงปัจจุบัน และเพิ่งชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีวาระ ๔ ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ ๑๙๙๙ ไปจนถึง ๒๐๑๙ รวม ๒๐ ปีถ้าไม่มีอันเป็นไปเพราะโรคมะเร็งเสียก่อน

ในยุคสมัยของเขา มีความพยายามก่อรัฐประหารโค่นเข้าด้วยกำลังรุนแรง แต่ล้มเหลว เพราะแรงนิยมของประชามหาชนกดดันจนกองกำลังอาวุธกลับใจ

ตกลงการปฏิวัติโบลิวาเรียนและการรักษาอำนาจรัฐปฏิวัติของชาเวซ อาศัย bullets หรือ ballots กัน?

คิดดูให้ดี

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
"ในฐานะผู้เคยทำการปฏิวัติด้วยความรุนแรง ผมใคร่บอกว่าเราต้องหาทางเจือผสมการปฏิวัติด้วยความไม่รุนแรงให้มากที่สุด เพราะเหตุใดน่ะหรือ? ก็เพราะว่าบรรดาไพร่ทาสราษฎรสามัญชนโดยทั่วไปนั้นหาได้มีอาวุธสงครามในมือเหมือนกลไกรัฐภายใต้การบังคับควบคุมของชนชั้นปกครองไม่.."    
เกษียร เตชะพีระ
กระบวนการเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์ดังที่เป็นอยู่ จึงก่อผลสำคัญด้านความเหลื่อมล้ำทางโภคทรัพย์ที่เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่อุดหนุนเกื้อกูล, พลังประชาธิปไตยบนฐานอำนาจเสียงข้างมากของคนที่ขาดด้อยโภคทรัพย์ต้องหาทางคะคานถ่วงดุลอำนาจทุนมหาศาลของคนมั่งมีโภคทรัพย์เสียงข้างน้อยไว้ มิฉะนั้นประชาธิปไตยก็จะหมดความหมายในทางเป็นจริงไปในที่สุด
เกษียร เตชะพีระ
เฉพาะหนึ่งปีที่ผ่านมา รถยนต์ที่ขายในประเทศร่ำรวย อาทิ ญี่ปุ่นและอเมริกา กลับมียอดแซงหน้าในประเทศตลาดเกิดใหม่ จีนไม่ใช่ประเทศที่มีอัตรายอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นสูงสุดอีกต่อไป หากกลับเป็นไทย (ที่ ๖๐%!) และอินโดนีเซีย (ที่ ๓๕%) ในรอบปีที่ผ่านมา
เกษียร เตชะพีระ
ก้องกังวานสะท้านฟ้ามหาสมุทร ด้วยคลั่งแค้นแสนสุดประกาศกล้า เป็นแสนเสียงล้านเสียงมหาประชา สยบขวัญสั่นอุราเผด็จการ...
เกษียร เตชะพีระ
"ประชานิยม" "คนชั้นกลางนิยม" "คนรวยนิยม" "อำมาตย์นิยม" "ประชาธิปัตย์นิยม" "ม.๑๑๒ นิยม" "ราชบัณฑิตนิยม" "ยิ่งลักษณ์นิยม" "ทักษิณนิยม" "พันธมิตรนิยม" "นิติราษฎร์นิยม" "นิด้านิยม"