Skip to main content
นายยืนยง


ชื่อหนังสือ : ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน
A SHORT HISTORY OF TRACTORS IN UKRAINIAN

ผู้เขียน : MARINA LEWYCKA

ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ โอสถานนท์

ประเภท : นวนิยายแปล พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2550

จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน


และแล้วฉันก็ได้อ่านมัน ไอ้เจ้าแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เมียงมองอยู่นานสองนานแล้วได้สมใจซะที

ซึ่งก็สมใจจริงแท้แน่นอนเพราะได้อ่านรวดเดียวจบ (แบบต่อเนื่องยาวนาน) จบแบบสังขารบอบช้ำเมื่อต่อมขำทำงานหนัก ลามไปถึงปอดที่ถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า


ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เป็นนวนิยายสมัยใหม่ที่ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ดึงดูดแบบยุคทุนนิยมเสรี ตัวละครล้วนมีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้เกาะติดชะตากรรมในภายภาคหน้า และขอร้องว่าไม่ต้องคาดเดาตอนจบเพราะนวนิยายสมัยใหม่มักไม่เร่อร่าเน้นหนักในตอนจบของเรื่อง เหมือนอย่างยุคของกีร์เดอโมปัสซัง

ที่เน้นนักหนาว่าต้องจบแบบหักมุม พลิกทุกความคาดหมาย ทำเอาผู้อ่านหัวใจเดาะเป็นทิวแถว


ฮ่า ๆ

ฉันนึกถึงตอนสำคัญ ๆ ของเรื่องแล้วยังอดหัวเราะคนเดียวไม่ได้ โอย..ตายแล้ว ฉันอ่านนวนิยายเรื่องนี้จบโดยที่ไม่ป่วยเป็นโรคปอดบานมาได้อย่างไรกัน ขอยืนยันความฮาทุกรูขุมขนอีกครั้งเลยทีเดียวเชียว หากใครเคร่ง ๆ คร่ำ ๆ เครียด ๆ อยู่ล่ะก็ รับประกันได้คุณจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ขอบอกอีกทีว่า มันไม่ใช่ความฮาเหลวเป๋วประเภทที่เราจะพบได้กลาดเกลื่อนตามจอโทรทัศน์ หรือหนังสือบริหารเหงือกแนวอุดมเดี่ยวไมโครโฟน อะไรทำนองนั้น แต่เป็นความฮาประเภทอุดมด้วยเชิงอรรถ และผสมด้วยความเหี้ยมโหดอันเป็นบาดแผลฉกรรจ์ของชนชาติยุโรปจากมหาสงคราม


นอกจากความขำขันที่พิลึกปนซาดิสม์แล้ว ผู้เขียนยังได้แสดงให้เห็นถึงมุมมองอันเฉียบคม พลิกพลิ้ว และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์สังคม ระบบการปกครอง รวมถึงจิตสำนึกของความเป็นชาตินิยมไว้อย่างกลมกลืน เน้นว่า ไม่มีอะไรที่จะกลมกลืนยิ่งกว่านี้หรอก


มาเริ่มเรื่องกันดีกว่า


สองปีหลังจากแม่ตาย พ่อตกหลุมรักแม่ม่ายทรงเสน่ห์ผมบลอนด์ชาวยูเครน เขาอายุแปดสิบสี่ เธออายุสามสิบหก เธอพรวดพราดเข้ามาในชีวิตของเราราวกับลูกระเบิดขนปุยสีชมพู กวนน้ำครำ และนำเอาโคลนตมแห่งความทรงจำเน่าเฟะขึ้นสู่ผิวน้ำ ปลุกวิญญาณบรรพบุรุษให้สะดุ้งตื่นลืมตา


น่าอัศจรรย์แค่ไหนที่เพียงย่อหน้าแรก (จริง ๆ ผู้เขียนไม่ได้ใช้ย่อหน้า) ก็สามารถบอกเล่าเค้าโครงเรื่องทั้งหมดได้ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ


จากนั้นลูกสาวสองคนที่ล้วนอยู่ในวัยกลางคนและมีครอบครัวแล้ว ก็เริ่มทำสงครามขับไล่ วาเลนติน่า,

แม่ม่ายทรงสะบึ้มชาวยูเครน เพื่อนร่วมชาติของพวกเธอให้กลับบ้านเกิดเมืองนอนไปซะ แต่เดิมครอบครัวนี้เป็นชาวยูเครนอพยพมาตั้งรกรากอยู่ในอังกฤษ สุดท้ายไม่ว่าวาเลนติน่าผู้ยอมหย่าจากสามี ทิ้งยูเครนประเทศแม่ไว้กับอาชญากรรมจากฝีมือของนักการเมือง หอบลูกชายวัยรุ่นกระโจนเข้าหาชีวิตใหม่ในโลกตะวันตกจะสมหวังได้กอบโกยทรัพย์สมบัติเงินทองจากพ่อม่ายวัยแปดสิบปีหรือไม่ เหล่านี้เป็นเพียงเค้าโครงภายนอกที่จะดึงดูดเราให้เดินไปพร้อมกับคำบอกเล่าของผู้เขียน


แต่แท้จริงแล้ว เค้าโครงเรื่องย่อยที่แฝงตัวอยู่อีกชั้นหนึ่ง และลึกเข้าไปอีกชั้นแล้วชั้นเล่านั้น ได้ดำเนินผ่านวิธีคิด และการดำเนินชีวิตของตัวละครแบบที่แบ่งเป็นขั้วคู่ขัดแย้งไว้ตลอดเรื่อง และเป็นขั้วคู่ขัดแย้งที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อกันตั้งแต่ต้น แม้กระทั่งพี่น้องคู่นี้ เวร่า และน้องสาวนาเดซห์ดา

(นาเดีย) สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างหนักเรื่องมรดกหลังงานศพของแม่


เวร่าเกิดและเติบโตอย่างรันทน ท่ามกลางความแร้นแค้นและน่าประหวั่นพรั่นพรึงของสงคราม ทั้งสงครามกลางเมืองและสงครามโลก ได้รู้เห็นและซึมซับเลือด น้ำตา ความตายมาตั้งแต่เกิด ความโหดร้ายทารุณของประเทศสังคมนิยม และนาซีเยอรมันที่เข้าแย่งชิงยูเครนบ้านเกิดของเธอ ทำให้เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เธอจึงเป็นทุนนิยมเต็มตัว ขณะที่นาเดซห์ดาถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาของสันติภาพในประเทศผู้ชนะสงครามอย่างอังกฤษ โดยที่เธอไม่เคยรับรู้เรื่องราวแสนโหดร้ายปางตายของคนในครอบครัวระหว่างเผชิญกับสงคราม เธอเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่นิยมพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ครั้นหนึ่งมันเกือบได้ฆ่าคนในครอบครัวของเธอ


ผู้เขียนใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 (ฉัน-นาเดซห์ดาผู้เป็นน้องสาว) เป็นผู้เล่าเรื่องทั้งหมด เธอเล่าถึงสัมพันธภาพระหว่างพี่สาวไว้ในหน้า 296


เวร่ากับฉันอายุห่างกันสิบปี-เป็นสิบปีที่ฉันมีวงเดอะบีทเทิลส์ การเดินขบวนประท้วงสงครามเวียดนาม การลุกฮือของนักศึกษาในปี 1968 และการกำเนิดของเฟมินิสต์ ซึ่งสอนให้ฉันมองผู้หญิงทุกคนว่าเป็นพี่น้องกัน-ผู้หญิงทุกคนยกเว้นพี่สาวของฉัน


แม้ว่านวนิยายเรื่องนี้เล่าผ่านบริบททางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลก มีการแทรกเชิงอรรถไว้อธิบายอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสของนวนิยาย และที่สำคัญนี่ไม่ใช่เรื่องจากบันทึกความทรงจำอันแสนทารุณ โหดเหี้ยมอย่างที่เราเคยอ่านจากบันทึกของแอนแฟรงค์ หรือเรื่องอื่น ๆ แต่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า นอกจากความสูญเสียที่เราซาบซึ้งจนไม่อยากพูดถึง สงครามได้ให้อะไรอื่นอีกกับผู้คนและกับสังคมอีกบ้าง ซึ่งหัวใจของเรื่องอยู่ตรงที่การสลับเปลี่ยนขั้ว เช่น จากคนที่นิยมคอมมิวนิสต์สุดขั้วกลับกลายเป็นนายทุนใหญ่และกำลังรีดนาทาเร้นเพื่อนร่วมชาติ ร่วมอุดมการณ์ไปได้ และล้วนเป็นขั้วคู่ขัดแย้งที่เป็นปฏิปักษ์ เป็นฝ่ายตรงข้ามกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ แนวคิดแบบเฟมินิสต์ นั่นเอง


โดยที่ผู้เขียนได้สร้างให้ตัวละครที่เป็นพ่อ ซึ่งเป็นวิศวกรผู้ชาญฉลาดแต่อยู่ในวัยที่เกือบจะช่วยตัวเองไม่ได้ และไร้สมรรถภาพทางเพศ ขณะเดียวกันก็เป็นตาแก่ตัณหากลับ ให้เขาเป็นผู้เขียนประวัติย่อของแทรกเตอร์ของยูเครน ประเทศแม่ของเขา และพร้อมกับประวัติย่อดังกล่าวที่ผสมผสานเข้ามาในเค้าโครงเรื่องภายนอกนั่นเองที่ผู้เขียนก็ได้บอกเล่าถึงสัญลักษณ์ทั้งหมดของเรื่องไว้ในนั้นด้วย


เอาล่ะ “พวกเธอจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแผ่นดินอันเป็นที่รักของเรา” หน้า109

ในประวัติศาสตร์ของยูเครน แทรกเตอร์มีบทบาทที่ขัดแย้งสมัยก่อน ยูเครนเป็นประเทศของชาวไร่ ชาวนาและสำหรับประเทศที่มุ่งพัฒนาขีดความสามารถด้านเกษตรกรรมเช่นนี้ การเปลี่ยนจากแรงงานคนไปใช้เครื่องจักรนับว่าสำคัญอย่างยิ่ง แต่กระบวนการให้ได้มาซึ่งเครื่องจักรแทนมนุษย์นั้นเลวร้ายสาหัส


หลังการปฏิวัติในปี 1917 รัสเซียกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีจำนวนกรรมกรผู้ใช้แรงงานในเมืองเพิ่มสูงขึ้น กรรมกรเหล่านี้ถูกคัดสรรมาจากชาวชนบทตามหัวเมือง แต่ถ้าชาวไร่ชาวนาต่างละทิ้งถิ่นฐานบ้านนอก คนเมืองทั้งหลายจะเอาอะไรกิน


คำตอบของสตาลินต่อปัญหาสองแพร่งนี้ก็คือ การบัญชาให้ชนบทต้องกลายเป็นย่านอุตสาหกรรมเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ จากที่ชาวชนบทเคยถือครองที่ดินคนละเล็กละน้อย ที่ดินทั้งหมดต้องเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อทำฟาร์มขนาดใหญ่และดำเนินการภายใต้หลักการของโรงงาน ฯลฯ


การเกิดขึ้นของแทรกเตอร์นับว่ามีนัยสำคัญเชิงสัญลักษณ์ด้วยความที่มันทำให้การไถนาแต่ละแปลงของชาวนาแต่ละครอบครัวกลายเป็นหนึ่งเดียว แม้ไม่ประสบความสำเร็จ ฯลฯ แต่อุตสาหกรรมแทรกเตอร์ในยูเครนกลับเฟื่องฟู ฯลฯ การจองเวรของสตาลินไร้ซึ่งความปรานี เขาใช้ความอดอยากหิวโหยเป็นเครื่องมือ ในปี 1932 ผลผลิตทั้งหมดในยูเครนถูกยึด และขนส่งไปมอสโกและเลนินกราด เพื่อปากท้องของกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรม เนยและข้าวจากยูเครนถูกนำไปขายลดราคาในปารีสและเบอร์ลิน ชาวตะวันตกผู้ไม่ประสาต่างพากันยินดีกับความมหัศจรรย์ของผลผลิตจากโซเวียต แต่ผู้คนตามหมู่บ้านของยูเครนต่างพากันอดตาย นี่คือโศกนาฎกรรมที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเรา แต่บัดนี้กำลังถูกเปิดเผย (โดยฝีการเขียนของนายวิศวกรผู้อาวุโสแต่มีกำลังมีความรักร้อนแรงเมียสาว)


ขณะที่สองคนพี่น้องที่คอยแต่จะทะเลาะกันทุกนาที ต่างพยายามหาวิธีกำจัดนังวายร้ายวาเลนติน่าให้ออกไปจากชีวิตของพ่อ ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนก็ค่อย ๆ คลืบคลานออกจากปลายปากกาของพ่อเป็นภาษายูเครน


จนกระทั่ง หน้า 176 เทคโนโลยีแห่งสันติในรูปของแทรกเตอร์ ไม่เคยถูกเปลี่ยนเป็นอาวุธแห่งสงครามที่เหี้ยมเกรียมเท่ากับการกำเนิดขึ้นของรถถังวาเลนไทน์ ตอนนี้เขาเขียนขึ้นระหว่างที่ทะเลาะกับภรรยาสาวที่เพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องที่เขากำลังเขียนอยู่


หน้า 286 เมื่อสงครามสิ้นสุด ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาและความก้าวหน้าอย่างหาที่เปรียบมิได้ในประวัติศาสตร์ของแทรกเตอร์ ขณะที่มีดดาบถูกแปรเปลี่ยนเป็นใบคันไถอีกครั้ง และโลกที่หิวโหยเริ่มคิดว่ามันจะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร เกษตรกรรมที่เฟื่องฟู อย่างที่เรารู้กันอยู่ทุกวันนี้ คือความหวังเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และด้วยเหตุนี้แทรกเตอร์จึงมีบทบาทสำคัญยิ่ง


จากนั้นแทรกเตอร์ก็ถูกพัฒนาโดยวิศวกรผู้ชาญฉลาดของชาติต่าง ๆ ทั้งอังกฤษ โซเวียต อเมริกัน

ประวัติย่อฯจบลงตรงที่แทรกเตอร์เป็นประดิษฐกรรมที่ทรงอำนาจและมันถูกนำมาใช้พลิกฟื้นทุ่งหญ้าแพรี่อันกว้างใหญ่ไพศาลของโลกตะวันตกอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้ง

เขาจบประวัติย่อฯอย่างสวยงามในหน้า 369 ว่า

แต่ที่ต้องนำมากล่าวเสริมก็คือความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความยากจนซึ่งแพร่ขยายไปทั่วโลกก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งเบื้องหลังการกำเนิดขึ้นของฟาสซิสต์ในเยอรมันและคอมมิวนิสต์ในรัสเซีย การเกิดขึ้นพร้อมกันของสองอุดมการณ์เกือบจะนำมนุษยชาติไปสู่การล่มสลายของเผ่าพันธุ์ ฯลฯ


เรื่องจบลงแล้ว ทั้งประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนที่เขียนโดยพ่อวิศวกร พร้อมทั้งการสิ้นสุดของสงครามขับไล่วาเลนติน่าให้กลับไปอยู่ยูเครนบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ โดยการรวมพลังระหว่างคู่พี่น้องผู้ไม่เคยลงรอยกันเลย นาเดซห์ดา สาวเฟมินิสต์ผู้ค่อย ๆ กลืนอุดมการณ์ของตัวเอง และเวร่าผู้เก็บกดความทรงจำแสนทารุณที่ค่อย ๆ ผ่อนปรนขึ้น พร้อมกันนั้นความทรงจำในอดีตอันแสนขมขื่นก็ค่อย ๆ เผยตัวขึ้น ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เดินกลับไปสู่ที่ที่มันจากมา ...


สงครามได้สร้างให้เราเป็นอย่างนี้ และสงครามก็เปลี่ยนให้เราเป็นอีกอย่าง โดยที่ไม่เคยลืมบาดแผลในอดีตเลย เพียงแต่ไม่อยากจะนึกถึงเท่านั้น


ความจริงนวนิยายเรื่องนี้มีความพิเศษ น่าสนใจอีกหลายประเด็นมากกว่านี้ โดยเฉพาะว่าเราจะได้เห็นถึงรูปแบบการเขียนนวนิยายหรือเรื่องแต่งที่ผสมเอาบริบททางประวัติศาสตร์ หรือเรื่องจริงเข้ามาไว้ด้วยกัน เป็นรูปแบบการเขียนที่น่าสนใจ แม้นว่านักเขียนไทยหลายคนก็ได้นำวิธีนี้มาเขียน แต่การตีความหรือขยายความ หรือแม้กระทั่งการแสดงทัศนะต่อสังคม ต่อชีวิต ยังดำเนินไปด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งอย่างนักวิชาการที่เขียนประวัติศาสตร์ฉบับประชาชนอะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นการลดทอนสุนทรียรสของนวนิยายไปอย่างน่าเสียดาย


ถ้าอ่านบทความนี้แล้วยังมองไม่เห็นว่ามันจะตลกขบขันตรงไหนเลยสักนิด อาจหาว่าฉันเป็นพวกเส้นตื้นก็ตาม แต่ขอแนะนำให้ไปอ่านนวนิยายโดยด่วน (นี่ไม่ใช่คำโฆษณาชวนเชื่อแบบทุนนิยมและสังคมนิยมทั้งสิ้น) และจะได้พบกับความรู้สึกเช่นเดียวกัน ก็มันช่างตรงเผงเจ๋งเป้งเหมือนได้อ่านเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศของเราเองยังไงยังงั้นเลย ใช่ประเทศไทยนี่แหละ ดินแดนอันอุดมด้วยทรัพยากร ประเทศเกษตรกรรมของระบอบศักดินาล้าหลัง แล้วก็เปลี่ยนคมใบไถนาไปเป็นมีดดาบของทุนนิยมสามานย์ ถึงทุกวันนี้ที่คอมมิวนิสต์ขี่ดาวเทียม หรือศักดินากับทุนนิยมได้ผสมข้ามสายพันธุ์กันแล้วมีหน้าตาเป็นอย่างไร ฉันเองยังเสียวสันหลังวาบอยู่บ่อยไป เวลาสบตากับตัวเองในกระจกเงา.



บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ถอดรหัสอ่านเร็ว HI-SPEED READING ผู้แต่ง : ลุงไอน์สไตน์ พิมพ์ครั้งที่ 1 : สำนักพิมพ์บิสคิต ตุลาคม 2551
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           824ผู้เขียน               :           งามพรรณ เวชชาชีวะประเภท              :           นวนิยาย  พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2552จัดพิมพ์โดย        :      …
สวนหนังสือ
ป่านนี้แล้ว (พ.ศ. 2552) ใครไม่เคยได้ยินเสียงขู่ หรือคำร้องขอเชิงคุกคามให้ร่วมชุบชูจิตวิญญาณสีเขียว ให้ร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ให้ตระหนักในปัญหาวิกฤตอาหารถาวร โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ฉันว่าคุณคงมัวปลีกวิเวกนานเกินไปแล้ว
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : ลิงหลอกเจ้า ลอกคราบวัตถุนิยมทางศาสนา ผู้เขียน : เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ผู้แปล : วีระ สมบูรณ์ และ พจนา จันทรสันติ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม พ.ศ.2528   เวลานี้เราต้องยอมรับเสียแล้วละว่า หนังสือธรรมะ เป็นหนังสือแนวสาระที่ติดอันดับขายดิบขายดี และมีทีท่าว่าจะคงกระแสความแรงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย   เดี๋ยวนี้ ฉันเจอใครเข้า เขามักสนทนาประสาสะแบบปนธรรมะนิด ๆ มีบางคนเข้าขั้นหน่อย ก็เทศน์ได้ทุกสถานการณ์ อย่างนี้ก็มี ไม่แน่ว่าถ้าคนนิยมอ่านหนังสือธรรมะกันหนาตาเข้า สังคมไทยอาจแปรสภาพเป็นสังคมแห่งนักบวชนอกเครื่องแบบก็เป็นได้…
สวนหนังสือ
  เรียน คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ ช่อการะเกด ที่นับถือฉันผู้ใช้นามแฝงว่า นายยืนยง คนเขียนคอลัมน์ สวนหนังสือ ในเว็บไซต์ประชาไท ที่มีบทความชื่อ ช่อการะเกด 45 เวลาช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นจริงหรือ? อยู่ในรายการของบทความทั้งหมด ได้อ่าน กถาบรรณาธิการ ใน ช่อการะเกด 47 ฉบับวางแผงปัจจุบันแล้ว ทราบว่าคุณสุชาติ บรรณาธิการนิตยสารเรื่องสั้นช่อการะเกดได้ให้ความสนใจต่อบทความนี้ ฉันในนามของนายยืนยงจึงเขียนจดหมายแล้วจัดพิมพ์ส่งตู้ ป.ณ. 1143 เพื่อเล่าถึงความเป็นมาคร่าว ๆ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ :       เดอะซีเคร็ต ผู้เขียน :            รอนดา เบิร์นผู้แปล :             จิระนันท์ พิตรปรีชาพิมพ์ครั้งที่ 54 :  มีนาคม 2551จัดพิมพ์โดย :    สำนักพิมพ์อมรินทร์
สวนหนังสือ
ใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2552 แล้ว ภายใต้นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของรัฐบาลนี้ ถ้าใครได้ดูทีวีคงได้เห็นข่าวประชาสัมพันธ์ หรือได้เห็นสำนักข่าวไปสัมภาษณ์ผู้ปกครองที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนแล้วไปเลือกซื้อชุดนักเรียนให้ลูก ๆ เป็นที่น่าชื่นอกชื่นใจสำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่มีโอกาสเป็นครั้งแรกในการได้รับ "ของฟรี" จากรัฐบาล แม้จะไม่สามารถซื้อได้ครบทั้งชุดก็ตาม เช่น นักเรียนประถม 5 ได้รับเงินเพื่อการนี้คนละ 360 บาทต่อปี คือ 2 ภาคเรียน ๆ ละ 180 บาท บางคนอาจจะได้กางเกงนักเรียน 1 ตัว และ ถุงเท้า 1 คู่ ก็ยังดีฟะ.. กำขี้ดีกว่ากำตดไม่ใช่เรอะ
สวนหนังสือ
นายยืนยง   นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น …
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน! วรรณกรรมการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 6 จัดพิมพ์โดย : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิมพ์ครั้งแรก : กันยายน 2551 ก่อนอื่นขอแจ้งข่าว เรื่องวรรณกรรมการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2552 นี้ สักเล็กน้อย งานนี้เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 8 เปิดรับผลงานวรรณกรรมการเมือง 2 ประเภท คือ เรื่องสั้น และ บทกวี ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2552
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : เด็กเก็บว่าว The Kite Runner ผู้เขียน : ฮาเหล็ด โฮเซนี่ ผู้แปล : วิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม พ.ศ.2548 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ The One Publishing เด็กเก็บว่าว นวนิยายสัญชาติอเมริกัน-อัฟกัน ขนาดสี่ร้อยกว่าหน้า ที่โปรยปก มหัศจรรย์แห่งนวนิยายที่สร้างปรากฏการณ์ปากต่อปากจนติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ เล่มนี้ กล่าวถึงเรื่องราวของอะไรหรือ ทำไมผู้คนจึงให้ความสนใจกับมันมากมายนัก ฉันถามตัวเองก่อนจะหยิบมันมาอ่าน
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง ผู้เขียน : ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ ประเภท : วรรณกรรมวิจารณ์ พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : โครงการจัดพิมพ์คบไฟ การตีความนัยยะศัพท์แสงทางวรรณกรรมจะว่าเป็นศิลปะแห่งการเข้าข้างตัวเอง ก็ถูกส่วนหนึ่ง ความนี้น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่อง “รสนิยมส่วนตัว” หรือ อัตวิสัย หากมองในแง่ดี เราจะถือเป็นบ่อเกิดของกระบวนการสร้างสรรค์ได้ด้วย มิใช่หรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยงเมื่อการอ่านประวัติศาสตร์ อันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น ฉันว่าควรมีการเขียนหนังสือแนะนำ (How to) เป็นขั้นเป็นตอนเลยจะดีกว่าไหม เพราะมันนอกจากจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับผู้แต่งแต่ละท่านแล้ว (ผู้แต่งบางท่านก็ชี้ชัดลงไปเลย เจตนาจะเข้าข้างฝ่ายไหน แต่บางท่านเน้นวิเคราะห์วิจารณ์ โดยที่หากผู้อ่านมีความรู้เชิงประวัติศาสตร์น้อยกว่าหางอึ่งอย่างฉัน ต้องกลับไปลงทะเบียนเรียนวิชานี้อีกหลายเล่ม) ยังทำให้ใช้เวลาอย่างมหาศาลไปกับหนังสือที่เกี่ยวเนื่องกันอีกหลายเล่ม ไม่เป็นไร ๆ เราไม่ได้อ่านเพื่อพิพากษาใครเป็นถูกเป็นผิดมิใช่หรือ อ่านเพื่อได้อ่าน แบบกำปั้นทุบดินก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา…