Skip to main content
 

"ได้" พ่อของลูกคือลูกของพ่อ ตอบเพียงแค่นั้น  ลูกของพ่อคือหลานของปู่ก็ลิงโลด  
"ได้ขึ้นภูเขาแล้ว ได้ไปภูเขา..."
"ลูกต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะ"  พ่อของลูกคือลูกของพ่อบอกแล้วเงียบคิด
"มีอะไรเหรอ"
"เราไปร่วมงานคุณตานะ  จำได้มั้ย  คุณตาที่ให้ปูแม่น้ำ"
"จำได้ๆ  แต่มันตายหมด เหลือสองตัว คุณพ่อเอาไปปล่อยในสระพืชไร่มอชอ"
\\/--break--\>
ลูกของพ่อคือหลานของปู่จำได้จริงๆ   พ่อของลูกคือลูกของพ่อจำตอนเย็นวันที่
ปล่อยปูลงสระได้ดี  เจ้าปูสองตัวอ่อนแรงเต็มที  ไม่รู้มันจะรอดหรือไม่  ผู้เฒ่าบอกหลานที่หากุ้งปูปลาสดๆจากน้ำแม่ตู   บอกให้เอาไปทำกิน  ปูปลาอร่อยอยู่ที่แม่น้ำ

ปูสองตัวยังไม่ตาย  ลูกของพ่อคือหลานของปู่อาสาจะเลี้ยง  ใส่ถังดำใบใหญ่พร้อมกับให้ข้าววันละสามเวลา  วันทั้งวันเฝ้ามองแต่ปู  วันไหนไปโรงเรียน  พอกลับถึงบ้านต้องวิ่งไปดูถังปูก่อน  ปูสองตัวอยู่ได้ถึงวันที่สาม  มันเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง

"เอามันไปปล่อยเถอะลูก" แม่ของลูกบอก
แม้จะยอมแต่แววตายังอาวรณ์

  

เวลาผ่านไปแค่หนึ่งเดือน  เหลือแต่รูปผู้เฒ่าถ่ายรูปคู่กับเด็กชาย  ไว้ดูต่างหน้า  ให้คิดถึงผู้เฒ่าใจดีให้กุ้งปูปลากลับบ้าน  ทั้งที่เสียงผู้เฒ่าพูดแทบไม่ได้ยิน

"ลุงเป็นอะไร" ตาใสๆถามทันทีที่เดินทางกลับ
"ปู่สิลูก  ลูกต้องเรียกปู่  ปู่ไม่สบาย  แต่ปู่จะหายละ  เดือนหน้าเราจะมากันอีก"

บ้านไม้หลังเดิม  มุมบ้านมุมเดิม  แต่มีโรงไม้วางแทนร่างผู้เฒ่า  นาทีนั้น  ลูกของพ่อคือหลานของปู่ขยับมาเกาะแขนพ่อแน่น  ตามองไปยังโรงไม้ด้วยความแปลกใจ 

"ปู่จากไปแล้วลูก  เข้าไปไหว้ปู่นะ" สิ้นเสียงพ่อ  เขาเดินไปไหว้ใกล้ๆแต่โดยดี  จุดเทียนปักเพิ่มไว้อีกดวง
"ปู่ไปอยู่กับพระเจ้าแล้วใช่มั้ย  ครูบอกว่า เวลาเราตายเราจะขึ้นสวรรค์ไปพบพระเจ้า พระเจ้าอยู่บนสวรรค์ใช่มั้ยพ่อ"
"ใช่ .. ครูของลูกบอกใช่มั้ย "

โรงไม้สอดเข้าคานหาม  ฝ่าต้นไม้เข้าไปในป่าหลังหลังหมู่บ้าน  ลูกของพ่อเดินตามหลังพ่อของลูก  เดินชิดติดตัว  จนถึงนาทีขุดหลุมเริ่มขึ้น  เขาจึงเดินไปเดินมาอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว   เด็กๆในหมู่บ้านต่างหลบไปจับกลุ่มอยู่อีกมุมหนึ่ง  นั่งมองอยู่ไกลๆ

  

พ่อของพ่อคือปู่ของหลาน  นั่งจมอยู่กลางใบหน้าต่างหน้า   มองคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยากหยั่งถึง  ส่วนลูกของพ่อคือหลานของปู่  ก็อยู่อีกภวังค์หนึ่ง  เขาเดินไปบนใบไม้แห้งที่ปูซ้อนหนาราวกับผืนเสื่อ  เดินเข้าไปใกล้ๆร่างผู้เฒ่าที่โรงไม้ปิดมิด

รูปภาพปรากฏ  แทบไม่อยากเชื่อต่อสายตา 
"ลูกนึกถึงอะไร" พ่อของลูกคือลูกของพ่อถาม ขณะนั่งดูรูปด้วยกัน  
"ก็ปู่ไปหาพระเจ้า  เราไปส่งปู่ไปหาพระเจ้าใช่มั้ย  แต่ต้องไปใต้ดินใช่มั้ย"
"ใช่แล้วละ  ปู่กลับสู่ดินแล้ว" พ่อของลูกบอก

พ่อของลูกคือลูกของพ่อ  ชี้มือให้ลูกของพ่อคือหลานของปู่  ดูต้นไม้กำลังออกดอกเหลืองเต็มต้น  แล้วบอกว่า  อีกไม่นาน  ปู่จะกลายเป็นดอกไม้มีกลิ่นหอมในป่าแห่งนี้  กลิ่นของปู่จะโชยไปทุกที่  ไปกับลม

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
เพลงรบต่อเนื่องกันมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย  ยังมีบันไดอีกหลายขั้นทอดไป  และยังมีบันไดขั้นใหม่ๆทอดข้ามไปมา  ข้ามพรมแดนแปลกหน้าหากันและกัน  ไม่ว่าเพลงจะเกิดขึ้นในถ้ำ  เกิดในศูนย์ลี้ภัย  เกิดตามป่า  เกิดในเมือง  เพลงยังมีชีวิตเดินทางไปตามหาคนฟังต่อไปยามเพลงเดินไปตามไร่ข้าว  ห้างไร่  ออกตามหาคนฟัง  ผมไม่นึกว่าภาพนั้นจะกลายเป็นเรื่องราวอื่นไปได้มากกว่านั้น  คนเกี่ยวข้าวหยุดพัก  ตีวงล้อมเข้ามา  นั่งฟังเพลงคนหนุ่มที่ใช้เวลากับการเล่นเพลง  แต่งเพลง  ร้องฟังกันเองในแค้มป์ผู้ลี้ภัย  เหมือนโลกไม่เคยเห็น …
ชนกลุ่มน้อย
ระหว่างรอความหมายเพลงของเหล่อวา  ซึ่งผมเขียนไว้ว่าจะนำมาขึ้นจอ  แต่เพลงของเขาอยู่ระหว่างทางแปลความหมาย  สัปดาห์ต่อไปน่าจะถึงฝั่งน้ำปิง  นอนรอ  นั่งรอ ... บังเอิญนึกถึงเพลงศิลปินเพลงอีกชุดหนึ่ง  รูปปกเทปดอกกุหลาบแดงพ้อต่อฉื่อโพ  -- กุหลาบน้อย   เป็นชื่อบนปกเทปนานมาแล้วผมเคยเขียนถึง  ผ่านคนบอกเล่า  และคนแปลความหมายเนื้อเพลง  ว่ากันว่า  เป็นงานเพลงที่รวบรวมเอาเพลงอมตะสองฟากฝั่งสาละวิน  เลือกเอาคุ้นหูคนตะเข็บชายแดนมาไว้ในที่เดียวกัน  ผ่านเสียงร้องหวานเศร้าจับใจ  ในโทนเนื้อเสียงใกล้เคียง  นอร่าห์ โจนส์ (Norah…
ชนกลุ่มน้อย
ผมพบเขาครั้งแรกในหน้าหนาวเมื่อหลายปีก่อน  หมู่บ้านเล็กๆ  ใจกลางเทือกถนนธงชัย  เขาไม่ค่อยมองสบตาในช่วงแรกๆ  เงียบเหมือนหิน  ยิ้มยาก  เคร่งขรึมอบอวลอยู่ภายใน  ผมนึกว่าคนจากพื้นล่าง  ขึ้นมารอซื้อของป่า  หรือพูดง่ายๆว่าอาจเป็นพ่อค้าซื้อของป่าสักอย่าง  ซึ่งมักปิดปากเงียบ  ไม่อยากให้รายละเอียดใครต่อใคร  ถึงจุดหมายที่มาของตัวเองต่อคนแปลกหน้าด้วยกัน  และของป่าที่จะซื้อก็ใช่ว่ามันจะเถรตรงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย  หรือจะพูดอีกอย่างว่า  ได้มาง่าย  ได้มาถูกๆ  ได้ของมาโดยไม่เหมือนคนอื่น …
ชนกลุ่มน้อย
ขณะผมนั่งเขียนต้นฉบับ พระสงฆ์ในพม่าออกมาเดินบนท้องถนนเป็นวันที่แปด คนออกมาร่วมเดินไปตามถนนด้วยนับแสนคน ถนนกลางกรุงร่างกุ้งเชิญชวนให้คนออกมาเดิน ดูท่าคนจะเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆผมเห็นทิวแถวพระสงฆ์เหมือนแม่น้ำใหญ่สาละวินหน้าฝน พร้อมถั่งโถมใส่สิ่งกีดขวางทุกอย่าง หอบลงอันดามันสายตานักรบมองจ้องนักบวช ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สะท้อนถึงเรื่องใด รัฐบาลเผด็จการทหารจะใช้วิธีสลายผู้ชุมนุมด้วยกระสุนปืนอีกหรือไม่ ล้วนเป็นที่จับตามองจากชาวโลกเย็นนี นักศึกษาพม่ากำลังขมักเขม้นทำเพลง ว่าด้วยโศกนาฏกรรมฆ่าประชาชนกลางกรุงร่างกุ้งเมื่อปี 1988 เกือบยี่สิบปีก่อน เขาเลือกเอาเชียงใหม่เป็นสถานที่ทำเพลง…