การประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นเรื่องเข้าใจว่า เพราะตกอยู่ในสภาพจำยอมจากความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้สังคมไทยหยุดนิ่ง หรือก้าวถอยหลัง ตามอุดมการณ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ดังคำประกาศของกลุ่ม “พิทักษ์สยาม” ที่จะแช่แข็งประเทศไทย
คำขวัญที่ว่า “โค่นระบอบทักษิณ” ของกลุ่ม พธม.และปชป. เป็นเพียงการสร้างเป้าล่อขึ้นมาเพื่อเป็นจุดขายในการรวบรวมมวลชนและผู้สนับสนุนเท่านั้น ซึ่งได้ผลในระยะหนึ่งเท่านั้น แต่กลับเป็นการล่อให้กลุ่มผู้รักประชาธิปไตยและกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร รวมตัวกันออกมาต่อต้านผนึกกำลังเป็นคนเสื้อแดง เป็นกองกำลังทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย
จนเมื่อผ่านวันเวลาที่ยาวนาน และการเคี่ยวหลอมจากการต่อสู้ คนเสื้อแดงตาสว่างมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ประชาชนทั่วไปก็ตาสว่างมากขึ้น ชาวโลกก็ตาสว่างมากขึ้นเกี่ยวกับประเทศไทย
ในขณะที่คนเสื้อเหลืองที่เกิดอาการตามืดบอดจากการหลงเชื่อและโฆษณา สร้างปีศาจทักษิณมาหลอกหลอนเริ่มตาสว่าง และเลิกหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน เพราะปีศาจคอมมิวนิสต์กำลังจะแซงหน้าอเมริกาแล้ว จากการบริหารประเทศของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์แหงประเทศจีน เช่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ที่นอกจากไม่ได้เป็นปีศาจที่น่าหวาดกลัวแล้ว กลายเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ในการพัฒนาประเทศไทยอย่างมาก เพราะเป็นผู้ที่ได้รับการเชื่อถือในการเชื่อมประชาชนกับประเทศต่างๆ ให้กับรัฐบาลปัจจุบันที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างดียิ่ง
ความโดดเด่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้ประชาชนคนไทยได้ซึมซับรับรู้ โรคหวาดกลัวทักษิณจึงค่อยๆ หายไป จึงทำให้เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่กลุ่ม พธม.และ ปชป.ชูเป็นจุดขาย เป็นเป้าล่อ หมดความขลัง มวลชนที่เข้าร่วมและกลุ่มผู้สนับสนุนก็ถอยห่าง การเคลื่อนไหวเหลือเพียงยุทธวิธีที่ไม่มีวันชนะทางยุทธศาสตร์
ด้วยเหตุนี้กลุ่ม พธม.จึงยอมรับความจริง ประกาศยุติบทบาท ทิ้งให้ ปชป.กระเสือกกระสนดิ้นรนอย่างเดียวดาย
เวลานี้ พรรค ปชป.พ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์อย่างสิ้นเชิง จึงออกอาการทุรนทุราย ไม่เคารพกติกา ถ้าเปรียบเป็นชกมวยก็ทั้งกัดหูและชกใต้เข็มขัด ไม่กลัวแพ้ฟาล์ว การที่หัวหน้าพรรคฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำผู้อาวุโสของพรรคอย่างนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เดินขบวนนำมวลชนบนท้องถนน ข่าวแพร่ไปทั่วโลก ทำลายหลักการที่เคยประกาศว่า “เชื่อมั่นระบบรัฐสภา”
และการแสดงอาการป่วนอย่างหยาบคายในการประชุมรัฐสภาเป็นเพียงยุทธวิธีเพียงเพื่อขัดขวางการประชุมเท่านั้น นอกจากไม่ชนะแล้ว กลับยิ่งพ่ายแพ้ในทางยุทธศาสตร์ในทางสภาฯ
ยิ่งประกาศจะลงไปต่อสู้บนท้องถนน และไปแสดงตัวสนับสนุนการประท้วงปิดถนนที่ภาคใต้ ที่อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ก็ยิ่งติดลบหนักเขาไปอีก
เพราะการปิดถนนที่ภาคใต้คนที่เดือดร้อนก็คือคนในภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เอง คนภาคเหนือ ภาคอีกสาน ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยเลย
เวลานี้เป็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งดิ้นรนทางยุทธวิธี กลับยิ่งพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์จนหน้ามืดตามัวถึงขนาดสนับสนุนให้ปิดถนน ปิดทางรถไฟ สร้างความเดือดร้อนแก่คนที่สนับสนุนตัวเอง
นี่คือการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ที่หวังจะใช้แนวทางนอกสภา เอาชนะรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่กลับกลายเป็น “ยิ่งดิ้น ยิ่งแพ้” ทั้งสองแนวทาง เพราะยุคประวัติศาสตร์ของการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคประชาธิปัตย์สิ้นสุดลงแล้ว
คนเมืองคอน
28 สิงหาคม 2556