Skip to main content

 

 

ชอบคำนี้ “คนขายโชค” เป็นภาษาลาวใช้เรียกคนขายลอตเตอรี สังเกตว่าคนขายโชคในเมืองไทยมักถามคนซื้อมา เอาโชคไหม เอารางวัลสักใบไหม แต่ฉันไม่ซื้อสักทีเพราะไม่เคยมีโชค ไม่ว่าจะทางซื้อหรือทางขาย ป้าที่เห็นในรูปนี้ขายโชคอยู่ที่หน้าศาลเจ้าหลังตลาดวโรรส ดูรอยยิ้มของเธอแล้วรู้สึกว่าเธอเป็นคนมีโชค


 

มนุษย์ที่เกิดมาแล้วสามารถยิ้มได้เต็มหน้าไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ฉันถือว่าเขาเหล่านั้นมีโชคอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องซื้อ หรือขวนขวายหา หลายคนมีเงินล้นฟ้าแต่ไม่มีบ้านอยู่ มีเงินมากมายแต่ยังคิดถึงเงินมากขึ้น และคิดว่ามีเงินแล้วจึงมีความสุข ขณะที่เวลาปัจจุบันพวกเขาใช้ไปกับการหาเงินทองทรัพย์สิน ใบหน้าปรากฏริ้วรอยความตึงเครียด รอยยิ้มเริ่มหายไปเหลือแต่คิ้วที่ขมวดจนกลายเป็นร่องรอยถาวร


 

กว่าจะถึงวันที่มีเงินแล้วมีความสุข ต้องใช้เวลาอีกเท่าไรจะถึงจุดที่เรียกว่า “มีเงินแล้ว” เพราะในที่สุดมนุษย์มักไปไม่ถึงจุดนั้นเสียที กว่าจะรู้ตัวเส้นเลือดในสมอง เส้นเลือดหัวใจอาจอุดตัน แตก และตายไปก่อนพบกับความสุข บางคนไม่ได้ใช้เงินที่หามาด้วยซ้ำไป


 

ไม่รู้เป็นโชคหรือเป็นกรรมของฉันที่ไม่เคยคิดแบบมีเงินแล้วจึงมีความสุข บางวันเหลือเงินยี่สิบบาทยังหัวเราะ ทำสวน คุยกับแมว ซื้อข้าวเหนียวห้าบาท กับข้าวสิบบาท เหลืออีกห้าบาทติดกระเป๋า กินข้าวเหนียวอิ่มหลับเป็นตาย ฉันไม่เคยคิดว่าแก่มาจะทำอย่างไรกับคนโสดที่คาดว่าจะโสดต่อไป ใครจะดูแล ผัวก็ไม่มี (อันนี้แม่ชอบพูด ทั้งที่ถ้ามีผัวแล้วฉันต่างหากที่อาจต้องดูแลคนเพิ่มอีกหนึ่งคน)


 

ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ฉันคิดทีละวัน ทีละสัปดาห์ อย่างมากก็ทีละเดือน เพราะรู้สึกชีวิตไม่แน่นอน ปีที่แล้วของวันนี้ยังคุยกันดี ๆ ปีนี้ไม่มองหน้ากันแล้วก็มี เคยมีคนถามว่าปีหน้าฉันอยากมีรายได้เดือนละเท่าไร ฉันอึ้งเหมือนเจอคำถามที่ลำบากใจที่สุดในชีวิต และคิดคำตอบไม่ออก ตอบมั่ว ๆ ไปแบบคิดว่ามากแล้ว ว่าห้าหมื่นก็หรูแล้ว ขณะที่พวกเขาคิดกันเดือนและแสน และเดือนละล้าน


 

ฉันแอบมาคิดคนเดียวว่าโอว๊ ถ้ากรูทำงานให้ได้เงินเดือนละล้านนี่กรูต้องทำอะไรบ้างเนี่ย เขียนหนังสือกี่เรื่อย ถ่ายรูปกี่งาน


 

คิดไม่ออก!!


 

เออแฮะ มันคงเป็นชะตาชีวิตที่สร้างมาให้ฉันโดยเฉพาะกระมัง คำถามสามบรรทัดข้างบนนั้นคิดไม่ออกก็สมควรแล้วล่ะ อยู่ไปแบบนี้เหอะ เพราะก็ไม่รู้สึกว่าเดือดร้อน อยากทำอะไรได้ทำ อยากไปไหนได้ไป มีบ้านอยู่ มองเห็นความงามของดวงดาว สายหมอกยามเช้า ได้กลิ่นหอมข้าวหุงของเพื่อนบ้าน และข้าวใหม่ในนา งานที่ทำก็มีความสุขทุกครั้งที่ทำ


 

ที่สำคัญ ฉันไม่เคยซื้อโชคเลยแฮะ

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…