Skip to main content

 

ผู้ต้องขังคดี 112 ในเรือนจำ ส่งเสียงบอกผู้มาเยี่ยมหนึ่งวันก่อนการชุมนุม “หมื่นปลดปล่อย” ว่าเขาเอาใจช่วยในการชุมนุมที่จะมาถึง เรื่องปริมาณคนไม่สำคัญเลย จะมีแค่ร้อย ห้าร้อยคนก็ไม่เป็นไร ถือว่ามีการชุมนุมก็ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะปริมาณไม่สำคัญเท่าความจริงใจในการลงมือลงแรงช่วยเหลือ การชุมนุมนี้ทำให้คนข้างในคุกใจชื้นขึ้น และเขาก็ดีใจแล้ว

เช้านั้น คนอาจไม่ถึงหมื่น แต่ก็น่าจะเฉียดครึ่งของหมื่น มาร่วมกันส่งเสียงทางการเมืองต่อรัฐบาลที่หลายคนเป็นผู้เลือกมาเอง ส่วนใหญ่เป็นคุณลุงคุณป้าจากต่างจังหวัด กลุ่มเสื้อแดงอิสระหลายกลุ่มในกรุงเทพฯ ญาติๆ ผู้ต้องขัง อดีตผู้ต้องขังที่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนแล้ว (แต่หลายคนก็ยังมีคดีติดหลัง) และปัญญาชนอีกจำนวนหนึ่ง

ลูกเล็กเด็กแดงถูกพามาวิ่งเล่น ถือป้ายรณรงค์ สัมผัสประสบการณ์ทางการเมืองแต่เด็ก เสียงเจี๊ยวจ๊าวงอแงทำให้การชุมนุมดูสดใส ขณะเสียงของคนหนุ่มสาวมีไม่มากนัก จนชวนผิดหวัง

ป้ายผ้าพิมพ์ ป้ายกระดาษเขียน เขียนข้อความ และภาพรณรงค์หลากรูปแบบหลายภาษา เสื้อสีแดงและอีกหลายสี สกรีนลายส่งข้อความทางการเมือง ส่งเสียงพูดอยู่เต็มลานพระรูปทรงม้า ทั้งข้อความเกี่ยวกับนักโทษการเมือง มาตรา 112 ความไม่เป็นธรรมคดีสมยศและกระบวนการยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมทางการเมือง และเรียกร้องซึ่งความเป็นคน

ที่หมุดคณะราษฎร ดอกไม้ พวงมาลัยวางล้อมรอบ ตกแต่งสวยงามแต่รุ่งเช้า พร้อมข้อความจากแผ่นกระดาษเอสี่วางใกล้ๆ ส่งเสียงว่า “ปลดปล่อยนักโทษการเมือง” “Liberate Political Prisoners” “Free Somyot”

เสียงผู้ประสานงานบนเวทีประกาศอย่างต่อเนื่องว่า “29 มกรา” ผู้ร่วมชุมนุมขานรับพร้อมเพรียงว่า “หมื่นปลดปล่อย” เสียงถามและขานรับเช่นนี้ดังไปตลอดการชุมนุมหนึ่งวัน ขณะเสียงถามและขานรับขณะเดินสู่ทำเนียบรัฐบาลเต็มไปด้วยความคาดหวังว่า “ไปพบใคร” ผู้ชุมนุมขานตอบว่า “พบนายกฯ”

สุดา รังกุพันธุ์ ประกาศเสียงผ่านไมค์บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลว่าถ้ารัฐบาลของเรา ยังไม่ปลดเปลื้องความทุกข์ของเรา แล้วประชาชนจะหันไปพึ่งใคร ไม่ว่ากฎหมายฉบับไหนที่ประชาชนเสนอ กลับไม่ได้รับความเคารพ วันนี้เราจึงพาตัวเรามาด้วยตัวเอง และมันสำคัญกว่าบัตรประชาชนซะอีก

เสียงร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและขจัดความขัดแย้ง ของคณะนิติราษฎร์ ถูกบรรจุในซองเอกสารสีน้ำตาล จ่าหน้าถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และมีสุดา รังกุพันธุ์ ถือเดินนำสู่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนมอบให้เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตัวแทนจากฝากรัฐบาล

แก๊งค์นักปั่นจักรยานและมอเตอไซต์สีแดง มีให้เห็นหนาตา คอยนำขบวนการเดินสู่ทำเนียบรัฐบาล  พี่ชายนักปั่นจักรยานคนหนึ่งนำตะเกียงแก๊สสองอัน มาถือเดินไปมาหน้าทำเนียบฯ และส่งเสียงว่าบ้านเมืองช่างมืดบอด แม้จะเป็นกลางวันแสกๆ ที่สายแดดร้อนแรง

ฝรั่งตัวสูงใหญ่คนหนึ่งใส่เสื้อสีแดง ติดเข็มกลัดเต็มหัว มีข้อความส่งเสียงทางการเมืองทั้ง No 112, ปล่อยนักโทษการเมือง, Free Somyot, Freedom of Expression

ขณะพระสงฆ์และแม่ชีจำนวนหนึ่งเป็นผู้เดินนำขบวน พระองค์หนึ่งจุดเทียนไขขนาดยาวในมือ สลักข้อความบนเทียนว่า “we want justice” เดินไปจนถึงทำเนียบฯ

เสียงดนตรี ศิลปิน และกวี บนเวทีสื่อสารเรื่องราวทางการเมืองที่หลายเรื่องก็เอ่ยออกมาไม่ได้ตรงๆ เสียงนักเขียน-นักวิชาการวิเคราะห์คดีสมยศ วิพากษ์กระบวนยุติธรรม ปัญหานักโทษการเมือง และหนทางแห่งการนิรโทษกรรม

ซุ้มสนับสนุนอาหารและน้ำดื่มส่งเสียงถึงน้ำใจสนับสนุนการชุมนุม ซุ้มขายสติ๊กเกอร์ เสื้อยืด เข็มกลัด อุปกรณ์การชุมนุม และหนังสือหนังหา ส่งเสียงให้สีสรรในการชุมนุม

อดีตผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งจากเชียงใหม่และอุบลราชธานีเดินทางมาร่วมชุมนุม ยืนยันว่า “เราไม่ทิ้งกัน”  ญาติๆ ของนักโทษการเมืองที่ยังอยู่ในเรือนจำหลักสี่เดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคอีสานเชิญชวนให้แวะไปเยี่ยมผู้ต้องขังบ้าง ไปแทนพวกเขาที่เดินทางมาลำบาก ขณะเสียงคับแค้นดังอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องการไม่ให้ประกันตัว ความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และเสียงเรียกร้องรัฐบาลให้ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง

อดีตผู้ต้องขังและญาติๆ ของนักโทษการเมืองคดีมาตรา 112 มาร่วมชุมนุมหลายคน หมี อดีตนักโทษ บอกว่าดีใจที่ประชาชนขึ้นมาชุมนุมเองได้ ไม่ได้มาเดินตามแกนนำ ประชาชนก็มีสิทธิที่จะเป็นแกนนำ เราแต่ละคนมีสิทธิเป็นแกนนำได้ด้วยตัวเอง ป้าอุ๊ ภรรยาอากงบอกว่าขนลุก เมื่อเห็นภาพและข้อความเกี่ยวกับสามีของเธออยู่ในการชุมนุม

ป้าน้อย ภรรยาสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ มาตั้งโต๊ะขายโปสการ์ดของกลุ่มญาติและเชิญให้ผู้ร่วมชุมนุมร่วมลงชื่อ เพื่อส่งเสียงช่วยเหลือนักโทษการเมืองโดยวิธีการยื่นขออภัยโทษ ไท ปณิธาน ลูกชายของสมยศ ส่งเสียงพูดเรื่องซ้ำๆ ตั้งแต่ครั้งเขาอดอาหารประท้วง ในเรื่องสิทธิการประกันตัวของนักโทษ ขณะลุงบัณฑิต อานียา นำหนังสือเล่มใหม่ทำมือของแกมาส่งเสียงขายให้กับคนรู้จัก

 “เย็นไม่ไหวแล้ว มันหลายปีแล้ว” “จะให้ประชาชนเหนื่อยไปถึงไหน” “ทำไมประเทศไทยเป็นแบบนี้ได้” “เขาไม่มารับรู้เหมือนเรา” “ได้ดิบได้ดีแล้วก็ลืมกัน” “ความรู้สึกของคนในนั้นจริงๆ นะ เขาจะทำอะไรได้ ถ้าพวกเราไม่ช่วยเขา” เสียงผู้คนข้างล่างเวทีดังระงมอยู่ให้คนที่เดินอยู่ในการชุมนุมได้ยิน

เสียงโห่แม้ไม่ดังมาก แต่ก็ดังพอให้ได้ยินขณะรับฟังคำชี้แจงของตัวแทนรัฐบาล ขณะน้ำตาหลายหยดของญาติๆ ผู้ต้องขังที่ยังถูกจองจำ หล่นเสียงของมันตามหลังตัวแทนรัฐบาลที่เดินทางกลับ หลังมาให้คำตอบอันไม่น่าพอใจบนเวที

เสียงบนเวทีของนักวิชาการหลายคน แสดงความผิดหวังหลังฟังคำตอบตัวแทนรัฐบาล และย้ำว่ายังมองไม่เห็นความจริงใจในการช่วยเหลือนักโทษการเมืองที่จำนวนมากเป็นผู้ชุมนุมที่ลงแรงให้ทั้งนปช. และรัฐบาล

ประวิตร โรจนพฤกษ์เรียกร้องมโนธรรมของผู้คนในสังคมว่า “คุณไม่ต้องเป็นเสื้อแดงหรอก ที่จะเห็นใจคนเสียชีวิต คนติดคุก แต่คุณเป็นมนุษย์ก็พอแล้ว” ขณะสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล พูดด้วยอารมณ์ถึง “เพื่อน”ในรัฐบาลและนปช.ว่าขอให้มีความจริงใจและมีน้ำใจกันหน่อยในการช่วยเหลือประชาชน

เสียงเพลง “ความไม่เป็นธรรม” ดังเอื้อนเอ่ยอยู่ในช่วงท้ายๆ การชุมนุม เนื้อเพลงต้นๆ บอกคนฟังว่า “ความเป็นธรรม เมื่อไม่เป็นธรรม สังคมอยู่ได้อย่างไร เมื่อตราชู อ่อนไหวและแกว่งไกว โอ้หนอเมืองไทย ไยไม่มีกฎเกณฑ์”

เสียงของความเงียบงันในทางสาธารณะยังดังมาจากผู้มีอำนาจ และแกนนำนปช. ทั้งต่อประเด็นมาตรา 112 นักโทษการเมือง และการนิรโทษกรรม

การชุมนุมผ่านไปแล้ว...เสียงของผู้คนไม่เพียงอยู่ในปริมาณจำนวนผู้เข้าร่วม อยู่ในจดหมายข้อเรียกร้องที่ยื่นต่อผู้มีอำนาจ แต่มันอยู่ในใบหน้าของผู้คน อยู่ในป้ายผ้า ป้ายแผ่น อยู่ในสีสันที่ขีดเขียน อยู่ในข้อความบนเสื้อยืด อยู่ในสัญลักษณ์หลากหลาย อยู่ในเสียงตะโกนในการชุมนุม อยู่ในอารมณ์และการแสดงออกในเหตุการณ์ รวมถึงอยู่ในหัวจิตหัวใจที่ผู้ลงมาเดินบนถนนเท่านั้นจึงจะรู้สึกได้

และมันคงจะดังต่อไป จนกว่าเสียงมโนธรรมในใจของผู้คนในประเทศนี้จะได้ยินมันบ้าง

 

บล็อกของ กำลังก้าว

กำลังก้าว
ขณะที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีผลกำหนดอนาคตของประเทศ แต่ก็เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของคำพิพากษาคดีๆ หนึ่งที่มีผลกำหนดอนาคตชีวิตของครอบครัวๆ หนึ่งอย่างมหาศาล
กำลังก้าว
ผ่านไปเกือบจะครบสองปีแล้ว ตั้งแต่เธอถูกจับกุมดำเนินคดี...แต่คดียังไม่ได้เริ่มสืบพยานโจทก์เลยแม้สักปากเดียวเสาวณี อินต๊ะหล่อ เคยทำงานเป็นแม่ครัวในร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน แต่บ้านที่เธออยู่อาศัยนั้นอยู่ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
กำลังก้าว
1“เราจะไม่เป็นเราอีก”
กำลังก้าว
คืนนั้น หลังจากรู้ว่ามีชื่อตัวเองอยู่ในประกาศเรียกทางโทรทัศน์ แกโพสต์สเตตัสหนึ่งในเฟซบุ๊กไว้ว่า “โจนาธาน ลิฟวิ่งสตัน ซีกัล ผมจะเป็นนางนวลตัวนั้น”
กำลังก้าว
 การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของไดโนเสาร์ยักษ์เกรี้ยวกราดสุดเรี่ยวแรงแห่งเผ่าพันธุ์ทำผืนดินสะเทือนเลือนลั่นต้นไม้ใบหญ้าล้มระเนระนาดสัตว์น้อยใหญ่หลบหนีชุลมุนวุ่นวายกระทั่งหลายชีวิตบาดเจ็บล้มตายเซ่นสังเวยการเคลื่อนตัวของสัตว์ยักษ์ 
กำลังก้าว
30 เม.ย.นี้ จะเป็นวันครบรอบ 3 ปีของการจับกุมคุมขังสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในคดีมาตรา 112 และเป็นเวลาครบรอบ 3 ปีแล้วที่ชายคนนี้ยืนยันนับตั้งแต่ถูกจับกุมว่า “ผมยอมสูญเสียอิสรภาพ แต่จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นคน”
กำลังก้าว
ข้อเขียนนี้เป็นบันทึกเล็กๆ น้อยๆ จากการทำรายงานข่าวเรื่อง “เปิดใจ 'สปป.ล้านนา' สาขาสันกำแพงกับข้อกล่าวหาแยกประเทศ”%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%