Skip to main content

องค์ บรรจุน


หลวงพ่อสมาน วัดชนะสงคราม ที่เคยเลี้ยงดูส่งเสีย ข้าวแกงก้นบาตรราดรดหัวผมมาจนเรียนจบปริญญาตรีเมื่อสิบกว่าปีก่อน ท่านชอบเปรียบเปรยลูกศิษย์ลูกหาและใครต่อใครที่ลืมคุณคนด้วยสำนวนมอญที่ไม่พ้นไปจากเรื่องการกินการอยู่ เป็นต้นว่า

"ใหญ่เหมือนช้าง ยาวเหมือนงู" (แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน)
"กินผลฟันต้น เก็บร่มหักก้าน" (กินบนเรือนขี้บนหลังคา)
"ข้าวแดงแกงร้อน" (สำนึก)
"เสียข้าวสุก" (เนรคุณ)

แต่ที่ผมเสียวแปลบไปถึงขั้วหัวใจทุกครั้งเมื่อถูกท่านเหน็บเอาว่า
"ข้าวสุกไม่มียาง" (ก็เนรคุณอีก)

ความจริงสำนวน "เสียข้าวสุก" นั้นก็เจ็บหนักเอาการอยู่ เพราะหลวงพ่อมักจะเปรียบเอากับสุนัข แต่ลึกๆ แล้วผมกลับรู้สึกว่าสำนวน "ข้าวสุกไม่มียาง" นี้มันช่างกรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ เพราะการเนรคุณนั้นไม่ว่าคนชาติไหนภาษาไหนก็ถือสาด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็อย่างว่าแหละ ต่างคนก็ต่างมีมาตรฐานสัมผัสความหนาที่ต่างกัน เลยไม่รู้ว่าสำนวนเดียวกันนี้จะสามารถใช้ได้กับบรรดาตำรวจ และ กอ.รมน.ที่มาตะโบมกิน "ข้าวสุก" ที่ทางวัดและชาวชุมชนมอญคลองสิบสี่ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หุงหาเอาไว้รองรับแขกที่มาจากจังหวัดใกล้ไกลจนหมดในพริบตา (๓ หม้อแขก) เสร็จแล้วกระจายกำลังเข้มงวดตรวจตราทางเข้าออก ขอตรวจบัตร จนชาวบ้านปั่นป่วนขนลุกขนพองได้หรือไม่

งานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๒ ประจำปี ๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๗-๘ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ ร่วมกับสำนักงานเขตหนองจอก และชุมชนมอญคลองสิบสี่ ได้เกิดปรากฏการณ์อำนาจรัฐรังแกประชาชนขึ้นอีกครั้ง เมื่อตำรวจและ กอ.รมน.ยกกำลังพลมากันมาเกินกองร้อย ไม่ทราบว่าเขาต้องการให้ชาวบ้านกลัว หรือเขากลัวว่าชาวบ้านจะไม่กลัว และมันก็ได้ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดต่างตื่นตระหนกกันลนลาน

  

 

วัตถุประสงค์ของคณะผู้จัดงานก็เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ในหมู่ชาวไทยเชื้อสายมอญจากทั่วประเทศ (ราว ๓๕ จังหวัด) แต่งกายในชุดมอญตามวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น ทานอาหารมอญร่วมกัน ชมการแสดงจากชุมชนมอญหลากหลายลุ่มน้ำ เลือกซื้อสินค้าพื้นบ้านมอญ และหัวใจสำคัญของการจัดงานก็คือ ร่วมกันทำบุญอุทิศกุศลแด่บรรพชนมอญผู้ล่วงลับ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ไม่มีใครจะลุกขึ้นมาจับหอกจับดาบไปสู้รบกับหน้าไหนทั้งสิ้น


 

ตั้งแต่เย็นวันที่ ๖ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกอ.รมน.มาสอบถามคณะกรรมการจัดงานอย่างเอาเป็นเอาตาย ต้องการรู้รายละเอียดในการจัดงานทั้งหมด ขอจองเต้นท์พิธีที่เจ้าภาพเตรียมไว้หนึ่งเต้นท์ อ้างว่าเพื่อตั้งกองอำนวยการดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่ก็เลือกเอาตรงบริเวณหน้าเวที เพราะต้องการดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกหาบอร์ดจากผู้จัดงาน ติดแผนผังทางเข้าออกวัดเพื่อตั้งด่านสะกัดตรวจตราผู้คนเข้าออก


เช้าตรู่วันที่ ๗ ฟ้ายังไม่ทันสางดี ได้ยินเสียงใครต่อใครรอบบริเวณวัดวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ด้วยมีเจ้าหน้าที่ "ในชุดดำ" เดินสำรวจตรวตรากันเต็มลานวัด ข้อตกลงที่เจ้าหน้าที่มีกับท่านเจ้าอาวาสวัดและคณะกรรมการจัดงานก่อนหน้านี้ก็คือ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลจำนวนหนึ่ง แต่จะไม่จับกุมตรวจค้นผู้ที่ไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แต่เอาเข้าจริงกลับส่งกำลังมาร่วมสองร้อยนาย ตรวจค้นไม่เลือกหน้า จนคณะกรรมการต้องประสานกับกรรมการชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ใหม่ขอให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติจากพื้นที่ข้างเคียง (ที่มีบัตรถูกต้องและไม่ได้ข้ามเขต) เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งแรงงานข้ามชาติชาวมอญที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงนั้นต้องการเพียงเข้าร่วมกิจกรรม ด้วยเห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญอุทิศกุศลแด่บรรพชน ได้กินอาหาร แต่งกาย ชมการแสดง และพบปะสังสรรค์สนทนากับคนมอญด้วยกัน เป็นการเติมเต็มชีวิตแรงงานที่ไกลบ้าน แต่เมื่อทางการหวาดระแวงว่าจะเป็นการรวมตัวทำเรื่องเสียหาย ปลุกระดมกู้ชาติ อันจะทำให้เสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและพม่า จึงทำให้แรงงานข้ามชาติชาวมอญพากันหวาดกลัว นอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงชาวไทยเชื้อสายมอญที่เดินทางมาร่วมงานต่างก็ถูกตรวจค้น และเมื่อมาถึงบริเวณงานแล้วเห็นเจ้าหน้าที่จำนวนมากเดินกันขวักไขว่ก็ยิ่งทำให้พวกตื่นตกใจ เนื่องจากมีเจ้าหน้าจำนวนมากเดินปะปนอยู่ในหมู่ผู้มาร่วมงาน


สิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของเจ้าภาพชุมชนมอญคลองสิบสี่ครั้งนี้ก็คือ เจ้าหน้าที่จำนวนมากที่มาตั้งแต่เช้าตรู่ พากันเข้ามาในโรงครัวที่ชาวบ้านจัดอาหารไว้สำหรับถวายพระสงฆ์ คณะกรรมการจัดงาน และคนมอญที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด อาหารจำนวน ๓-๔ หม้อแขกจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว (๓ มื้อ ๒ วัน) โดยที่ชาวบ้านไม่สามารถว่ากล่าวทำอะไรได้ ต้องจำก้มหน้าหุงข้าวต้มแกงกันขึ้นใหม่ และภายหลังที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้จัดการอาหารเสร็จก็ออกไปตั้งด่านตรวจค้นชาวบ้าน "ตามหน้าที่"


คนมอญไม่เคยหวงข้าวปลาอาหาร ใครถึงเรือนชานยินดีต้อนรับ การที่เจ้านายส่งลูกน้องมาตรวจตราก็ควรส่งมาแต่เท่าที่จำเป็น ใช่ระดมกำลังกันมาดังกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ เงินเดือนที่กินใช้อยู่นั่นก็มาจากภาษีที่ชาวบ้านเสียให้รัฐทุกบาททุกสตางค์ และยิ่งเมื่อส่งกองกำลังมาแล้วก็ควรเบิกเบี้ยเลี้ยงให้ลูกน้องด้วย ไม่ควรปล่อยให้อดอยาก จนต้องมาปล้นเสบียงกรังชาวบ้านกินซึ่งหน้า กินกันมูมมามเกินอิ่ม ผู้มาร่วมงานคนใดเดินผ่านโต๊ะอาหารและสงสัยว่าเป็นต่างด้าวผิดกฏหมายก็เรียกขอตรวจบัตรอย่างไม่ให้เกียรติ์.....ศักดิ์ศรีของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมันอยู่ตรงไหนกัน


สำนวนที่ว่า "ข้าวไม่มียาง" นั้นยังใช้ได้อยู่หรือไม่กับคนที่ไม่รู้จักคุณคน?

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
การบริภาษผู้ที่มาทำให้เราไม่พอใจนั้นมีอยู่ด้วยกันทุกชนชาติ หากแต่ถ้อยคำที่ก่นด่ากันนั้นมีนัยยะสำคัญอย่างไร เหตุใดคนที่เลือกสรรถ้อยคำนั้นขึ้นมาจึงคิดว่าจะเป็นคำที่เจ็บแสบ สามารถระบายอารมณ์พลุ่งพล่านนั้นลงได้ ว่าแต่ว่า คำที่คนชาติหนึ่งด่ากันแล้วนำเอาไปด่าใส่คนอีกชาติหนึ่งมันจะเจ็บแสบอย่างเดียวกันหรือไม่ หรือคนด่าจะเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง
องค์ บรรจุน
บางท่านอาจเคยรู้มาบ้างแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียมีเลือดเนื้อเชื้อไขไทยสยาม แต่บรรดาคนเกือบทั้งหมดในจำนวนนี้อาจจะยังไม่รู้ว่า เชื้อสายไทยสยามของท่านนั้นแท้จริงแล้วคือ มอญ ด้วยสายเลือดข้างมารดานั้นคือ คุณหญิงเนื่อง (คุณหญิงฤทธิสงครามรามภักดี) หลานลุงของหลวงรามัญนนทเขตคดี อดีตนายอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีคนแรก ต้นสกุล นนทนาคร
องค์ บรรจุน
แม้พุทธศาสนาจะมีต้นกำเนิดมาจากชมพูทวีป แต่ชนชาติต่างๆ ได้มีการแลกรับปรับใช้ในแบบของตนเอง เกิดลัทธินิกายผิดแผกแตกต่างกันไป สำหรับพุทธศาสนาในเมืองไทยนั้นเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเถรวาทของมอญ ซึ่งเลื่องชื่อเรื่องความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติของสงฆ์และความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นของพุทธศาสนิกชนมอญ ข้อหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อจากนี้คือ พุทธประวัติตอนที่พระนางพิมพาสยายผมลงเช็ดพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธประวัติตอนนี้มีกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของมอญเท่านั้น นอกจากนี้ชาวมอญยังได้นำมาใช้ในชีวิตจริงกับกษัตริย์และราชวงศ์อีกด้วย…
องค์ บรรจุน
ตลาดน้ำเกิดใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ผู้คนให้การต้อนรับแบบน้ำใสใจจริง และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์รายรอบที่น่าสนใจ แม้จะเป็นตลาดน้ำเกิดใหม่เมื่อไม่นานแต่ก็ไม่มีการเสริมแต่งอย่างฝืนธรรมชาติ ซ้ำยังโดดเด่นด้วยของกินของใช้และของฝากหลากหลายโดยพ่อค้าแม่ขายคนในท้องถิ่น เปิดขายทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปจนแดดร่มลมตก จากนั้นตลาดก็จะวายไปเองตามวิถีทางของมัน  
องค์ บรรจุน
ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก
องค์ บรรจุน
ไม่รู้ว่าทำไมนักวิชาการที่ชอบใช้ทฤษฎีเมืองนอกเมืองนา ประเภทท่องจำขี้ปากฝรั่งมาพูด (สังเกตดูจากบทความวิชาการที่มักมีวงเล็บภาษาอังกฤษ มีเชิงอรรถในแต่ละหน้าเกือบครึ่งหน้ากระดาษ ฉันไม่ได้รังเกียจหลักการวิชาการของต่างชาติที่มีมาก่อนเรา เพียงแต่สงสัยว่า ตรงไหนกันหนอคือความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากสมองของคนเขียน...?) ชอบเอาทฤษฎีมาทดสอบพฤติกรรมเอากับคนเล็กคนน้อย คนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงในสังคม โดยมักมีคำถามและ “คำพิพากษา” ต่อคนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เมื่อพบเจอคนชาติพันธุ์นุ่งห่มชุดประจำชาติของเขาในกิจกรรมสำคัญ ก็ล้วนมีคำพูดถากถางเสียดสี และพูดคุยกันในกลุ่มของตัวเองแบบเห็นเป็นเรื่องขำ
องค์ บรรจุน
ถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คงรู้กันแล้วว่า พม่าย้ายเมืองหลวงจาก ร่างกุ้ง (Rangoon) ไปยังเมืองเนปิดอว์ (Naypyitaw หรือ Naypyidaw) หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไม เหตุผลที่คาดเดากันไปก็มีหลายอย่าง ทั้งความเชื่อถือของนายพลตานฉ่วยตามคำทำนายของโหรส่วนตัว ภัยคุกคามจากอเมริกา หรือข่าวล่าสุดเรื่องการสะสมอาวุธ สร้างอุโมงค์ใต้ดินซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเกาหลีเหนือเมื่อไม่นาน เพื่อลำเลียงพลและสรรพาวุธป้องกันตนเองและควบคุมชนกลุ่มน้อยต่างๆ
องค์ บรรจุน
เม้ยเผื่อน เล่าว่า ตนเองเกิดที่ย่านวัดน่วมกานนท์ ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับบ้านปากบ่อและอยู่ภายในตำบลเดียวกันและเป็นหมู่บ้านของสามีและเครือญาติทางสามี
องค์ บรรจุน
  ผมไม่ได้คิดฝันว่าจะเป็นนักวิชาการมาแต่ต้น สู้เรียนเพิ่มจากระดับปริญญาตรีในศาสตร์คนละแขนงต่างขั้ว แค่หวังเพียงจะได้รับฟังและพูดคุยอธิบายความกับนักวิชาการทั้งหลายให้รู้เรื่องบ้างเท่านั้น
องค์ บรรจุน
ผมเป็นคนมหาชัย แม้ว่ามหาชัยเป็นเพียงแค่ชื่อตำบลหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แต่คนทั่วไปกลับรู้จักคุ้นเคยมากกว่าชื่อจังหวัด เช่นเดียวกับ แม่กลอง ซึ่งเปรียบเหมือนชื่อเล่นที่คนเคยปากมากกว่าชื่อสมุทรสงคราม ทั้งที่เป็นเพียงชื่อตำบลเล็กๆ เท่านั้น ทั้งสองจังหวัดนี้อยู่ชายทะเลอ่าวไทย สมุทรสาครมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านท่าจีน ไม่ต่างจากสมุทรสงครามที่มีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านแม่กลอง
องค์ บรรจุน
มอญ เป็นชนชาติเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยมีรัฐเอกราชปกครองตนเองอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ในฐานะชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ขณะที่มอญส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามายังดินแดนไทย และมีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกัน ชนชาติมอญ มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมสืบเนื่องมายาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีรัฐปกครองตนเอง แต่วัฒนธรรมมอญทางด้านศาสนา ภาษา วรรณคดี สถาปัตยกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี ความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของชนชาติในภูมิภาคนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากมอญ
องค์ บรรจุน
ราชาธิราช คือ วรรณคดีไทยที่แปลมาจากพงศาวดารมอญ โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดบางอย่าง จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารมอญ แม้คนมอญจำนวนมากเชื่อว่า “ราชาธิราช” เป็นพงศาวดารชาติมอญก็ตาม เพราะได้รับอิทธิพลจากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ แปลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ นำมาสู่การจัดพิมพ์จำหน่ายโดยหมอบรัดเลย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ และอีกหลายสำนักพิมพ์มากกว่า ๒๒ ครั้ง ไม่นับแบบเรียน การแสดงลิเก ละครพันทาง ละครเวที และละครโทรทัศน์