Skip to main content

 

โดย ... นายหัว ส.

ชื่อบทความเดิม: สถานการณ์ประเทศไทย ...ยุทธศาสตร์ยังไม่เปลี่ยน การปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีเท่านั้น

การนำเสนอเช่นนี้มิใช่ว่าไม่อยากให้ความสงบสันติเกิดขึ้น แต่เพราะมองเห็นว่ายังเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเสนอบทวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลให้ทุกฝ่ายพิจารณาหาทางทำให้ความเป็นจริงเกิดขึ้น

ก่อนอื่นต้องศึกษาให้เข้าใจว่าต้นตอของวิกฤตความขัดแย้งเกิดจากอะไร ไม่ใช่สนธิกับทักษิณ หรือเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง หรือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย แต่เป็นความขัดแย้งของกลุ่มชนชั้นบนสุดของประเทศไทยระหว่างกลุ่มชนชั้นบนเก่าหรือกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม กับกลุ่มชนชั้นบนใหม่หรือกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ เป็นความขัดแย้งหลัก และกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมเป็นด้านหลักของความขัดแย้ง ดังนั้น การจะยุติหรือดับวิกฤตความขัดแย้งก็จะต้องเริ่มจากกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม แต่ปัจจุบันนี้ยังมองไม่เห็น

อย่าลืมว่าในระยะ 6 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดและแผนการทุกชนิดในการโค่นล้มกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ ทั้งมวลชนเสื้อเหลือง กองทัพ พรรคการเมืองและตุลาการภิวัตน์ ทั้งชุมนุมขับไล่ ก่อรัฐประหาร ใช้ตุลาการยุบพรรค กระทั่งกวาดล้าง จับกุม เข่นฆ่า แต่ไม่อาจทำลายกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ให้ล่มสลายได้ กลับยิ่งทำให้กลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เพราะทนไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์จึงกลายเป็นแนวร่วมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการถูกกดดัน ก่อเกิดเป็นทฤษฎีการปฏิวัติประชาธิปไตยทุนนิยมเสรี คือผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ร่วมมือกันต่อสู้กับกลุ่มเผด็จการทุนเก่าอนุรักษ์นิยม

หลังจากสัปปยุทธ์กันมา 6 ปี กลุ่มทุนก่าอนุรักษ์นิยมก็หมดอาวุธที่จะฟาดฟันเพราะงัดออกมาใช้จนหมดสิ้นแล้ว แผนการต่างๆ ก็ถูกนำมาใช้จนสิ้นจากคลังสอง ที่สำคัญยิ่งนานวันก็ยิ่งเสื่อม มวลชนยิ่งหดหาย ไม้เท้าที่ใช้เคาะกะโหลกก็ไม่ขลัง นักวิชาการตาสว่าง ทหารก็ตาสว่างมากขึ้น การจะใช้ทหารยึดอำนาจอีกก็ทำไม่ได้ การจะยุบพรรคก็ทำไม่ได้ จะเคลื่อนไหวมวลชนยึดทำเนียบ ยึดสนามบินให้ยุบสภาฯ ก็ทำไม่ได้ และยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ก็ไม่ชนะ จึงอยู่ในสภาพหมดอาวุธ หมดปัญญา

เวลานี้ที่ทำได้ก็คือ สนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์กับมวลชนกลุ่มเสื้อหลากสี กับกลุ่มสยามสารพัดเคลื่อนไหว ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ หลังฟลุ้ค เผื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเปิดทางให้ต่อย

เวลานี้กลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมไม่ได้วางเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวหลัก เพราะเขามองออกแล้วว่าเวลานี้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ยกระดับ ถึงขั้นไม่มีคนชื่อทักษิณก็ไม่หยุดการต่อสู้ การเคลื่อนไหว “ตาสว่าง” และ “ครก.112” เป็นสิ่งบ่งบอก

ดังนั้น เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม เวลานี้คือทำลายกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เพราะถ้าทำสำเร็จ พรรคเพื่อไทยและกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ ก็จะหมดสภาพไปเอง จนต้องยอมสยบเหมือนคนเดือนตุลา และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยหลายคนยอมจำนน แลบลิ้นเลียเท้าอยู่ในขณะนี้

แต่การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาไม่อาจเอยออกมาได้พวกเขาจึงต้องชูทักษิณเป็นตัวล่อ เช่น คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ประกาศว่า เพราะจะแก้ไขเพื่อทักษิณ เพราะจะโฆษณาว่า คัดค้านเพราะจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยย่อมไม่ได้ แต่เป้าหมายก็คือเรื่องนี้

การชูทักษิณเป็นตัวล่อเพื่อต่อต้านประชาธิปไตย ยังเป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม เช่นเดียวกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ก็ต้องต่อสู้เพื่อปฏิวัติเปลี่ยนโครงสร้างสังคมไทยอย่างไม่อาจหยุดนิ่งและยอมจำนน ต่างฝ่ายต่างก็มียุทธศาสตร์ของตนที่ไม่ยอมแก่กัน อย่างนี้แล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความปรองดองจึงเป็นเพียงยุทธวิธีเพื่อพักรบเตรียมกำลังเท่านั้นเอง

เพราะถ้าการปรองดองเป็นยุทธศาสตร์ ฝ่ายกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงสั่งให้กลุ่มมวลชนจัดตั้งต่างๆ และพรรคประชาธิปัตย์ หยุดเคลื่อนไหวก่อกวนนอกสภาฯ ดึงการเมืองเข้าสู่ระบบ เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญทำขบวนการยุติธรรมให้มีความยุติธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรเคารพก็อยู่ในสถานะที่ควรเคารพ ความสงบและสันติก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
 

หมายเหตุประชาไท: พื้นที่นี้อุทิศแด่ผู้ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียง เพราะเสียงของเขาถูกขังอยู่ภายใต้ลูกกรง ด้วยความผิดเกี่ยวกับความคิด/การกระทำทางการเมือง ท่ามกลางสภาวะทุกข์ยากอันเงียบงัน แม้แต่ปากกาดีๆ สักด้ามเพื่อเขียนจดหมายยังเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่นั่นแหละ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตต้องการส่งเสียง สื่อสารความคิดของตนเองเสมอ และเขาก็หาทางส่งเสียงออกมาจนได้ (และหวังว่าจะยังส่งมาได้เรื่อยๆ)

บล็อกของ นายหัว ส. และมิตรสหาย

นายหัว ส. และมิตรสหาย
นายหัว ส. และมิตรสหาย
นายหัว ส. และมิตรสหาย
 ติดตามการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าร่วมเปิดประชุมแล้ว มีความเห็นว่า ผู้ที่เสนอความคิดเห็นตรงกับปัญหาที่สุดคือ คุณครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นอกนั้นล้วนแต่ “ขี่ม้าเลียบค่าย”
นายหัว ส. และมิตรสหาย
การประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นเรื่องเข้าใจว่า เพราะตกอยู่ในสภาพจำยอมจากความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้สังคมไทยหยุดนิ่ง หรือก้าวถอยหลัง ตามอุดมการณ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ดังคำประกาศของกลุ่ม “พิทักษ์สยาม” ที่จะแช่แข็งประเทศไทย
นายหัว ส. และมิตรสหาย
 การที่แกนนำ นปช. อย่าง ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และพรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับ พรบ. นิรโทษกรรมว่าไม่คลุมถึงผู้ที่ถูกคดี ม.112 นั้นระวังจะหลงกลเดินไปตามแผนของพรรคประชาธิปัตย์
นายหัว ส. และมิตรสหาย
หมายเหตุ: เรื่องสั้นจากแดนตารางชิ้นนี้ based on true story เป็นคดีประหลาดของชายคนหนึ่งที่ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความในคดีร้ายแรงแห่งรัฐ เรื่องสั้นพูดถึงขั้นตอนหนึ่งก่อนที่คดีของเขาจะถูกสั่งฟ้อง เป็นเรื่องเล่าจากห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้ 
นายหัว ส. และมิตรสหาย
หมายเหตุ: เรื่องสั้นจากแดนตารางชิ้นนี้ based on true story เป็นคดีประหลาดของชายคนหนึ่งที่ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความในคดีร้ายแรงแห่งรัฐ เรื่องสั้นพูดถึงขั้นตอนหนึ่งก่อนที่คดีของเขาจะถูกสั่งฟ้อง เป็นเรื่องเล่าจากห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้ 
นายหัว ส. และมิตรสหาย
  
นายหัว ส. และมิตรสหาย
คำอวยพรที่ล่าช้าจากความขลาดกลัวของผู้หวังดีที่อยู่ในโลกกว้างว่า แม้แต่ความคิด ความรู้สึกและสภาพภายในจากคำบอกเล่าของพวกเขาก็อาจนำผลกระทบที่เลวร้ายยิ่งกว่ามาสู่พวกเขาได้