Skip to main content

จดหมายฉบับนี้ควรจะส่งถึงผู้อ่านประชาไทและเพื่อนสมาชิกเว็บบอร์ดประชาไท หนึ่งเดือนมาแล้ว
แต่ทว่า..ดิฉันเองก็ตกอยู่ในอาการอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากไปกว่า

 

“ขอโทษ”

 

เว็บบอร์ดในประชาไทเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับเว็บไซต์ประชาไท เริ่มจากการเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในการที่จะให้ผู้อ่านประชาไทได้แลกเปลี่ยน ถกเถียงกันอย่างอิสระ

 

จากกระดานสนทนาเล็ก ๆ ใช้เวลาแรมปีที่เริ่มมีขาประจำ ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีเหลืองมีแดง ทว่าเป็นชุมชนมีทั้งคนที่ชอบ/ไม่ชอบทักษิณ, ชอบพันธมิตร แต่ไม่ชอบข้อเรียกร้องเรื่องมาตรา 7 ซึ่งพื้นที่นี้ก็คุยกันได้เสมอมา ดิฉันเองในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ ก็พยายามที่จะเข้าไปชี้แจง, แลกเปลี่ยนในเรื่องราวที่เป็นจุดยืนต่อการเปิดกว้างให้ทุกเสียง ทุกฝ่าย ได้มีพื้นที่แสดงออก มีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐเป็นกำนัลเสมอมา

 

รัฐประหาร 19 กันยายน 2549...
ในห้วงเวลาที่พื้นที่การสื่อสารเพื่อแสดงออกถึงการต้านรัฐประหารและการยืน ยันในความนิยมชื่นชมอดีตนายกฯทักษิณ ดูจะคับแคบและไร้ที่ทาง เว็บบอร์ดประชาไทซึ่งอหังการ์ประกาศตนเองว่าเชื่อในสิทธิและเสรีภาพในการ แสดงออกความคิดเห็นจึงเติบโตขยายตัวเป็นชุมชนที่กว้างขวางขึ้น จนในที่สุดทีมงานประชาไทตัดสินใจว่าชุมชนแห่งนี้เติบโตเกินกว่าที่จะเป็น เพียงพื้นที่หนึ่งของเว็บไซต์ประชาไท

 

ประชาไทเว็บบอร์ด [http://www.prachataiwebboard.com] จึงเกิดขึ้น มีสถานะเป็นอิสระมีหน้าตา, ที่ทาง, ท่าทีเฉพาะของตนเองตามแต่ที่เพื่อนสมาชิกในเว็บบอร์ดจะสร้างสรรค์ให้เป็น อารมณ์ขัน, ขื่น, ข้น, เข้าใจ และกวนประสาทอย่างเหลือร้ายของนักโพสต์ในประชาไทอย่างที่ไม่มี บรรณาธิการคนใดจะมาบรรณาธิกรณ์

 

คงไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไปถ้าจะบอกว่าประชาไทเว็บบอร์ดผ่านห้วงร้อนฉ่า ในวิกฤติการเมืองและทำหน้าที่เป็นความฉ่ำชื่นใจในยามที่รู้สึกอ่อนแอและแพ้ พ่าย..

 

ในยุคสมัยที่สิทธิและเสรีภาพเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ??? และความน่าตื่นตระหนกตกใจ !!!
คดีความที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากการทำหน้าที่ดูแลเว็บบอร์ดประชาไทยังคงรอการ ต่อสู้พิสูจน์และตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม

 

สถานการณ์การจับกุมผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์เกิดขึ้นอย่างต่อ เนื่องทั้งที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าว

 

เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งสำหรับผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเปิดพื้นที่สื่อสาร หรือผู้ที่ได้แสดงออกถึงความรู้สึก ความคิดเห็น และข้อมูล ที่ยังมีกรอบอันกว้างขวางและพร่าเลือนของข้อกล่าวหา “เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ” ที่สามารถจับกุมคุมขังผู้เห็นต่าง ผ่านเครื่องมือ พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และ มาตรา 112 ในประมวลกฎหมายอาญา

 

ด้วยขีดจำกัดในการที่ปกป้องคุ้มครองตัวเองของประชาไท ที่สำคัญการไม่สามารถที่จะมีหลักประกันความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่เข้าแสดงความ คิดเห็นผ่านพื้นที่เว็บบอร์ดประชาไท การสอดส่อง แกะรอยเพื่อติดตามหาตัวผู้โพสต์เหมือนจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นนัก และโดยไม่จำเป็นต้องมาขอความร่วมมือ/ขอข้อมูลจากประชาไทเลยด้วยซ้ำ

 

สถานการณ์อันล่อแหลม เปราะบาง และดิ่งเหวของสิทธิเสรีภาพในสังคมไทย จึงกลายเป็นความจริงที่ทีมงานประชาไทต้องยอมรับด้วยความรวดร้าวใจ และตัดสินใจปิดเว็บบอร์ดประชาไทลง โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 เป็นต้นไป

 

ในช่วงเวลาที่ยังพอมีให้เราได้สื่อสารกัน..
คาดว่ายังพอมีเวลาสำหรับการบันทึกเนื้อหาในกระทู้ที่น่าสนใจสำหรับแต่ละท่าน
การสื่อสารข้อความระหว่างเพื่อนสมาชิก..สำหรับคนที่ยังผูกพันและอยากติดต่อ สื่อสารกันต่อไป
น่าจะยังพอมีเวลาให้แลกเปลี่ยนกันผ่านกล่องข้อความ

 

และหากไม่โกรธเคืองกันเกินไป ยังอยากพูดคุย สอบถาม ติดต่อสื่อสารกัน อีเมล chiranuch@prachatai.com ยังเปิดรับทุกความคิดเห็นค่ะ

 

นับถือ

 

(เผยแพร่ครั้งแรกใน 'ใต้เท้าขอรับ..ประชาไท)

บล็อกของ จีรนุช เปรมชัยพร

จีรนุช เปรมชัยพร
26 มิถุนายน 2552 เป็นอีกวันที่ต้องตื่นเช้า เพื่อเตรียมพบกับประสบการณ์ใหม่ การรายงานตัวที่สำนักงานอัยการตามนัดหมายการสั่งคดี หลังจากที่เจ้าพนักงานสอบสวน(ตำรวจกองปราบ) ได้นัดหมายส่งสำนวนคดีให้กับอัยการเมื่อวันทีี่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประสบการณ์การรายงานตัวเพื่อรับฟังการสั่งคดี รวดเร็วเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เนื่องด้วยอัยการได้สั่งสอบข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้เลื่อนการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 29 กรกฎาคม แทน (เร็วชนิดที่เพื่อนๆที่จะตามมาเป็นเพื่อนมาให้กำลังใจมากันไม่ทันค่ะ เลยต้องเปลี่ยนเป็นการกินอาหารเช้าร่วมกันแทน) ในฐานะที่ตกเป็นผู้ต้องหา และต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม…
จีรนุช เปรมชัยพร
สวัสดีค่ะ (*_*)ถือฤกษ์รัฐบาลประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงมาทักทายทุกท่าน พร้อมกับยกป้ายคำเตือนตัวโตๆสีดำ      "ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"  ออกไปด้วยแล้ว คงช่วยลดความรำคาญใจของผู้อ่านและเพื่อนสมาชิกเว็บบอร์ดลงไปบ้าง นับย้อนหลังไปเกือบห้าปี..หลายคนคงไม่รู้ว่ากว่าจะมาเป็น 'ประชาไท' ในโลกของสื่อใหม่ (์New Media) กรรมการและทีมงานถกเถียงกันอยู่นานว่าจะตั้งชื่อ 'สื่อใหม่' ที่หวังให้เป็นสื่อทางเลือกว่าอะไรดีจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้ก่อตั้งคนสำคัญนำเสนอชื่อ 'ประชาไท' ขึ้นมา ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของทีมงานส่วนใหญ่ เหตุผลที่ขัดแย้งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกว่า "มันเชย…