Skip to main content

แล้วเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดกับโยเซฟ คา ก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน เรื่องราวของการต้องคดีความโดยไม่มีแม้แต่ข้อกล่าวหา!  

 

ถึงแม้ว่าโยเซฟ คาจะตายเพราะถูกฆาตกรรมไปนานเนแล้ว เช่นเดียวกับคดีความของเขาที่ถูกปิดฉากลงไปพร้อมกัน ถ้าคุณไม่เคยรู้เรื่องของเขาเลย ผมคงจะเล่าให้ฟังได้แค่คร่าวๆว่า หนุ่มนายธนาคารคนนั้นต่อมาถูกพบพร้อมกับรอยแทงด้วยมีดปลายแหลมลึกลงไปตรงขั้วหัวใจ ไม่มีบาดแผลฟกช้ำอื่น ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือขัดขืน ศพของเขานอนแน่นิ่งอยู่ในลานระเบิดหิน ไกลออกไปจากเมืองที่เขาอาศัย แต่สิ่งที่ผมและผู้คนส่วนใหญ่สนใจใคร่รู้คือคดีความของเขา คดีความที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างลึกลับ โดยที่ยังไม่มีแม้แต่ข้อกล่าวหา

 

แล้วตัวผมเองไปรู้ไปเห็นเรื่องราว หรือเหตุการณ์เกี่ยวกับคดีความที่เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อกล่าวหามาจากไหน ก็ในหน้าหนังสือพิมพ์นี่แหละครับ คุณไม่ต้องสงสัยนักหรอกว่าฉบับไหน เพราะทุกฉบับต่างลงข่าวเกี่ยวกับคดีลึกลับที่ว่านั่น ทว่าด้วยการพูดถึงโดยไม่พยายามจะพูดถึง คุณคงจะงงๆ ผมถึงได้บอกไงว่ามันเป็นคดีลึกลับ เป็นคดีความที่ยากจะพูดถึงได้ตรงๆทั้งๆที่ควรจะพูดได้นั่นแหละ  พวกเจ้าหน้าสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีจะทำทุกอย่างเกี่ยวกับคดีนี้อย่างจริงจัง แต่ในทุกครั้งก็จะทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริงๆไปด้วย ฟังดูก็รู้ว่ามันขัดแย้งกันในตัวของมันเอง นั่นหมายรวมไปถึงพวกนักข่าวกับนักเขียนด้วยเช่นกัน พวกเขาเหล่านั้นเพียงแต่เขียนว่ามีคดีแบบนี้เกิดขึ้น มีภาพผู้ต้องหา มีการจับกุม แต่ไม่เคยมีรายละเอียดในเนื้อข่าวมากกว่านั้น ผมไม่รู้ว่าทำไม ราวกับว่าพวกเขาจงใจที่จะละเลยคำถามที่ควรจะถาม เลยไม่แปลกที่เราจะไม่รู้ว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับทำผิดอะไร และอย่างไร

 

ย้อนกลับไปที่เรื่องราวของโยเซฟ คา นายสมุห์บัญชีคนนั้นมีจุดพลิกผันในชีวิตที่น่าเห็นใจ  จู่ๆเช้าวันหนึ่ง ในวัยสามสิบ เขาก็กลายเป็นลูกหนูใต้เพดานที่ร่วงหล่นลงมาในอุ้งตีนแมว เหมือนอยู่ที่จุดกึ่งกลางของเรื่องจริงกับเรื่องแต่ง เขายืนโงนเงนไปมา ได้แค่รับรู้ว่าสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ค่อยๆเกิดขึ้น เกิดขึ้นอย่างที่เขาปฏิเสธมันไม่พ้นตัว ทุกอย่างเหมือนส่วนจำลองของโลกอื่น โลกที่จู่ๆก็บีบเค้นให้เขารีบทำความเข้าใจ และยอมรับว่าสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง กว่าจะรู้ตัว เขาก็กลายเป็นลูกหนูบนพื้นห้องเย็นเฉียบไปเสียแล้ว และข้างหน้าคือแมวตัวหนึ่งที่จ้องมองมาไม่วางตา ในอุ้งเล็บนั้น ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้น และแมวตัวนั้นไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวกับเขา ไม่ใช่คนชนชั้นเดียวกับเขา คุณคงเคยเห็นเวลาแมวมันตบลูกหนูตัวเล็กๆเล่นอยู่ไปมา โดยไม่ได้คิดจะกินหรือคิดจะทำอะไรเลยสักอย่าง มันเป็นความทุกข์ทรมานแสนสาหัสของหนูตัวเล็กๆภายใต้ตีนที่มันไม่อาจแข็งขืน คุณรู้ว่าไม่นานแมวมันก็ทำให้ลูกหนูตัวนั้นตายอยู่ดี แต่ทำไมมันรออยู่แบบนั้นล่ะ?

 

ถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกตุ จะเห็นว่ามีการจับกุมคนด้วยคดีลึกลับนี้มานานแล้ว เพียงแต่ในช่วงหลัง มันเป็นการจับกุมอย่างต่อเนื่อง จับกุมกันรายวัน แต่พวกที่ถูกจับกุมไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองทำผิดอะไรลงไป พวกเขายังคิดว่าวันนั้นเป็นวันปกติธรรมดาและชินชาสามัญเสียด้วยซ้ำ ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะคิดกันแบบนั้น ขนาดโยเซฟ คายังเพียงแค่ตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง คุณคิดดูสิ เขาตื่นขึ้นมาแล้วถูกจับกุมได้อย่างไรกัน? เหมือนคนอีกหลายคน คนที่ถูกจับกุมบางคนเพียงแค่พูด เพียงแค่ตั้งคำถาม เพียงแค่สงสัย หรือเพียงแค่อยากจะรู้ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นอาชญากรรมไปได้ยังไงกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เพราะคำถามที่พวกเขาสงสัยมันไร้คนตอบ มันทำได้แค่ฉุกให้คนอื่นๆเก็บไปคิดต่อบ้างเล็กๆน้อยๆ เพราะเมื่อใครก็ตามต้องคดีนี้ ความทุกข์ทรมานอันลึกลับจะกลายเป็นโซ่ตรวนตรึงข้อเท้าของพวกเขา ไม่มีใครอยากจะข้องเกี่ยวกับพวกเขา กับคนอย่างโยเซฟ คา ไม่ว่าคุณหรือผม เราต่างหวาดกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา บางคนถึงกับขยะแขยงเมื่อเห็นข่าว

 

สำหรับโยเซฟ คา ไม่อาจมีความยุติธรรมเหลืออยู่อีกแล้ว หากถูกจับกุมโดยไม่รู้ข้อกล่าวหาหรือไม่มีแม้กระทั่งข้อกล่าวหา บางทีเขาอาจไปเหยียบเอาความลับของใครสักคนเข้า โยเซฟ คานั้นไม่ยอมที่จะให้ใครมาบงการได้ง่ายๆ เขาเป็นคนรั้น ตรงไปตรงมา และบางครั้งก็พูดจาขวานผ่าซาก อาจมีใครสักคนที่เสียผลประโยชน์ และหาทางเล่นงานเขาด้วยคดีลึกลับนี้ แต่คดีลึกลับที่ว่ายังพอมีความยุติธรรมเหลือให้อยู่บ้าง ถ้าคุณจะเรียกมันว่าความยุติธรรมน่ะนะ! ก็พวกเขาบอกว่านั่นล่ะคือความยุติธรรม แค่คุณยอมรับว่าทำผิด ถึงแม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไรลงไปก็ตาม? แล้วโทษทัณฑ์จะลดลงมาเหลือกึ่งหนึ่ง  ‘การลดโทษให้’ นี่ไงความยุติธรรมที่พวกเขาว่า แต่จะให้ปราศจากมลทินเลยนั้นยาก แบบนั้นพวกเขาจะไม่กระทำโดยเด็ดขาด เพราะมันจะเท่ากับว่าพวกเขาได้เริ่มปรักปรำคนบริสุทธิ์ก่อนนั่นเอง

 

มีคนเคยพูดว่าหากตัวเราบริสุทธิ์ เราก็ต้องต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ตัวเราเอง นั่นน่ะใช้ไม่ได้เลย ถ้าคิดจะสู้กับคดีลึกลับนี้ อย่าหวังเสียดีกว่า เลิกพูดถึงโลกภายนอกไปได้เลย เพราะไม่เคยมีใครชนะคดีนี้ คดีที่แม้แต่เฮอร์คูล ปัวโรต์ก็คงไม่กล้าสืบ แล้วใครก็อาจจะถูกจับกุมด้วยคดีลึกลับนี้ได้ทั้งนั้น โยเซฟ คายังเป็นถึงสมุห์บัญชีธนาคารอนาคตไกล พวกที่ถูกจับกุมในตอนนี้บางคนเป็นแค่นักศึกษา ประชาชนตาดำๆ แต่บางคนเป็นถึงนักการเมือง เป็นถึงนายตำรวจ เป็นถึงนักหนังสือพิมพ์ พวกเขาเหล่านั้นต้องอดทนอยู่ในคุก อดทนต่อความอยุติธรรม รอจนกว่าจะมีการยอมให้หยิบคดีลึกลับนี้ขึ้นมาพิสูจน์ในที่สาธารณะ แต่ถามว่าเมื่อไหร่? ไม่มีใครรู้เรื่องนั้นหรอก

 

บางคนตายไปแล้ว...ระหว่างรอให้เกิดวันพิพากษานั้น

 

อะไรกัน? คุณไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เรื่องเกี่ยวกับคดีลึกลับเหล่านี้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นเกือบทุกวัน เหมือนสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แต่ก็เกิดขึ้น มันก็นะ บางครั้งความรักเหมือนทำให้คุณตาบอด หากคุณรักมากเกินไป รักจนมองไม่เห็นการก่ออาชญากรรม คุณรับปากผมได้ไหม ถ้าอยากให้ผมเล่าความลึกลับของคดีนี้ต่อไป คุณต้องสัญญาว่าจะไม่พูดมันต่อกับใครโดยไม่ระวัง เพราะถ้าคุณทำแบบนั้นคุณอาจจะไม่ปลอดภัย และบางที ไม่คุณก็ผมอาจลงเอยด้วยการกลายเป็นเหมือนโยเซฟ คา

 

อย่างแรก คดีลึกลับที่ว่านี้ถือเป็นความมั่นคงของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐจึงกระทำอย่างปกปิดและถือเป็นความลับขั้นสูงสุด คนที่ถูกจับกุมสามารถรับรู้ได้เพียงสองอย่างเกี่ยวกับคดี หนึ่ง. พวกเขาถูกจับกุมด้วยข้อกล่าวหาว่าด้วยคดีความลึกลับ ไม่มีรายละเอียดให้มากกว่านั้น และสอง. หากพวกเขายอมรับผิดว่าต้องคดีลึกลับนี้จริง โทษของพวกเขาจะลดลงมาเหลือกึ่งหนึ่ง

 

เจ้าหน้าที่สอบสวนพวกนั้นทำงานกันรวดเร็ว พวกเขาจะจู่โจมเข้าไปในบ้านคุณหรือที่ทำงานคุณเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ หลังจากนั้นคุณก็จะถูกนำไปฝากขังเอาไว้ คุณจะแย่ยิ่งกว่าโยเซฟ คา ตรงที่คุณไม่สามารถประกันตัวหรือออกมาสู้คดีข้างนอกได้ โอ้! ผมพูดผิด คุณมีสิทธิ์ยื่นประกันตัว แต่คุณจะไม่ได้รับการประกันตัวต่างหาก พวกเขาจะบอกว่ายังมีเหตุจำเป็นที่ต้องควบคุมตัวคุณไว้ในระหว่างสอบสวน ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการรอ รอให้คุณยอม รอให้คุณถอดใจ คุณต้องรับผิดและยอมสูญเสียอิสรภาพ นั่นล่ะสิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็น แต่ถ้าคุณไม่ยอมรับว่าคุณมีความผิดตามที่เจ้าหน้าที่รัฐแจ้ง กระบวนการในศาลจะค่อยๆตบคุณอย่างแมวตัวนั้น

 

คุณจะถูกพิจารณาอย่างลับๆ ฝากขังต่อไปเรื่อยๆ เริ่มจากครั้งที่หนึ่ง สอง แล้วก็สาม สี่ ห้า ฯลฯ มันฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดี แต่พวกเขาจะไม่ทำอะไรมากกว่านั้น พวกเจ้าหน้าที่ของศาลก็อย่างเดียวกัน พวกเขารั้งรอให้คุณเอ่ยปากอีกนั่นแหละ รอให้คุณพูดว่าคุณผิด สารภาพออกมาว่าคุณเป็นภัยต่อความมั่นคง โทษของคุณคือความไม่รักดี เพราะเมื่อถึงตอนนั้นคดีความก็จะเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์  พวกเขาจะได้ปิดคดีของคุณไปเสียที เพราะยังมีผู้ต้องหาแบบเดียวกับคุณอีกเยอะแยะ  

 

ทีนี้ คุณจะโดดเดี่ยวแม้แต่ในคุก ไม่มีใครอยากช่วยเหลือหรือเข้าใกล้คุณ พวกเขากลัวจะต้องโทษแบบเดียวกัน โทษหนักที่ต้องรับสถานเดียว โทษที่ไม่สามารถกล่าวแย้งพิสูจน์ตน ความผิดของคุณหนักหนาราวกับการฆ่าใครสักคน คุณมีทั้งความผิดและตราบาป รวมทั้งได้กลายเป็นผู้ต้องหาอุกฉกรรจ์ตั้งแต่คุณถูกจับกุมด้วยคดีนี้ คุณไม่มีทางเป็นอย่างอื่นในคดีนี้ได้ แม้ว่าคุณจะอ้างหลักการใดๆว่าสิ่งที่คุณทำลงไป ไม่ได้เป็นอะไรที่เลวร้าย ก็ใช่ คุณจะทำเลวร้ายอะไรได้ ในเมื่อคุณยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ คุณก็แค่ตื่น เหมือนกับโยเซฟ คา คุณก็แค่ตื่น! แต่ยิ่งกว่านั้นใครก็สามารถกล่าวใส่ร้ายคดีลึกลับนี้กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าได้ นักโทษและเจ้าหน้าที่สอบสวนรู้เรื่องนี้ดี เพราะพวกเขาใกล้ชิดกับข้อกฏหมายในทางลับๆ แต่บางคนอาจจะแค่สมน้ำหน้า พูดตามตรงในคุกก็ไม่มีใครกล้าพูดเกี่ยวกับคดีลึกลับนี้โดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา

 

ทำไมไม่มีใครหยุดเรื่องนี้? ทั้งๆที่คดีลึกลับมันหนักข้อขึ้นทุกที คุณตั้งใจฟังนะ ผมจำเป็นต้องกระซิบแล้ว มันอันตรายเกินไป ผมไม่แน่ใจว่ามีใครฟังเราคุยกันตอนนี้รึเปล่า แต่ผมเชื่อใจคุณ ผมยังกังวลและนึกเป็นห่วงคุณด้วย ความจริงผมไม่น่าเล่าเรื่องคดีลึกลับนี้ให้คุณฟังเลย แต่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ

 

เอาล่ะ คุณคิดว่าใครกันที่เป็นหัวหน้าในการสั่งการให้จับกุมโยเซฟ คา? คนที่ไอ้ยามหน้าโง่สองคนที่ชื่อวิลเลมกับฟรานซ์อ้างถึง และต่อมาทุกคนที่โยเซฟ คาต้องเจอระหว่างสู้คดีต่างก็นำมาแอบอ้าง “มีองค์กรใหญ่องค์กรหนึ่งบงการอยู่เบื้องหลัง องค์กรที่เต็มไปด้วความสกปรก” โยเซฟ คาเชื่อว่าอย่างนั้นเมื่อเขาถูกสอบสวนในครั้งแรก วันนั้นเขาประณามทุกคนที่ศาล ถึงใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในเช้าวันนั้น แต่ผมจะบอกความจริงไว้อย่างว่ามันอาจไม่ได้มีตัวตนอยู่เลย มันอาจไม่มีหรอกหัวนงหัวหน้านั่นน่ะ! อาจจะไม่มีใครทั้งนั้น คดีลึกลับนี่ก็เหมือนกัน เนื้อแท้มันเป็นแค่เครื่องมือ เป็นแค่วิธีการวิธีหนึ่ง...ในการจัดการกับผลประโยชน์ของคนบางพวก คนพวกที่ดีแต่อ้างเรื่องความมั่นคง อ้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ด้วยความคลั่งในรักอันชวนเชื่อ แต่รู้ไหม เนื้อในของมันเป็นแค่การทำธุรกิจ ผูกขาดความมั่งคั่ง และคนพวกนั้นยินดีทำทุกอย่างเพื่อรักษาสถานภาพนั้นไว้

 

พวกเขากลั่นแกล้งโยเซฟ คาทุกทาง โดยใช้พวกยามหน้าโง่ไปข่มขู่คนรอบตัวเขา เริ่มจากนางสาวบืร์สเนอร์ หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยชอบพอกับเขา แต่ต้องมาทำตัวหลีกห่างก็เพราะคดีความที่เกิดขึ้น พวกนั้นไล่เธอออกจากห้องไปในตอนเช้า และเรียกโยเซฟ คาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเข้าไปหาอย่างไร้มารยาท เช่นเดียวกับป้ากรูบัคเจ้าของห้องเช่าก็ดูจะพูดจากับเขาด้วยความประหม่าหลังจากเช้าวันนั้น มันมีความกลัวบางอย่างเกิดขึ้นทั่วไปหมด กับทุกๆคน แม้แต่ลุงคาร์ล ลุงแท้ๆของเขาที่เชื่อได้ว่าหวังดีอย่างจริงใจ ความจริงแล้วหลังจากโยเซฟ คา หลงกลอุบายของเลนี(หญิงรับใช้ของทนายความฮุลด์)จนเผลอตัวออกไปจากห้องในคืนนั้นแล้ว(คืนที่ลุงคาร์ลพาโยเซฟ คาไปพบเพื่อนทนายความเป็นครั้งแรก) ในระหว่างนั้นเอง พวกเขาที่ประกอบไปด้วยลุงคาร์ล ทนายความฮุลด์และท่านผู้อำนวยการสำนักงานทนายความได้พูดคุยถกเถียงกันถึงเรื่องคดีความของคาอย่างซีเรียส คดีความที่ทนายฮุลด์รู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจชนะความได้ ลุงคาร์ลเองเมื่อได้รับฟังจากปากของท่านผู้อำนวยการฯโดยตรงว่าคดีความที่เกิดขึ้นกับโยเซฟ คานั้นไม่อาจทำให้พ้นผิด...ก็ถึงกับเศร้าซึม ไม่พูดไม่จา จนท่านผู้อำนวยการฯต้องขอตัวกลับเมื่อเห็นว่าลุงของโยเชฟ คาเริ่มร้องไห้ แม้ตัวของท่านจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาวิธีช่วยเหลือไปแล้ว แต่พอรู้อยู่เต็มอกว่าคดีลึกลับนี้ไม่มีทางชนะได้ ต่างคนต่างก็ทำได้แค่เงียบตอบกัน, แล้วความล้าช้าในการเขียนคำร้องยื่นต่อศาลในเวลาต่อมา ก็คือข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่าทนายความคนนั้นไม่ได้มีกะจิตกะใจจะสู้คดีให้เลย กว่าโยเซฟ คาจะรู้ตัว เขาก็สายไปเสียแล้ว เขาน่าจะหนีไปตั้งแต่ตอนนั้น แต่เขาเป็นคนรั้น จะยังไงเขาก็ยังคงเชื่อในความยุติธรรม เชื่อในความถูกต้อง แม้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความยุติธรรมอันจอมปลอม เลนีเองก็พยายามบอกใบ้เขา ตอนที่เธอบอกว่า ”คุณควรจะเลิกดื้อดึง เพราะไม่มีประโยชน์อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศาลของที่นี้” นัยของประโยคก็คือการบอกให้เขารีบหนีไป       

 

ผมเข้าใจดีว่าโยเซฟ คาเองคงนึกถอดใจ เขาคงนั่งอยู่ในห้องและไถ่ถามตัวเองว่าชีวิตมาถึงจุดตกต่ำแบบนั้นได้ยังไง เขารู้ว่าคดีความได้ทำชีวิตของเขาย่อยยับลงแล้ว มันหน่วงทุกอย่างจนวันแต่ละวันผ่านไปอย่างทุเรศทุรัง กระบวนการทางศาลที่สลับซับซ้อน เอื่อยเฉื่อย หนืดหนาดยืดยาดเหมือนพังผืดเหนียวๆที่รั้งเขาเอาไว้ กี่ครั้งแล้วนะ ที่เขาอยากหนีไปให้ไกล กี่ครั้งแล้วนะ ที่เขาอยากจะตาย แต่นั่นเท่ากับเป็นการสารภาพออกมาว่าเขาผิดจริง แต่มีสักกี่คนที่สนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดจริงหรือเปล่า? ทำไมในที่สุด เขาถึงปล่อยให้ถูกจัดการอย่างง่ายดาย ทำไมเขาไม่ขัดขืนมันอีกแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ร้องขอชีวิตตัวเองเอาไว้ ร้องขอความช่วยเหลือกับใครก็ได้สักคน

 

หรือโลกในตอนนั้นไม่เหลือมนุษย์อีกแล้ว ในเมื่อความยุติธรรมมันป่นปี้เป็นผุยผงได้ขนาดนั้น!  

 

ท้ายที่สุด เขาก็แค่อยากให้มันจบๆไปสินะ

 

จบๆกันไปเสียที

 

 

ในอีกหลายปีต่อมา หลังจากโยเซฟ คาตายไปแล้ว ผู้คนก็ยังทำได้เพียงแค่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

 

 

 

 

 

หมายเหตุ. ตัวละครทั้งหมด นอกจากผมกับคุณ ล้วนมาจากนวนิยายเรื่อง The Trial ของ Franz Kafka 

บล็อกของ Chakriz

Chakriz
1พลทหารรู้สึกตัว เขาตื่นขึ้นก่อนเสียงแตรปลุก ในความมืดสลัวของเรือนนอน เขาได้ยินเสียงพลิกตัวของเพื่อนทหารเกณฑ์ เสียงหายใจทั้งแผ่วเบาและหน่วงหนัก เสียงเหล่านั้นคล้ายตัดพ้อบางอย่างในความฝันที่ใกล้จบ
Chakriz
แล้วเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดกับโยเซฟ คา ก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน เรื่องราวของการต้องคดีความโดยไม่มีแม้แต่ข้อกล่าวหา!