Skip to main content

ตื่นเช้ามาด้วยอาการแฮ้งค์ดาวแดงอย่างสุดชีวิต ความที่เคมีในร่างการเริ่มปฏิเสธดาวดาวสีแดงดวงนี้ ทำให้ชีวิตฉันง่ายขึ้นเมื่อต้องชะตากับลีโอ จนเพื่อนร่วมทางบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กินลีโอ

อากาศยามบ่ายแก่ของปายร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลจนเสื้อเปียก ป่วยการคิดจะอาบน้ำ เพราะอาบไปก็เหงื่อท่วมอีก ฉันขับรถวนเวียนไปมาทำความคุ้นเคยกับเมืองที่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากการจัดถนนในปายเป็นระบบวันเวย์ในบางสาย เมืองเล็ก ๆ ถนนเล็ก ๆ ที่เคยวนไปมาก็ครบรอบเริ่มทำความงุนงง หลงทิศหลงทาง

กลับมาตั้งสติหยุดพักยามเย็นที่ร้านพี่ล็อต เพื่อนรุ่นพี่ผู้กว้างขวางในหมู่วงการเพื่อชีวิต ฉันรู้จักพี่ล็อตหลายปี จนหลังสุดเป็นพี่ล็อตมาสร้าง Take Off ที่เชียงใหม่ ตรงร้านที่เป็นสุดสะแนนปัจจุบัน แล้วพี่ล็อตก็ Take off ไปปาย เป็นร้าน Buffalo Exchange นอกจากเปิดบาร์เล็ก ๆ กับแกล้มอร่อยแล้ว พี่ล็อตยังเป็นคนเชี่ยวชาญเสื้อผ้าเก่า รู้เรื่องยีนส์ถึงระดับเส้นด้าย บักจ่อย สเริงรงค์  วงษ์สวรรค์ แอบเล่าให้ฟังว่า พี่ล็อตนั้นระดับจับเนื้อผ้าก็รู้ราคา

ครั้งหนึ่งบนถนนไฮเวย์จากลอสแองเจลลิสไปลาสเวกัส เพื่อรับเสื้อยีนส์รุ่นหัวกระโหลกตัวหนึ่งที่มีคนหาเก็บไว้ให้ในราคา 100 เหรียญ  ระหว่างทางมีขอทานคนหนึ่งเดินอยู่ข้างถนน พี่ล็อตเบรกรถทันที แล้วบอกน้องแอ้คู่ชีวิตของเขาว่า ขอทานคนนั้นใส่หัวกะโหลก น้องแอ้วิ่งลงจากรถไปยื่นเงินให้เขา 20 เหรียญเพื่อแลกเสื้อตัวนั้นมา

หัวกะโหลกที่ว่านั้น อยู่ที่กระดุม!!

ความชำนาญระดับจับเนื้อผ้ารู้ราคานั้น มาจากความรักในงาน ในของที่สะสมอย่างแท้ นึกไปถึงศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวโพดของเมืองไทย (ศ.ดร.สุจินต์  จินายน) เคยขับรถผ่านไร่ข้าวโพดแล้วจอดลงถามไถ่ชาวไร่ถึงผลผลิต เขาขอจับข้าวโพดฝักหนึ่ง แล้วบอกว่า “ได้ไร่ละ 30 ถังใช่ไหม” คนขับรถแอบสังเกตความเชี่ยวชาญของเจ้านายแล้วถามว่าแค่จับก็รู้เลยเหรอว่าได้ผลผลิตเท่าไร เขามองหน้าคนขับรถแล้วบอกว่า

นอกจากรู้ผลผลิตแล้วยังรู้ด้วยว่าฝักที่จับอยู่นั้นมีข้าวโพดอยู่ 8 แถว !!

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…