Skip to main content
 สาละวิน,ลูกรัก 


ลูกมักตื่นแต่เช้า เช้าที่เรียกว่าไก่โห่เลยที่เดียว  มีคนเคยพูดไว้ว่า มีเด็กทารก กับคนแก่ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน คือตื่นเช้ามากๆ  แต่จุดประสงค์ของการตื่นเช้าของคนต่างวัยกลับต่างกัน

เด็กทารกนั้น ตื่นเต้นกับโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และหลับมานานในท้องแม่จนกระตือรือร้นที่จะตื่นมาเรียนรู้โลกใบกว้าง  ในขณะที่คนแก่ซึ่งอยู่บนโลกมานานรู้ว่าจะเหลือเวลาอยู่ดูโลกนี้ได้อีกไม่นาน  จึงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการนอน

สัตว์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตอีกอย่างที่ไม่ยอมเสียเวลาไปกับการนอนมากนัก เจ้านกแก้วสองตัวที่ขังไว้ในกรงใต้ถุนบ้าน มักตื่นขึ้นมาปลุกเราแต่เช้า 

เจ้านกแก้วสองตัวที่พ่อของลูกเลี้ยงไว้ตั้งแต่มันหากินไม่เป็น  เพราะมีคนใจบาปไปจับมาจากรังตั้งแต่เป็นตัวอ่อน  พ่อของลูกจึงขอซื้อมาเลี้ยงด้วยความสงสาร หากปล่อยให้เด็กจับมาเล่นก็คงจะตายในไม่ช้า

พ่อของลูกจะต้องป้อนข้าวนกแก้วด้วยปากอย่างที่มันเคยชินเมื่ออยู่กับแม่ของมัน  เมื่อมันโตขึ้น มันก็ชอบกินข้าวสุกมากกว่าผลไม้

แม่พยายามจะสอนให้มันเรียกชื่อของลูกแต่นกแก้วชนิดนี้ ไม่เหมือนนกแก้วพูดได้ที่แม่เคยเลี้ยงไว้ตอนเด็กๆ  ซึ่งแม่ของแม่ก็สอนให้มันเรียกชื่อของแม่ได้สำเร็จ แถมยังฉลาดพูดอย่างอื่นได้อีกหลายคำ

แต่ใช่ว่าเจ้านกแก้วที่พ่อเลี้ยงไว้จะไม่ฉลาดเอาเสียเลย สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันต่างไปจากนกในกรงทั่วไปคือ   เจ้านกแก้วสองตัวสามารถปล่อยให้บินในท้องฟ้าอย่างอิสระได้ และกลับมาที่รังเองเมื่อพ่อผิวปากเรียกเป็นสัญลักษณ์ 

แรกที่มันเริ่มหัดบิน  พ่อของลูกจับเจ้าตัวพี่ซึ่งโตกว่าโยนขึ้นฟ้า มันบินไปอย่างกระปลกกระเปลี้ยเรี่ยดิน  บางครั้งก็บินอย่างเร็วจนแบรกไม่อยู่ไม่สามารถหักหลบสิ่งกรีดขวางได้ มันชนเข้ากับผนังบ้านเข้าอย่างจัง แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีท่าทียอมแพ้

ทุกเช้าพ่อของลูกยังคงนำเจ้านกแก้วสองตัวมาฝึกบิน ต่อมาเมื่อมันแข็งแรงขึ้น มันก็บินคล่องขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพ่อให้สัญญาณ มันก็โฉบลงมาเกาะบนไหล่   สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยความสนใจ

แม่เคยถามพ่อของลูกว่า ถ้ามันบินได้แล้ว วันหนึ่งมันบินเข้าป่าหายลับไป ไม่กลับมาหาพ่ออีก  พ่อไม่เสียดายนกแก้วที่เลี้ยงมากับมือหรือ

พ่อของลูกบอกกับแม่ว่า หากเป็นอย่างนั้นได้พ่อจะดีใจเป็นที่สุด เพราะชีวิตของพ่อก็ไม่ต่างอะไรกับนกในกรง ที่ไปไหนไม่ได้ แม้ว่าจะมีรังให้นอนอุ่นมีข้าวให้กินอิ่ม

แต่ความฝันที่อยากมีอิสระเสรีโผบินไปในท้องฟ้า ข้ามเขตแดนที่ชื่อว่าแม่ฮ่องสอนสักครั้ง   เพื่อจะได้เห็นโลกใบกว้างกว่ากรง คงจะเป็นเพียงความฝัน พ่อจึงไม่อยากกักขังนกที่มีชีวิตและความต้องการมากไปกว่าอาหาร และที่อยู่อาศัยเท่านั้น

สาละวินลูกรัก แม่เองเคยเป็นนกอิสระที่โผบินไปยังท้องฟ้า เมื่อมาเจอพ่อที่เสมือนเป็นนกในกรงทอง ทำให้แม่สงสารและอดน้อยใจในชะตาชีวิตแทนพ่อไม่ได้ 

พ่อเคยบอกว่า พ่อเป็นคนต่างด้าว แม้ว่าจะมีบัตรที่ทางการออกให้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าบัตรชุมชนบนพื้นที่สูง แต่พ่อกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบนพื้นที่ต่างดาว คนต่างดาวที่มาแอบอิงอาศัยดาวดวงนี้อยู่ ต้องอยู่อย่างเหนียมอายไม่สามารถไปปรากฏตัวให้ใครได้เห็น นอกเสียจากว่าผู้คนในเมืองพอใจที่จะมาดูมนุษย์ต่างดาวที่แปลกประหลาด  จึงจะได้พบปะผู้คนที่มายืนดูที่หัวกระไดบ้านด้วยความอัศจรรย์ใจ

พ่อและแม่ต่างก็เติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างริบลับ ถ้าจะเรียกว่าเกิดกันคนละดวงดาวเลยก็ว่าได้

ลูกที่เกิดท่ามกลางสองวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างแม่และพ่อก็ย่อมมีความพิเศษในการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า ซึ่งแม่ไม่สามารถออกแบบให้กับลูกได้ทั้งหมดว่าลูกต้องคิดยังไง ดำเนินชีวิตแบบไหนจึงจะเหมาะสม

ลูกที่เกิดขึ้นมาจากดวงดาวอื่น ที่ไม่ใช่ดวงดาวของพ่อหรือดวงดาวของแม่เสียทีเดียวนี้ จึงต้องทำความเข้าใจในชาติกำเนิด ความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งลูกอาจจะภาคภูมิใจ หรือน้อยเนื้อต่ำใจนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกจะให้คุณค่าต่อชาติกำเนิดตัวเองอย่างไร

พ่อกับแม่ก็ทำได้แต่เพียงเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ หัดให้ลูกบินอย่างคล่องแคล่ว เพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับการผจญภัยในโลกใบกว้าง ซึ่งลูกจะได้พบเจอทั้งสิ่งที่ทำให้ลูกพอใจ มีความสุข และสิ่งที่ทำให้ลูกโศกเศร้า เสียใจ จนถึงสิ้นหวัง

เพราะบนดาวดวงนี้มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ลูกต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการเรียนรู้มัน  แม่หวังเพียงว่าลูกจะได้รับภูมิคุ้มกันจากสิ่งชั่วร้าย ไม่ให้ลูกคิดผิด ทำผิด จากบันทึกเล็กๆ เล่มนี้ของแม่ 

แม้ในอนาคตยังมาไม่ถึงและไม่รู้ว่าสาละวิน จะมีความรู้สึกนึกคิดเช่นไร บนโลกอันสับสนใบนี้ แต่ขอให้ลูกรับรู้ไว้ว่าสิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความรักของแม่ที่มีต่อลูก   จะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป เสมือนกรงที่อบอุ่นปลอดภัยรอคอยลูกกลับมาผ่อนพัก  เมื่อลูกเหนื่อยล้าจากการโผบินบนท้องฟ้าที่แสนไกล

รักลูก
แม่

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
  สาละวิน,ลูกรัก เมื่อครั้งที่แม่มาจังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรกนั้น แม่อายุได้ 18 ปี เชียงใหม่ในความรู้สึกของแม่มันช่างกว้างใหญ่สวยงาม  แม่เป็นเพียงเด็กบ้านนอกจนๆ ที่มีเพียงเงินค่ารถติดตัวไม่กี่บาท ที่เหลือก็เป็นค่าลงทะเบียนสอบเอ็นทรานซ์ แม่มองเห็นพระธาตุดอยสุเทพจากวิวนอกเมืองยามรถแล่นผ่าน  แม่อธิษฐานในใจว่า หากมีบุญที่จะได้มาอยู่เชียงใหม่  ก็จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุฯ ให้ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก แม่ได้เล่าถึงพิธีกรรมในการเรียกขวัญลูกในบทบันทึกที่ผ่านมา แม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของแม่เช่นกัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก พ่อกับแม่ต่างเกิดขึ้นมาในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างริบลับ แม่นั้นแม้จะเกิดที่ภาคอีสานของประเทศ แต่ก็ซึมซับวัฒนธรรมอีสานได้เพียงน้อยนิด ก็ต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตที่ภาคเหนือจนกระทั่งเมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะตัดขาดกับฐานวัฒนธรรมของตัวเอง เพราะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่สังคมชั้นกลางเป็นกระแสหลักอยู่รายล้อม
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เช้าวันที่สองของการไปคลอด ในมือของแม่ยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ทุกคนในห้องหลังคลอดต่างมีห่อของขวัญอยู่ในมือกันคนละห่อ พ่อของลูกเทียวไปมาระหว่างห้องหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องรอคลอด กับห้องพักเด็กอ่อน ที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งช่วงตึก ที่นั่นมีห่อของขวัญของแม่นอนอยู่ในตู้อบเล็กๆ ขนาดเท่ากับตัวลูก
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ในเช้าที่แม่ต้องเดินทางไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในเมือง เป็นเช้าสุดท้ายที่แม่ได้นอนตื่นสายเช่นที่แม่เคยเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากมีสาละวินแล้ว แม่ก็ไม่ได้ตื่นสายอีกเลย มันเป็นเช้าปกติที่แม่ตื่นขึ้นมาพบว่าอุ้มท้องลูกได้เก้าเดือนแล้ว และวันนี้หมอนัดให้แม่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล
เจนจิรา สุ
 สาละวิน,ลูกรัก  ลูกมักตื่นแต่เช้า เช้าที่เรียกว่าไก่โห่เลยที่เดียว  มีคนเคยพูดไว้ว่า มีเด็กทารก กับคนแก่ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน คือตื่นเช้ามากๆ  แต่จุดประสงค์ของการตื่นเช้าของคนต่างวัยกลับต่างกัน เด็กทารกนั้น ตื่นเต้นกับโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และหลับมานานในท้องแม่จนกระตือรือร้นที่จะตื่นมาเรียนรู้โลกใบกว้าง  ในขณะที่คนแก่ซึ่งอยู่บนโลกมานานรู้ว่าจะเหลือเวลาอยู่ดูโลกนี้ได้อีกไม่นาน  จึงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการนอน
เจนจิรา สุ
แม่มองย้อนกลับไปในวัยเด็ก อุปนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ที่เคยแสดงออกทางกายภาพนั้นมันยังคงซ่อนอยู่ในจิตใจและแสดงออกมาในรูปแบบอื่นเมื่อเราโตขึ้น เช่น เมื่อก่อนที่แม่จะมีลูก แม่เป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่ง เมื่อเมาจนได้ที่ ความก้าวร้าวรุนแรงก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ จนบางครั้งเพื่อนฝูงต่างก็เอือมระอา 
คนที่ขาดพื้นฐานความรักความอบอุ่นจากครอบครัวเช่นแม่นั้น ย่อมมีผลต่อพฤติกรรมจากเด็กจนถึงผู้ใหญ่และอาจติดตัวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ หากแม่ไม่มองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นและไล่เรียงสิ่งผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะหากแม่มัวแต่โทษว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดต่างๆ…
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ในวันที่แม่เริ่มจับปากกาเขียนถึงลูก สาละวินอายุได้หนึ่งเดือนกับสิบแปดวัน แม่นั่งอยู่ข้างๆ เบาะเล็กๆสีชมพู ซึ่งลูกอาจจะแปลกใจที่แม่เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้เป็นสีชมพูนั้น แม่ยอมรับว่าในใจตอนแรกของแม่ก็หวังจะให้ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง
เจนจิรา สุ
นักท่องเที่ยวต่างชาติยอมจ่ายค่าตั๋วอย่างต่ำหนึ่งร้อยถึงสองร้อยห้าสิบบาทเป็นค่าเข้าชม วิถีชีวิตที่จำลองขึ้นของชาวกระยันที่ถูกเรียกขานเสียใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวว่า "กะเหรี่ยงคอยาว" และนับเป็นความสำเร็จของกลุ่มนายทุนและการโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทำให้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเข้ามาชมกระเหรี่ยงคอยาว จนเป็นที่รับรู้กันว่าหากจะมาดูชนเผ่าที่มหัศจรรย์ที่สุดต้องมาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งนี้
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ลูกลืมตาดูโลกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2550 ในตอนค่ำเวลา 19.21 น. ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำเดือน 4 ปีกุน แม่ให้ชื่อลูกไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดว่า "สาละวิน" ชึ่งหมายถึงชื่อของแม่น้ำพรมแดนกั้นระหว่างไทยกับพม่า สาละวินของแม่ถือกำเนิดมาจากแม่ซึ่งเป็นคนไทยและพ่อที่อพยพมาจากพม่า ชื่อของลูกที่เปรียบเทียบได้กับแม่น้ำพรมแดนเชื่อมสายสัมพันธ์ให้เราสองคนอยู่เคียงข้างกันตลอดไปดังเช่นไทยและพม่า
เจนจิรา สุ
มะโนตัดสินใจอยู่นานกว่าสองวันหลังจากที่หญิงกระยันร่างกายผอมบางอายุ 52 ปี สะดุดล้มในห้องน้ำจนทำให้ให้เกิดอาการบวมที่ท้องด้านขวา เมื่อทนการรบเร้าจากคนรอบข้างไม่ไหวให้ไปหาหมอ เธอจึงเปิดหีบใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของเงินทองที่มีอยู่รวมไปถึงเอกสารประจำตัวต่างๆ เพื่อค้นใบเล็กๆ สีเขียว มันเป็นบัตรเข้ารับการบริการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ
เจนจิรา สุ
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินึกถึงเมื่อเดินทางมาเยือนภาคเหนือของไทยแม้หนทางที่มุ่งสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจากจังหวัดเชียงใหม่   จะคดโค้งลาดชันน่าหวาดเสียวจนขึ้นชื่อว่า   หากใครเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอนจะเป็นดั่งผู้พิชิตจำนวนโค้งมากที่สุดถึง 1,864 โค้งเลยทีเดียว