Skip to main content

พวกข้าพเจ้า เสียงจากคุก มีข้อคิดเห็นที่จะเสนอให้ อ.ธิดา และแกนนำ นปช.รวมทั้งคนเสื้อแดงทั้งหลายพิจารณาด้วยความรัก ความศรัทธา และชื่นชมต่ออุดมการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยร่วมกัน จึงมุ่งหวังในชัยชนะเพื่อการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของชาติไทย และรุ่งอรุณแห่งอิสรภาพที่ข้าพเจ้ารอคอย 

ข้อคิดเห็นก็คือ จากการต่อสู้ที่ผ่านมา 7 ปี เราต่างมีบทเรียนลองถูกลองผิดมากมาย เพลี่ยงพล้ำก็หลายครั้ง แต่ไม่พ่ายแพ้ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่สถานการณ์ปฏิรูป เช่นยุค 6 ตุลาคม 2519 แต่เป็นสถานการณ์ปฏิวัติ ความรู้สึกนึกคิดของคนเสื้อแดงจำนวนมากได้พัฒนาเป็นมวลชนปฏิบัติไปแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะถูกปราบปราม ถูกจับ ถูกฆ่า ก็ไม่เลิกการต่อสู้ ทุกท่านย่อมเข้าใจดีอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อถึงเวลานี้ นปช.และคนเสื้อแดงทั้งหลายจะต้องมีการปรับขบวนใหม่ กำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขอเสนอต่อ อ.ธิดาและนปช.ว่า ควรเปลี่ยนจากการเดินด้วย 2 ขา เป็น 2 แนวทางต่างคนต่างเดิน ไม่ใช่ตัวเดียว 2 ขา  หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นรถลาก นปช.เป็นรกพ่วงอย่างปัจจุบัน แต่ต้องเป็นรถคนละคัน ไม่ใช่รถลากหยุด รถพ่วงก็หยุดตาม เพราะพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์เพียงได้เป็นรัฐบาล แต่ปัญหาของประเทศไทยเลยไปกว่านี้ พรรคเพื่อไทยจึงไม่อาจก้าวไปสู่จดหมายปลายทางได้ ต้องอาศัยคนเสื้อแดงที่เดินแนวทางนอกสภาฯ ซึ่งไม่มีขีดจำกัดในการเคลื่อนไหวต่อสู้

นปช.และคนเสื้อแดงจึงต้องสร้างรถอีกคันที่จะวิ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง พรรคเพื่อไทยเดินทางสภาฯ  นปช.และคนเสื้อแดงเดินแนวทางนอกสภาฯ แยกกันเดินรวมกันตี แต่แกนนำ นปช.และคนเสื้อแดงต้องแยกบทบาทให้ชัดเจนว่า จะเดินแนวทางไหน ไม่ใช่คนเดียวเดิน 2 แนวทาง หรือคนเดียวนั่งรถ 2 คัน ถ้าคนไหนมีตำแหน่งทางการเมือง ก็เดินแนวทางสภาฯ ถอยออกไปจาก นปช. และองค์กรคนเสื้อแดงที่เดินแนวทางนอกสภาฯ ตัดเงื่อนไขที่จะถูกโจมตี ตอกลิ่ม จนเกิดความแตกแยก 

พวกเราต้องรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของกลุ่มอำนาจเก่าที่พยายามตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกระหว่างแกนนำ นปช.กับมวลชนคนเสื้อแดง ใช้วิธีการที่พวกเขาทำสำเร็จมาแล้วกับ พคท.  นั่นคือ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมปล่อยผู้นำระดับสูงของ พคท.ที่ถูกจับกุมตัวทั้งหมด แต่ไม่ปล่อยพวกระดับปลายแถว ผลก็คือ มวลชนและสหายทั่วทั้งพรรคของ พคท.หมดความศรัทธาต่อผู้นำ พคท.จึงล่มสลาย 

เวลานี้พวกเขาก็กำลังใช้กับคนเสื้อแดงนั่นคือ ปล่อยแกนนำทั้งหมด แต่ขังพวกเสื้อแดงระดับรากหญ้าเอาไว้เพื่อให้คนเสื้อแดงเกิดความรู้สึกว่า พวกแกนนำรักตัวกลัวตาย เอาตัวรอดทอดทิ้งมวลชน ถ้าเป็นอย่างนั้น ขบวนการคนเสื้อแดงก็จะล่มสลายอย่าง พคท. แผนปล่อยแม่ทัพแต่ยังพลทหารเอาไว้ เป็นเล่ห์กลที่ฉลาดล้ำลึก

เมื่อ นปช.และคนเสื้อแดงเดินแนวทางนอกสภาฯ แยกออกจากรัฐบาลและสภาฯ อย่างชัดเจนแล้ว ก็ควรกำหนดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ปัจจุบัน โจมตีกล่องดวงใจของกลุ่มอำนาจเก่า ที่ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติไม่กล้าแตะต้องนั่นคือ “ระบอบตุลาการภิวัตน์” โดยการจัดชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ชุดคำขวัญ ไม่ยุติธรรมไม่เลิก ไม่ยุติสองมาตรฐานไม่เลิก ไม่ยุติความยุติธรรมลำเอียงไม่เลิก ไม่ยุติธรรมอย่างเท่าเทียมไม่เลิก ไม่ยุติธรรมอย่างเสมอภาคไม่เลิก เมื่อขังคนเสื้อแดง ต้องขังคนเสื้อเหลืองอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม

อย่าปล่อยให้ระบอบตุลาการภิวัตน์ลอยนวล

ขอให้อ.ธิดา แกนนำ นปช.และคนเสื้อแดงทั้งหลายโปรดพิจารณาด้วย 

 

ของแสดงความคารวะ

เสียงจากคุก

14 ตุลาคม 2555  

 

บล็อกของ นายหัว ส. และมิตรสหาย

นายหัว ส. และมิตรสหาย
  โดย ... นายหัว ส. ชื่อบทความเดิม: สถานการณ์ประเทศไทย ...ยุทธศาสตร์ยังไม่เปลี่ยน การปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีเท่านั้น
นายหัว ส. และมิตรสหาย
มีคำกล่าวที่ว่า “คุกเจริญสังคมเสื่อม คุกเสื่อมสังคมเจริญ” เป็นดัชนีชี้วัดสังคมไทยปัจจุบันอย่างหนึ่ง เพราะเวลานี้คุกของประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองมาก มีผู้ต้องขัง 240,000 คน ล้นทุกคุก ทั้งๆ ที่เพิ่งมีการพระราชทานอภัยทาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ที่เพิ่งผ่านมา 3 เดือนเท่านั้น