Skip to main content

เคยได้ยินชื่อ “ขบวนการนกกางเขน” มานานแล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าคืออะไร จนกระทั่งเห็นหนังสือชื่อเดียวกันนี้วางอยู่บนชั้นและลงมืออ่าน จึงได้รู้ว่า “ขบวนการนกกางเขน” เป็นวรรณกรรมเยาวชนต่างประเทศที่แปลโดย “แว่นแก้ว”

“ขบวนการนกกางเขน” เป็นทั้งชื่อหนังสือและชื่อเรียกของกลุ่มตัวละครเด็ก ๆ ในเรื่อง เด็ก ๆ ถูกวาดให้มีหลากหลายบุคลิก ตั้งขบวนการ รวมตัวกันหาเรื่องสนุก ๆ ทำ จนกระทั่งเข้าไปผจญภัยในห้องใต้ดินและนำไปสู่การค้นพบขุมทรัพย์ในที่สุด

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้น่าจะอยู่ที่ผู้แปลมากกว่าผู้เขียน  สำหรับผู้เขียนชาวฝรั่งเศสคือ Madeleine Treherne  ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ในภาคฝรั่งเศสว่า Rossignols en Cage ส่วนผู้แปลคือ “แว่นแก้ว”

คนที่เป็นคอวรรณกรรมเยาวชนคงจะรู้กันดีว่า “แว่นแก้ว” คือนามปากกาของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแปลหนังสือเล่มนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2521 ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “สตรีสารภาคพิเศษ”  วรรณกรรมแปลเล่มนี้กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2549 ตีพิมพ์ซ้ำ 12 ครั้ง

แว่นแก้ว เขียนไว้คำนำผู้แปลเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ว่า “เมื่อเรียนอยู่คณะอักษรศาสตร์ปีที่ 1 แว่นแก้วได้เรียนหนังสือภาษาฝรั่งเศสเล่มหนึ่ง พวกเราทุกคนในชั้นชอบเรื่องนี้มาก เพราะอ่านแล้วคิดถึงตัวเอง บางทีก็เกิดจินตนาการว่าตัวเองเป็นบุคคลในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ริโก้ ฝาแฝด (ในชั้นของเรามีฝาแฝดด้วย) ริรี่ หรือนิโคลาส์ เจ้าชายน้อย เรารู้สึกประทับใจและรู้ซึ้งถึงความผูกพัน ความรักของเพื่อนต่อเพื่อน มิตรภาพนั้นเป็นความรู้สึกที่งดงาม เป็นสากล มิได้ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ภาษาหรือแม้แต่วิถีชีวิตของแต่ละคน แว่นแก้วจึงได้พยายามถ่ายทอดชีวิต การผจญภัยของเด็กฝรั่งเศสกลุ่มนี้ให้ทุกคนสนุกสนานทั่วกันในเรื่อง “ขบวนการนกกางเขน””

“ขบวนการนกกางเขน” มีสถานที่นัดพบกันเป็นประจำ หลังจากเลิกเรียนแล้ว คือต้นไม้ใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำแซนแห่งนครปารีส โดยมีสัญญาณที่เป็นรหัสที่รู้กันเฉพาะภายในกลุ่มคือการผิวปาก 3 ครั้ง สั้น สั้น ยาว

น่าจะเป็นความตั้งใจของผู้เขียน ที่วางตัวให้เด็ก ๆ ในขบวนการนี้มีความหลากหลายในแง่บุคลิกและฐานะที่มา

“จองหลุยส์” หัวหน้าขบวนการมีแม่ที่มีอาชีพเป็น “แม่บ้าน” พ่อของเขาเสียชีวิตในสงครามอินโดจีนนานแล้ว เขามีเพื่อนรักคือ “ริโก” แต่แม่ของ “จองหลุยส์”  ไม่ค่อยชอบ “ริโก” นักเพราะแม่ของเขาบอกว่า  “พวกเด็กต่างชาติ บางทีก็สกปรก”

“ริโก” เป็นชาวเกาะซิซิลี ไม่เก่งภาษาฝรั่งเศส ดังนั้นจึงมีปัญหาการเรียนและทำการบ้านผิดอยู่บ่อย ๆ พ่อของเขามีอาชีพขายรูปปั้นที่ร้านกาแฟแถวท่าเรือ หากวันไหนขายดี พ่อก็จะพาริโกไปกินอาหารในร้านอิตาเลียน แต่โดยมากแล้วของกินมักจะมีแค่ขนมปังชิ้นหนึ่งกับมะเขือเทศอีกลูกหนึ่งเท่านั้น  ริโกและพ่ออาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ โทรมๆ ปะปนกับชาวซิซิลีอื่นๆ อยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด เสื้อผ้าก็ขาดๆ ปะๆ และมักจะหิวโหยอยู่เสมอ ริโกมีมีดด้ามใหญ่ซ่อนอยู่ในเสื้อขาด ๆ พกติดตัวไปโรงเรียน และใช้มีดนี่แหละกรีดแขนของจองหลุยส์และกรีดแขนของตนเองแล้วปล่อยให้เลือดผสมกัน มองตากันครู่ใหญ่ ตั้งสัตย์สาบานว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

มาริเต้และแบร์นาร์ด สองพี่น้อง ลูกของผู้จัดการโรงเรียน มีฐานะดีกว่าคนอื่น มีเสื้อผ้าดีๆ และพ่อมีรถยนต์ ที่บ้านมีหนังสือมากมาย คุณพ่อคอยตรวจการบ้านทุกวัน ทั้งคู่ถูกทำโทษบ่อย ๆ ไม่ค่อยได้เล่นเป็นอิสระ เวลาหนีมาเล่นกับพวกนกกางเขนก็ไม่กล้าจะอยู่นานเพราะคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ทราบว่าลูกเล่นกับใคร

รีรี่ เด็กหญิงคนเดียวของนกกางเขน ตัวโต แก่นกะโหลกเหมือนเด็กผู้ชาย ปีนต้นไม้ได้เหมือนลิง  ฉลาดและมีความเป็นผู้นำ เธอมักจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เสมอ แต่พ่อแม่มักจะทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ

เด็กฝาแฝด “ยอชกับมาร์แซล”   มีตาสีฟ้า จมูกรั้น ผมสีดำเหมือนกัน สร้างความปวดหัวให้คุณครูมากเพราะบางทีครูสับสนแยกไม่ออกว่าคนไหนคือ ยอช คนไหนคือมาร์แซล แต่นิสัยใจคอแตกต่างกันมาก ยอชเป็นคนเฉยๆ มาร์แซล เป็นเด็กซน ชอบกระโดดโลดเต้น ยอชเกลียดการกีฬา แต่มาร์แซล วิ่งแข่งได้ที่หนึ่งอยู่เสมอ

สมาชิกแห่งนกกางเขนที่เข้ามาสมทบหลังเพื่อนคือ เจ้าชายน้อยนิโกลาส์ เขาอาศัยอยู่กับปู่คือเจ้าชายติเตสโกแห่งโรมาเนีย เป็นเจ้าของตึกที่จองหลุยส์กับแม่พักอาศัยอยู่ เจ้าชายน้อยนิโกลาส์ไม่มีเพื่อนเล่น เขาต้องการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนกกางเขนและสามารถจดจำรหัสลับของขบวนการได้

เจ้าชายน้อยนิโกลาส์ แอบตามพวกนกกางเขนเข้าไปในห้องใต้ดินของตึก ความจริงใจของเขาทำให้เขาได้รับการยอมรับให้เข้ากลุ่ม  

ในห้องใต้ดิน เด็กๆ พบเจอสิ่งที่น่าสนใจมากมาย จินตนาการทำให้พวกเขาสนุกกันใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับถูกขังอยู่ในนั้นโดยที่ไม่มีใครรู้  พวกเขาสนุกมากกว่าจะหวาดกลัว ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา แต่พ่อแม่ตกอกตกใจตามหากันใหญ่

ในระหว่างที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินนั่นเองที่เด็กๆ ได้ออกสำรวจไปจนทั่วกระทั่งนำไปสู่การค้นพบหีบสมบัติซึ่งเป็นมรดกตกทอดของเจ้าชายติเตสโก

“ขบวนการนกกางเขน” หนังสืออ่านเล่นที่ใช้เวลาไม่นานก็อ่านจบ เหมาะกับเด็กๆ ที่จินตนาการกำลังเติบโต แต่หากผู้ใหญ่จะสนใจอ่านก็ไม่แปลกอะไร

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
วรรณกรรมที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ว่าทำไม่ได้ดีเท่าตอนเป็นหนังสือ แต่ “ผีเสื้อและดอกไม้” ต่างออกไป สวยงามในคราที่เป็นหนังสือและสมบูรณ์แบบแทบไร้ที่ติเมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายประมาณปี 2528 ด้วยผลงานการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และรับบทนำโดย สุริยา เยาวสังข์ ซึ่งเคยมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ผมเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่อาจารย์ภาษาไทยบังคับให้อ่านโดยให้เลือกเอาระหว่าง “ข้างหลังภาพ” กับ “ผีเสื้อและดอกไม้” ผมเลือกอ่าน “ผีเสื้อและดอกไม้” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ข้างหลังภาพ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัก ๆ ใคร่ ๆ…
นาลกะ
  "ผีน้อยโลกมายา" คือวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทานแว่นแก้ว โดยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดประจำปี 2544 เขียนโดย วันทนีย์ วิบูลกีรติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค "ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
นาลกะ
เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำงานที่ชนะการประกวดใน โครงการพัฒนาทักษะด้านการเขียนวรรณกรรมสำหรับเยาวชน มารวมเล่ม โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัทนานมี บุ๊ค จำกัด โดยได้อัญเชิญวรรณกรรมเยาวชนในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพเรื่อง แก้วจอมซน และ แก้วจอมแก่น มาจุดประกาย
นาลกะ
"ย่ำสวนป่า" เป็นเรื่องเล่าจากชนบทที่มีกังวานเสียงแห่งความภาคภูมิใจกับการที่ได้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสวนป่าที่มีสิ่งให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ และมีรูปแบบชีวิตที่สัมพันธ์เกี่ยวโยงอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติผู้เล่าเรื่องบอกไว้ในตอนท้าย หลังจากที่ปลดปล่อยความทรงจำวัยเด็กให้ออกมามีชีวิตวิ่งเต้นบนหน้ากระดาษเสร็จแล้วว่า"มันไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป แต่เป็นความทรงจำแสนสนุกที่ผมไม่คิดจะลืมเลือน ผมจะจดจำไว้ว่าที่นี่... คือบ้านเก่าของผม..." (หน้า 118)
นาลกะ
ความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่ทำให้มียอดคนตายถึง 6 ล้านคนนั้นมีประเด็นและเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่รู้จบกระทั่งปัจจุบัน ศิลปะภาพยนตร์และวรรณกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่นำเอาการฆาตกรรมหฤโหดมาเสนอในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ถึงความไร้เหตุผลของมนุษย์ที่นำไปสู่การทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งมนุษย์ด้วยกันเอง “ชะตาลิขิต” วรรณกรรมแปลจากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค เป็นอีกเล่มหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรงและพรรณนาสภาพเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในตอนนั้นไว้อย่างละเอียดลออทั้งนี้เพราะตัวผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มี ประสบการณ์ตรงจากการถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันตั้งแต่เด็ก…
นาลกะ
หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ “Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30 หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า “มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน” “ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง” “ถูกภรรยาทิ้ง” “ตกงาน” “รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”…
นาลกะ
ไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง "Lassie Come Home " ทางเคเบิลทีวี ซึ่งน่าสนใจและน่าประทับใจดี จึงหาหนังสือมาอ่านพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้แปลเป็นไทยนานแล้ว โดย ร.ท.นิพนธ์ กาบสลับพล และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ "แลสซี่" ถือกำเนิดจากปลายปากกาของนักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อเมริกัน เอริค ไนท์ (Eric Knight) ในรูปแบบเรื่องสั้น ตีพิมพ์ลงใน Saturday Evening Post เมื่อปี 1938 และผู้เขียนขยายเป็นนวนิยายในปี 1940 ซึ่งประสบความเป็นอย่างดี Lassie ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหนรวมทั้งเป็นซีรี่ส์ทางจอโทรทัศน์โดยมีดาราฮอลลีวู้ดระดับตำนานนำแสดง ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์, มิคกี้ รูนี่ย์,…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ มักมุ่งเน้นให้เยาวชนขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน เรียนให้จบชั้นสูง ๆ เพื่อที่จะได้มีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต หรืออดทนกัดฟันสู้ต่อความยากลำบาก ต่อความด้อยโอกาสกระทั่งเอาชนะได้ในที่สุด กล่าวอีกแบบก็คืออดทนทำดีเข้าไว้เพื่อตัวเองนั่นแหละที่จะได้ดี หรือถ้าไม่เป็นไปตามลักษณะข้างต้น วรรณกรรมเยาวชนที่เขียน ๆ กันก็มักจะเน้นการใช้จินตนาการจนหลุดลอยจากโลกแห่งความเป็นจริง กลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนเชิงแฟนตาซีที่อะไร ๆ ก็ดูสวยงามไปหมด เหมือนเป็นการพาเยาวชนคนอ่านหลบหนีไปจากโลกจริงสู่โลกจินตนาการของภาษา แต่วรรณกรรมเรื่อง “กะลาสีเรือผู้กล้าหาญ” ประพันธ์โดย “จังว่าง”…
นาลกะ
น่าดีใจที่สำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” พิมพ์วรรณกรรมเยาวชนออกมาอย่างต่อเนื่องโดยคัดกรองเอาจากการประกวดรางวัล “แว่นแก้ว” แม้ว่าวรรณกรรมที่ผ่านเข้ามาบางเรื่องอาจไม่อยู่ในระดับที่ดีนัก นอกจากจะเป็นการปลุกการอ่านและการเขียนวรรณกรรมเยาวชนให้กระเตื้องขึ้นบ้างแล้วยังถือเป็นการให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ที่น่ารักน่าชังในอีกโสดหนึ่งด้วย “กระเบนยักษ์คู่อาฆาต” ผลงานของ “เพชร บุตรทองพูน” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านคัดกรองจากรางวัลวรรณกรรมเยาวชนพระราชทาน “แว่นแก้ว” ซึ่งยืนยงและหนักแน่นในการสร้างสรรค์วรรณกรรมเยาวชนมานานหลายปีจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัล “แว่นแก้ว” เป็นสถาบันทางวรรณกรรม…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน “แว่นแก้ว” เรื่อง “คำใส” นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2546 ประเภทนวนิยาย ส่งเข้าประกวดโดย “วีระศักดิ์ สุยะลา” นักเขียนหน้าใหม่จากจังหวัดอุบลราชธานี และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” สำนักพิมพ์ที่เล็งเห็นความสำคัญของวรรณกรรมเยาวชน จุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้ คือ การฉายให้เห็นถึงความเป็นไปของชนบทภาคอีสานที่กำลังอยู่ในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับโลกภายนอกหมู่บ้าน ดังนั้นเราจึงได้พบว่า เมื่อมีปัญหาทางการเงิน ตัวละครบางตัวจึงตัดใจทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลังเพื่อเข้ามาทำงานขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพ ฯ…
นาลกะ
“รุ่งอรุณ สัมปัชชลิต” แปลเรื่อง จากเถ้าธุลี จากต้นฉบับ Out of the Ashes ที่เขียนโดย “Michael Morpurgo” นักเขียนชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักมากคนหนึ่งในฐานะนักเขียนวรรณกรรมเยาวชน จนถึงปัจจุบัน “Michael Morpurgo” มีผลงานทั้งหมด 95 เรื่อง ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกกว่ายี่สิบภาษาและนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ห้าเรื่องด้วยกัน เขาได้รับรางวัลทางด้านวรรณกรรมเยาวชนมากมาย เช่น รางวัล The Children’s Book Award, The Whitbread Award นอกจากนี้ เขายังได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงสุดด้านวรรณกรรมสำหรับเด็กของประเทศอังกฤษ
นาลกะ
หลังการจากไปของลัทธิจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ประเทศคองโกก็ประสบกับความวุ่นวายเพราะชนชั้นนำแย่งชิงอำนาจกันเอง กระทั่งได้ผู้นำที่เข้มแข็งจนจัดตั้งระบอบ “ปฏิวัติ” ที่วางรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิสังคมเชิงวิทยาศาสตร์” ระบอบการปกครองใหม่มาพร้อมกับกติกากฎเกณฑ์และสัญลักษณ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงชาติ ชื่อประเทศ ธงชาติกลายเป็นสีแดง มีการเพิ่มดาว ค้อน เคียว มีการห้ามสวดมนต์ ร้องเพลง และห้ามคิด จะเดินทางไปไหนมาไหนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของทางการ ฟังดูคล้ายกับยุคสมัยแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างมโหฬาร…