Skip to main content


ภาพประกอบวาดโดย @stephffart ให้ นสพ.เดอะเนชั่น
ตอนผมถูก คสช. ขังรอบแรกแต่ไม่ได้ตีพิมพ์ ผู้วาดมอบให้ผมเมื่อเร็วๆ นี้



เสรีภาพสื่อมิใช่ของฟรี ราคาค่างวดที่ต้องจ่ายเพื่อรักษาเสรีภาพนั้นสูง โดยเฉพาะภายใต้อุ้งมือเผด็จการ ประชาชนจักต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพไว้ สังคมมิสามารถรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพสื่อและเสรีภาพการแสดงออกหากเราไม่พร้อมที่จะจ่ายราคาค่างวดในการไม่ยอมก้มหัวให้กับเผด็จการและทรราชย์

ผมได้จ่ายราคาไปโดยถูกจองจำไปแล้วสองครั้งโดยปราศจากข้อหาเป็นเวลารวม 10 วัน โดยเผด็จการ คสช. ตั้งแต่มีรัฐประหารปี 2557

วันนี้ผมควรจะอยู่ที่กรุงเฮลซินกิเพื่อร่วมประชุมและฉลองวันเสรีภาพสื่อโลก (3 พค.) ซึ่งจัดโดยองค์การยูเนสโกร่วมกับรัฐบาลฟินแลนด์ที่เชิญ หากทว่าผมถูกห้ามมิให้เดินทางไปต่างประเทศโดย คสช.

เอาเข้าจริงนี่เป็นราคาค่างวดที่ยังถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนักข่าวในต่างประเทศบางประเทศที่ถูกเผด็จการจำคุกอย่างยาวนานหรืออุ้มหาย ผมเชื่อว่ามันคุ้มที่จะพยายามปกป้องเสรีภาพสื่อและเสรีภาพการแสดงออกเพราะสังคมมิสามารถดำรงอยู่อย่างเป็นเหตุเป็นผลและมีศักดิ์ศรีได้หากปราศจากเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกในที่สาธารณะ บรรดาสื่อที่พยายามปกป้องเสรีภาพสื่อจึงปกป้องเสรีภาพสังคมไปโดยปริยาย

ในขณะที่ผมนั่งพิมพ์บทความนี้ เผด็จการทหาร คสช.ได้เริ่มปราบปรามผู้ที่แสดงความคิดเห็นแตกต่างต่อต้านเผด็จการในโลกโซเชียล ประชาชนแปดคนต้องเผชิญกับข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ทั้งๆที่พวกเขาเป็นเพียงภัยต่อความมั่นคงของเผด็จการ และทั้งๆที่เผด็จการเป็นภัยต่อเสรีภาพและความมั่นคงของประชาชน

เผด็จการ มิว่าจะสวมชุดลายพรางหรือไม่ ย่อมพยายามกดทับความคิดอันเสรีเพราะมันขัดแย้งกับการดำรงอยู่ของระบอบเผด็จการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ปกครองโดยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จภายใต้ ม.44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวของคณะรัฐประหาร เส้นแบ่งระหว่างกฎหมายอันชอบธรรมกับคำสั่งของผู้ฉีกรัฐธรรมนูญโดยการก่อรัฐประหารแล้วใช้คำสั่งแทนกฎหมาย เช่นห้ามมิให้มีการชุมนุมทางการเมืองห้าคนขึ้นไป ถูกทำให้พร่ามัว

เผด็จการทหารพยายามจำกัดพื้นที่ในการแสดงออกในที่สาธารณะ ทั้งบนท้องถนนและในอินเทอร์เน็ต เพราะเผด็จการกลัวความคิดและการแสดงออกอันเป็นเสรีซึ่งขัดแย้งตรงกันข้ามกับคำสั่งทหารที่ต้องปฎิบัติตามโดยห้ามคิดแย้ง

เผด็จการต้องการประชาชนเซื่องๆที่ไม่รู้จักแม้สิทธิพลเมืองของตนอีกต่อไป เผด็จการมักพูดว่า: คำสั่งฉันคือกฎหมาย ถ้ามิอยากถูกดำเนินคดีติดคุกก็จงปฎิบัติตาม ทว่าความคิดอันเป็นอิสระของสื่อและพลเมืองอาจย้อนถามว่า: ‘คำสั่งและตัวผู้ออกคำสั่งมีความชอบธรรมหรือไม่?’ น่าเสียดายที่สื่อไทยส่วนใหญ่ทุกวันนี้มิเคยถามว่าทั้งประยุทธ์และ คสช.มีความชอบธรรมหรือไม่ สำหรับสื่อส่วนใหญ่ พวกเขาติดตามเขียนและรายงานเกี่ยวกับรัฐบาลทหารเหมือนกับรัฐบาลนี้มีความชอบธรรมมาจากการเลือกตั้ง

เผด็จการทั่วโลกมุ่งเซ็นเซอร์เพราะเผด็จการกลัวความคิดอิสระ ความคิดอิสระจักปลดเปลือยเผยธาตุแท้เผด็จการจนล่อนจ้อน

ความคิดอิสระและเสรีภาพการแสดงออกทำให้เราเป็นมนุษย์ และหน้าที่ของผมในฐานะสื่อคือพยายามปกป้องพื้นที่อิสรภาพทางความคิดต่อไป ไม่ว่าภายใต้รัฐบาลปกติหรือเผด็จการ เผด็จการทหาร

คสช.คงคิดว่าหลังจากเอาผมไปขังสองรอบเพื่อ ‘ปรับทัศนคติ’ แล้วผมจะเงียบ ผมเงียบมิได้เพราะผมได้ยินเสียงเพรียกหาเสรีภาพของประชาชนอีกจำนวนมาก

ผมพยายามมิให้ความกลัวมีอำนาจเหนือศรัทธาในเสรีภาพและการใช้เหตุผล ชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าที่จะอยู่อย่างขลาดเขลา

แม้วันนี้ผมสมควรอยู่ที่ฟินแลนด์ แต่การห้ามมิให้ผมเดินทางไปฟินแลนด์โดยเผด็จการทหาร คสช.ก็ได้กลายเป็นเครื่องยืนยันต่อการขาดเสรีภาพสื่อไทย และยืนยันความกลัวของเผด็จการในความคิดและการแสดงออกอันอิสระ ไม่มีอำนาจอันไม่ชอบธรรมอันใดที่จะเปลี่ยนใจผมให้ไปประจบเผด็จการได้ และอำนาจอันไม่ชอบธรรมก็จะไม่มีวันชอบธรรมได้

ผมตระหนักว่าผมมิใช่คนๆเดียวในสื่อไทยที่พยายามปกป้องพื้นเสรีภาพอันน้อยนิดที่ยังคงเหลือ เราจักยังคงเดินไปข้างหน้า และไม่ว่าจะเหลือกี่คนผมก็จะพยายามเดินต่อไป

 


ปล. บทความนี้แปลปรับปรุงจากภาษาอังกฤษโดยผู้เขียน (Pravit Rojanaphruk) ที่ลงในข่าวสดอิงลิชภายใต้ชื่อ Press Freedom Isn’t Free ในวันที่ 30 เมษายน 2559 เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในปฎิบัติการประณามการเซ็นเซอร์สื่อไทยภายใต้ คสช. ตามคำขอของกลุ่มนักข่าวไร้พรมแดน Reporters Without Borders แห่งกรุงปารีส

 

บล็อกของ ประวิตร โรจนพฤกษ์

ประวิตร โรจนพฤกษ์
 ลึกๆในจิตใต้สำนึกของบรรดาผู้นำเผด็จการทหาร พวกเขาคงตระหนักว่าเขาปราศจากความชอบธรรมใดๆ พวกเขาจึงออกอาการวิตกจริตและปราบปรามการขัดขืนทุกรูปแบบ ไม่ว่าในโลกเสมือนจริงของอินเทอร์เน็ตหรือในโลกแห่งความเป็นจริงประจำวัน
ประวิตร โรจนพฤกษ์
การรับร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหารรังแต่จะเป็นการสนับสนุนให้มีการก่อรัฐประหารปล้นอำนาจประชาชนซ้ำๆจนชั่วลูกชั่วหลาน วันที่ 31 กรกฎา ผมจะเป็นหนึ่งเสียงในการพยายามยุติวัฐจักรอุบาทว์ปล้นอำนาจประชาชนผ่านรัฐประหารโดยการโหวตโน
ประวิตร โรจนพฤกษ์
การปรับทัศนคติ: คําสวยหรูที่ใช้โดยเผด็จการทหาร คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ในการจัดการกับผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดที่แสดงความเห็นไม่ยอมรับรัฐประหาร หรือตั้งคําถามถึงความชอบธรรม หรือความไร้ความชอบธรรมของการก่อรัฐประหารยึดอํานาจฉีกรัฐธรรมนูญ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
ข่าวที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับเมืองไทยในหมู่ผู้สื่อข่าวต่างชาติในไทยในปัจจุบันได้แก่การที่พวกเขาจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าการขอวีซ่าทำงานในฐานะนักข่าวในไทยนั้นยากมากขึ้นตั้งแต่เกิดรัฐประหารปี 2557