Skip to main content

 

สารภาพตรงๆว่าผมยังติดใจกับคำว่าคนเสื้อแดงต้องก้าวข้ามสีเสื้อหรือการก้าวข้ามตัวบุคคล

ไม่ปฏิเสธว่าข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอเพื่อการสร้างแนวร่วมจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับเผด็จการทหารหรืออย่างน้อยก็เพื่อผลักดันทหารให้กลับเข้ากรมกอง

แต่ปัญหาของคำว่า"ก้าวข้าม"ก็ยังมี ถ้าสีแดงเป็นแค่สีเสื้อการจะถอดมันออก โยนมันทิ้ง เดินก้าวข้ามหรือจะเหยียบย่ำอย่างไรมันก็คงไม่ยาก แต่ถ้าสีแดงหมายถึงจิตใจของคนรักประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิเสียงของตนเอง มันจะก้าวข้ามได้อย่างไร? และก้าวข้ามไปสู่อะไร?

เราจะก้าวข้ามคนเสื้อแดงที่ถูกยิงตาย หรือคนเสื้อแดงถูกจำขังอยู่ในเรือนจำได้อย่างไร ?

หากต้องการให้คนเสื้อแดงก้าวข้ามนักการเมือง ก้าวข้ามแกนนำและองค์กรนำที่พวกท่านคิดว่าซูเอี๋ย เกี้ยเซิยะ นำพาการต่อสู้ได้ไม่ถึงอกถึงใจ แล้วจะให้ประชาชนก้าวข้ามสิ่งที่พวกท่านคิดว่าเป็นเศษขยะพวกนี้ไปสู่อะไร? เอาแบบเป็นรูปธรรมนะ ขอร้อง!

ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง องค์กรนำ กับมวลชน มันมีลักษณะของการพึ่งพา พูดแบบเลวร้ายว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน ผมคิดว่าส่วนน้อยมากๆที่จะมองนักการเมืองหรือแกนนำเป็นเทวดา มองแบบเป็นญาติเชื้อนี่อาจจะมี

อย่างหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันก็คือ พวกเขาเป็นพวกสัมฤทธิผลนิยมเหมือนๆกัน

ผมกล้ายืนยันว่าไม่มีใครเข้าใจชาวบ้านได้ดีเท่านักการเมือง นักการเมืองที่ถูกคนชั้นกลางด่าถูกโขกสับอยู่ทุกวันนี้นี่แหละ

ดังนั้นข้อเสนอให้ก้าวข้ามนักการเมือง นปช. และทำแนวร่วมกับคนชั้นกลางสีอื่นๆ จึงเป็นข้อเสนอที่ไม่น่าจะมีผลกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก และไม่สามารถที่จะดึงให้มวลชนส่วนใหญ่ออกมาร่วมต่อสู้ พูดง่ายๆก็คือ มวลชนคงไม่ซื้อไอเดียนี้

ไม่ได้เจตนาขัดคอใคร เพียงแต่ไม่อยากให้วาทกรรม "ก้าวข้าม" ไปลดทอนรายละเอียดและพลังทางการเมืองที่ได้สั่งสมไว้ด้วยชีวิตของคนจำนวนไม่น้อย และอยากให้ระวังว่าอย่าให้วาทกรรมนี้ถูกหยิบฉวยไปใช้อย่างสามานย์โดยกลุ่มคนที่อาจไม่เคยลงทุนหรือสูญเสียอะไรเลย

สุดท้าย ผมอยากให้ลองทบทวนพลวัตรการเมืองการต้านรัฐประหาร 19 กันยา ระหว่างกลุ่ม 19 กันยา ต้านรัฐประหาร และ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ดูเผื่อว่าจะสามารถก้าวข้ามอะไรได้บ้าง
 

 

ปล. ขายของหน่อย ปาฐกถา นิธิ เอียวศรีวงศ์: "คนไทยที่ไม่เคยอยู่กับระบอบประชาธิปไตยเลยคือ ชนชั้นกลาง" 

บล็อกของ gadfly

gadfly
ฟันธง กกต.แค่ปราม หรือให้ลึกกว่านั้นคือรักษาหน้าแสดงอำนาจเหนือชัชชาติแล้วก็จบ 
gadfly
ผมอ่านวรรณกรรมไทยแนวสะท้อนสังคมไม่เยอะนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมันไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม  ในช่วงวัยแห่งการแสวงหา (ใช้คำว่าแสวงหาแล้วอยากจะอ้วก ถ้าไม่มีเงินค่าอยู่กิน เล่าเรียนจากพ่อและแม่ ก็คงไม่มีโอกาสได้แสวงหาหรอก) มีนักเขียนสองคนที่ผมตามอ่า
gadfly
 ประยุทธ์บอกให้ประชาชนเลี้ยงไก่สองตัวเพื่อกินไข่ แต่สงสัยว่าประยุทธ์เคยเลี้ยงไก่รึเปล่า ไก่ใช่ไก่ทุกตัวที่จะออกไข่ได้ ต้องเป็นไก่แม่สาวที่อายุสี่เดือนขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถออกไข่ และจะออกไปได้จนอายุประมาณสองปีหรือกว่านั้นเล็กน้อย 
gadfly
 โจน จันได ปราชญ์ชาวบ้าน ต้นแบบการรณรงค์ใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงสุดฮิป ขวัญใจไอดอลของคนชั้นกลาง คนเมืองกลุ่มใหญ่ ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่ออพยพย้ายรกรากลี้ภัยโควิดไปอยู่ศูนย์กลางประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา พูดถึงโจน จันได ก็ต้องพูดถึงบ้านดิน ที่โจนใช้ในการสร้างชื่อใ
gadfly
 พฤษภา 53 เขตอภัยทาน ได้ถูกนักศาสนา นักสันติวิธีผลักดันให้มีขึ้น 4 จุด คือ วัดปทุมฯ บ้านเซเวียร์ สำนักงานกลาง นร.คริสเตียน แล้วก็ รร.
gadfly
เสาร์อาทิตย์ ตั้งใจจะต่อเติมบ้านส่วนที่ทำค้างไว้ให้แล้วเสร็จ ต้องจ้างช่างชาวบ้านและลูกมือเป็น นร ม ปลายมาทำ เพราะงานปูนทำเองไม่ไหวแล้วช่างไม่มา ส่วนลูกมือไปเฝ้าเบ็ดตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ เสียเวลารอ เสียหัวสองวันเต็มๆ วันหยุดด้วย
gadfly
กรณีหมุดคณะราษฎรที่ผ่านมาผมโพสต์เฟซบุ๊กเล่นๆ แบบฮาๆ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่ามันอาจเป็นปัญหาได้เหมือนกันในเฟซบุ๊ก หลายคนเปรยว่า ที่ผ่านมาหลักฐานวัตถุทางประวัติศาสตร์ในยุคของคณะราษฎรได้ถูกเคลื่อนย้าย ทุบทำลาย หรือลดทอนความหมายคุณค่าทางประวัติศาสตร์ลงไปหลายสิ่งอย่างแล้ว จะฟูมฟายอะไรนักหนา
gadfly
============================ ปากหมาหาเรื่อง บ่นบ้า (อย่าถือสาหาสาระ) ============================