Skip to main content

แม่มองย้อนกลับไปในวัยเด็ก อุปนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ที่เคยแสดงออกทางกายภาพนั้นมันยังคงซ่อนอยู่ในจิตใจและแสดงออกมาในรูปแบบอื่นเมื่อเราโตขึ้น เช่น เมื่อก่อนที่แม่จะมีลูก แม่เป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่ง เมื่อเมาจนได้ที่ ความก้าวร้าวรุนแรงก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ จนบางครั้งเพื่อนฝูงต่างก็เอือมระอา


คนที่ขาดพื้นฐานความรักความอบอุ่นจากครอบครัวเช่นแม่นั้น ย่อมมีผลต่อพฤติกรรมจากเด็กจนถึงผู้ใหญ่และอาจติดตัวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ หากแม่ไม่มองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นและไล่เรียงสิ่งผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะหากแม่มัวแต่โทษว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดต่างๆ นั้นเป็นเพราะพื้นฐานครอบครัวเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้โทษตัวเองเลย แม่ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้เลย


เมื่อแม่มีลูกอันเป็นที่รัก แม้จะถือกำเนิดในช่วงเวลาที่ไม่มีความพร้อมเสียทุกด้าน แต่แม่กับพ่อก็มีความรักในกันและกันมากพอที่ร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตของชีวิตต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ความทรงจำ ความเจ็บปวดที่แม่ได้รับในวัยเด็กจะเป็นอุทาหรณ์ให้แม่ระมัดระวังในการใช้ชีวิตคู่ การเลี้ยงดูลูกให้ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ในครอบครัวที่มีความอบอุ่นมั่นคง

แม้ว่าในช่วงที่คลอดลูกออกมาจนถึงวันนี้ แม่เป็นหนี้ผู้คนมากมายที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เป็นทั้งหนี้น้ำใจ และหนี้ที่คิดได้เป็นตัวเงิน ในช่วงนั้นพ่อกับแม่ไม่มีรายได้เลย

ก่อนหน้านั้นในขณะที่แม่ตั้งท้องลูกได้ประมาณหกเจ็ดเดือน แม่ยังพอมีรายได้จากการไปขายของที่ “ถนนคนเดิน” ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอยู่บ้าง แต่พอแม่ท้องแก่จนใกล้คลอดมากขึ้นแม่กับพ่อก็ตัดสินใจกลับมาพักที่บ้านอย่างเดิมเพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง

แม้ว่ารายได้ที่ได้จากการไปขายของที่ถนนคนเดินจะมากพอดู แต่มันก็หมดไปกับการวางรากฐานโครงสร้างบ้านใหม่ บนที่ดินจำนวนสามงานไม่ห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก แม่คิดว่าในไม่ช้าไม่นานครอบครัวของเราคงต้องขยับขยายไปอยู่ที่นั่น เพราะเป็นที่ดินของเราจริงๆ ไม่ต้องอาศัยพึ่งใบบุญจากที่ดินของคนอื่นอยู่อย่างนี้

เมื่อกลับมาอยู่บ้าน แม่ก็เหมือนงอมืองอเท้าอยู่กับบ้าน ยิ่งเมื่อลูกคลอดออกมาแม่ก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือดูแลลูก ส่วนพ่อนั้นก็ยังต้องไปเรียน กศน.ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่แม่ขอร้องแกมบังคับให้พ่อเห็นความสำคัญของการศึกษาต่อ เพราะวุฒิการศึกษาแค่ชั้นป.6 ในขณะนี้ของพ่อ ถ้าจะให้หางานทำก็คงไม่พ้นเป็นกรรมกรแบกหามอยู่กลางแดดเท่านั้น

พ่อของลูกเคยเปรยกับแม่ว่า ถ้าถึงที่สุดแล้วพ่อก็ยอมที่จะไปทำงานเป็นกรรมกรแบกปูนเหมือนชายหนุ่มหลายๆ คนในหมู่ที่ออกไปขายแรงงานกัน แม้ว่าชีวิตของพ่อจะไม่เคยทำงานหนักมาก่อน เพราะมีย่าคอยเลี้ยงดู เนื่องจากว่าพ่อมีครอบครัวของตัวเองเร็วเกินไป (ในขณะที่อายุเพียง 21 ปี) ซึ่งหากจะโทษก็คงต้องโทษบุพเพสันนิวาส แต่การมีครอบครัวเร็วก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อเขาจะไม่มีวิญญาณของการเป็นพ่อนะลูก

แม่เชื่อว่า เมื่อถึงเวลาที่วิกฤติจริงๆ แม่ด้วยซ้ำที่จะต้องพึ่งพาพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว แม้ว่าพ่อจะจบแค่ชั้นป.6 เทียบไม่ได้กับแม่ที่จบถึงปริญญาตรี ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิก็มีมากกว่าพ่อหลายเท่าตัว แต่แม่ก็ทำได้เพียงเป็นแม่ที่ดีเท่านั้น

แม่คิดว่าหากเป็นไปได้ แม่จะยืดเวลาในการให้นมลูกด้วยน้ำนมแม่ให้ได้อย่างน้อยสักหกเดือนก่อนที่จะหย่านมลูก เมื่อถึงตอนนั้นแม่จะต้องขวนขวายหางานทำ เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวของเรา

เขียนถึงตรงนี้ลูกอาจแปลกใจว่า เมื่อพ่อกับแม่ไม่มีรายได้เลยแล้วแล้วเอาอะไรกิน แม่ขอบันทึกอย่างสัตย์ซื่อเลยว่าแม่กับพ่อยังทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ ที่ให้ย่าคอยดูแล

ย่าของลูกนั้นมีรายได้ที่เป็นเงินเดือนแต่ละเดือนซึ่งผู้หญิงชาวกระยันทุกคนที่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจะได้รับเป็นค่าตอบแทนเพื่อแลกกับการเป็นหุ่นโชว์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในหมู่บ้าน หากใครไม่อยู่ในหมู่บ้านนานๆ หรือถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนนี้ เพราะห่วงทองเหลืองที่คอนี่แหละที่เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเสียเงินเป็นค่าบัตรผ่านเข้ามาดู 

นอกจากเงินเดือนแล้วย่ายังมีรายได้จากการขายของที่ระลึกและโปสการ์ดรูปถ่ายของตัวเองอีกเล็กน้อย แม้จะเป็นรายได้เพียงน้อยนิดเทียบไม่ได้กับรายได้ที่แม่ได้รับเมื่อครั้งที่ยังทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ แต่รายได้ของย่าก็สามารถจุนเจือครอบครัวที่ประกอบไปด้วย ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายสามคน และลูกสะใภ้ (คือแม่) อีกคน เป็นการเพิ่มภาระในขณะที่รายได้เท่าเดิม

แม่คิดเสมอว่าเมื่อถึงเวลาที่แม่พอจะขยับขยายทำงานมีรายได้บ้างแล้ว แม่ก็จะชดใช้คืนให้กับย่าแม้ย่าจะไม่รับเป็นตัวเงิน แม่กับพ่อก็จะทำนุบำรุงย่าให้ดีที่สุด ดังที่ย่าได้ทำนุบำรุงครอบครัวเราในยามนี้

แม่จะพยายามหางานที่ไม่ห่างไกลจากลูกมากนัก ในวันที่ลูกยังต้องการอ้อมกอดของแม่ เพื่อที่แม่จะมีให้ลูกเสมอ แต่หากวันใดที่ลูกเติบโตขึ้น มีเพื่อนมีคนรักที่พร้อมจะมอบอ้อมกอดให้กับลูก แม่ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นสาละวินยังต้องการอ้อมกอดของแม่เหมือนเดิมหรือเปล่า

รักลูก
แม่

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ