Skip to main content


จดหมายจาก มีนา แสงศรี วัย 39 ปี แม่ค้าขายน้ำพริกแกงย่านอ่อนนุช ถึง นาดา บุตรสาววัย 12 ขวบ

ช่วงเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม 2559 เพียงแค่ข้ามคืนจากวันแม่แห่งชาติ เธอถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบุกเข้าทำการจับกุม และในวันเดียวกันนั้นชื่อและภาพของเธอก็ถูกประโคมว่าเป็นผู้ก่อการวินาศกรรม 7 จังหวัดภาคใต้

ทั้งในสื่อกระแสหลักและในโซเชี่ยลมีเดียช่องทางต่างๆ

ถูกกักขัง รีดเค้น สอบถามในค่ายทหารจนครบโควต้า 7 วัน แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวได้. เธอและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 14 คน จึงได้ถูกนำส่งตำรวจ โดยท้ายสุดมีข้อหาแก้เกี้ยว กันไม่ให้เสียหน้าในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร

หากผู้ที่ติดตามข่าวสะเทือนขวัญเรื่องการก่อวินาศกรรมต่อเนื่องมาถึงการอุ้มประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีทัศนะที่มืดบอดเกินไปก็คงจะเห็นได้ว่า การจับกุมตัวประชาชนจากที่พักจำนวน 17 คน (แต่มีรายงานว่าปล่อยคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 2 คน)  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุไปกักขัง และท้ายสุดได้แจ้งข้อหา อั้งยี่ เป็นคดีอาญาร้ายแรง มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 10 ปีนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย

พวกเขาเป็นเพียงแค่ "แพะ" เครื่องสังเวยของหน่วยงานความมันคงเพื่อรักษาหน้า ปกปิดความหย่อนสมรรถภาพอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถป้องกันการก่อวินาศกรรมสะเทือนขวัญในบ้านเมืองของเรา

แม้ว่าจะมีความพยายามในการขอประกันตัว แต่สุดท้ายในวันนี้ (ศุกร์ที่ 19 สิงหาคม มีนาก็ยังไม่มีโอกาสได้รับอิสรภาพออกไปพบกับลูกสาวคนเดียวของเธอ

ไม่อาจโทษได้ว่าเป็นความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม แต่ทนายความที่เตรียมเงินประกันไปพร้อมไม่สามารถทำเรื่องประกันตัวเธอได้ทันเวลาที่ศาลทหารปิดทำการ 

ทนายความยื่นประกันไม่ทัน เพราะวันนั้นศาลทหารกรุงเทพปิดทำการเวลา 16.30 น. ซึ่งช่างย้อนแย้งว่าศาลทหารขอนแก่นกลับมีคำสั่งรับคำฟ้องจากอัยการและส่งไผ่ ดาวดิน นักศึกษา นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เวลา 20.30 น.

แม่ค้าขายพริกแกงจึงจำต้องทิ้งเวลาวันหยุด เสาร์อาทิตย์ ทิ้งวันคืนที่เธอจะได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับลูกที่รักของเธออีกสองวันไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพ

ในสถานที่คุมขังของทางการที่เลื่องชื่อในด้านความเลวร้าย

เอาใจช่วยเธอ หวังให้เธอผ่านคืนวารอันเลวร้ายไปอย่างรวดเร็ว ขอให้เธอได้รับสิทธิอันน้อยนิดในการประกันตัว และหวังว่าเย็นวันจันทร์เธอจะได้มีโอกาสพบกับลูกสาวที่บ้านของเธอ

 

 

ที่มาภาพ: United Lawyers For Rights & Liberty

 

บล็อกของ gadfly

gadfly
ฟันธง กกต.แค่ปราม หรือให้ลึกกว่านั้นคือรักษาหน้าแสดงอำนาจเหนือชัชชาติแล้วก็จบ 
gadfly
ผมอ่านวรรณกรรมไทยแนวสะท้อนสังคมไม่เยอะนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมันไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม  ในช่วงวัยแห่งการแสวงหา (ใช้คำว่าแสวงหาแล้วอยากจะอ้วก ถ้าไม่มีเงินค่าอยู่กิน เล่าเรียนจากพ่อและแม่ ก็คงไม่มีโอกาสได้แสวงหาหรอก) มีนักเขียนสองคนที่ผมตามอ่า
gadfly
 ประยุทธ์บอกให้ประชาชนเลี้ยงไก่สองตัวเพื่อกินไข่ แต่สงสัยว่าประยุทธ์เคยเลี้ยงไก่รึเปล่า ไก่ใช่ไก่ทุกตัวที่จะออกไข่ได้ ต้องเป็นไก่แม่สาวที่อายุสี่เดือนขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถออกไข่ และจะออกไปได้จนอายุประมาณสองปีหรือกว่านั้นเล็กน้อย 
gadfly
 โจน จันได ปราชญ์ชาวบ้าน ต้นแบบการรณรงค์ใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงสุดฮิป ขวัญใจไอดอลของคนชั้นกลาง คนเมืองกลุ่มใหญ่ ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่ออพยพย้ายรกรากลี้ภัยโควิดไปอยู่ศูนย์กลางประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา พูดถึงโจน จันได ก็ต้องพูดถึงบ้านดิน ที่โจนใช้ในการสร้างชื่อใ
gadfly
 พฤษภา 53 เขตอภัยทาน ได้ถูกนักศาสนา นักสันติวิธีผลักดันให้มีขึ้น 4 จุด คือ วัดปทุมฯ บ้านเซเวียร์ สำนักงานกลาง นร.คริสเตียน แล้วก็ รร.
gadfly
เสาร์อาทิตย์ ตั้งใจจะต่อเติมบ้านส่วนที่ทำค้างไว้ให้แล้วเสร็จ ต้องจ้างช่างชาวบ้านและลูกมือเป็น นร ม ปลายมาทำ เพราะงานปูนทำเองไม่ไหวแล้วช่างไม่มา ส่วนลูกมือไปเฝ้าเบ็ดตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ เสียเวลารอ เสียหัวสองวันเต็มๆ วันหยุดด้วย
gadfly
กรณีหมุดคณะราษฎรที่ผ่านมาผมโพสต์เฟซบุ๊กเล่นๆ แบบฮาๆ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่ามันอาจเป็นปัญหาได้เหมือนกันในเฟซบุ๊ก หลายคนเปรยว่า ที่ผ่านมาหลักฐานวัตถุทางประวัติศาสตร์ในยุคของคณะราษฎรได้ถูกเคลื่อนย้าย ทุบทำลาย หรือลดทอนความหมายคุณค่าทางประวัติศาสตร์ลงไปหลายสิ่งอย่างแล้ว จะฟูมฟายอะไรนักหนา
gadfly
============================ ปากหมาหาเรื่อง บ่นบ้า (อย่าถือสาหาสาระ) ============================