Skip to main content

 


 

 

หมายเหตุ – จดหมายตอบกลับจากหนุ่ม เรดนนท์ (ธันย์ฐวุฒิ) ผู้ต้องขังคดี มาตรา 112 เขียนตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากการเดินทางของจดหมายจากเรือนจำค่อนข้างยากลำบาก จึงมาถึงผู้อ่านล่าช้า เขาเขียนจดหมายนี้ขึ้นหลังจากได้อ่านอีเมลหลายฉบับที่มีผู้ส่งเข้าโครงการอีเมลหยดน้ำ โครงการที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อกลางการสื่อสารระหว่างสังคมภายนอกกับนักโทษการเมือง

อ่านรายละเอียดโครงการอีเมลหยดน้ำได้ที่ http://prachatai.com/journal/2012/08/42229
ผู้สนใจสามารถเขียนอีเมลพูดคุยกับนักโทษการเมืองได้ที่ freedom4pp@gmail.com

 

 

จดหมายตอบอีเมล์หยดน้ำ ฉบับ 1

 

ผมเพิ่งได้รับจดหมายอีเมลหยดน้ำชุดที่ 2 วันนี้เอง (3 ตุลาคม) เง้อ... อ่านแล้วดีใจมากๆ ครับที่มีเพื่อนๆ พี่ๆ แวะเวียนมาตอบมาทักทายกันอยู่ โดยเฉพาะของคุณหลีที่เขียนเป็นซีรี่ส์ถึงสามตอนแล้ว( ตอนที่หวาดเสียวมากเหมือนจะหยั่งรู้ได้ในอะไรบางอย่างของบุรุษเพศ....อยากกรี๊ด อิอิ) แล้วก็ของคุณจำปา ที่มาถึงฉบับที่ 2 แล้ว บอกตามตรงว่าดูไม่เหมือนเป็นจดหมายเลยนะครับ เหมือนงาน ‘วรรณกรรม’ ที่ยอดเยี่ยมมากกว่า พวกผมได้รับเกียรติมากๆ จริงๆ ที่พวกพี่ๆ เพื่อนๆ มีน้ำใจแบ่งเวลามาให้กับพวกเรา

หลังจากนี้แล้ว ถ้าโครงการอีเมลหยดน้ำยังมีพี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยกันหยดน้ำให้กับพวกเราต่อไปเรื่อยๆ เราก็คงจะชุ่มชื้นขึ้น ตอนนี้ก็ชุ่มชื่นมากๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นเปียก อิอิ ผมสัญญาว่าจะพยายามให้เพื่อนๆ ทางนี้มีการเขียนโต้ตอบกลับไปบ้าง ซึ่งค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะบางคนก็ใหญ่เกินไปที่จะลงมาให้ความสำคัญ และมองว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ไม่มีสาระ บางคนก็มองว่าตัวเองความรู้น้อย เขียนไม่เป็น เป็นคนไม่สำคัญ กลัวไม่มีคนสนใจ กลุ่มหลังนี้ง่ายกว่ากลุ่มแรกที่ผมจะเชิญชวนพวกเขามาร่วมแชร์กันออกไปข้างนอก แต่กลุ่มแรกก็จะพยายามนะครับ แล้วจะทยอยออกไปละกัน

คุณธเนศก์ครับ อ.สุรชัย สบายดี เอาจดหมายหยดน้ำให้เขาอ่านแล้ว เขาก็สงสัยว่าใครหว่า? ผมว่าดีนะครับ นานๆ จะทำให้อาจารย์งงๆ มึนๆ บ้างก็ดี งงๆ ไปจิบน้ำชาไป ทรมานแกดี อิอิ เวลานี้ อ.แก่ลงไปเยอะครับ (ใครที่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับใครในนี้โดยเฉพาะม.112 กระซิบมานะครับ ผมจะทำหน้าที่ “ซ้อเจ็ด” ให้เอง) เป็นไปได้หากมีใครเขียนมาทักทายอาจารย์บ่อยๆ แบบนี้ แกคงสดชื่น ชุ่มชื่น เหมือนผมบ้างก็ได้

การอ่านจดหมายหลายๆ ฉบับ อีกทั้งยังได้เห็น comment ของ facebook ทำให้ผมลืมไปเลยว่าอยู่ในนี้ ความรู้สึกเหมือนสมัยที่ยังทำงานอยู่ทางหน้าคอมอยู่  บรรยากาศอบอุ่นเพราะยังพบเห็นเพื่อนๆ หน้าเดิมๆ อย่างคุณ MaYa Siam วนเวียนอยู่ ไม่รู้ว่าจำผมได้มั้ย ผมขออนุญาตเพื่อนๆ เขียนตอบแบบกันเองๆ นะครับ บางทีภาษาอาจไม่เป็นทางการ อย่าถือสากันนะ เพราะใช่ว่าผมจะมีความสุขจนลืมความทุกข์ที่อยู่ในนี้ แต่เพราะอยากจะสื่อให้เห็นว่าเราต้องมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ และไม่จำเป็นเสมอไปที่ว่าถูกขังแล้วต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะมันผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้ว วันนี้...ต้องเข้มแข็ง (ฮึบๆ !!)

อยากบอกว่าคุณหลี “หู” สวยหงะ อิอิ (แอบเห็น) ชอบงานเขียนของคุณหลี มันทำให้นึกถึงนิยายโรงงานเลย หุหุ

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนสำหรับน้ำใจที่ผ่านโครงการนี้ แล้วเราจะตอบกลับไปโดยเร็วที่สุดครับ

 

เชื่อมั่นและศรัทธา

หนุ่มแดงนนท์ (เรดนนท์)

 

 

 

ตัวอย่างจดหมายจาก “หลิ่มหลี”

ที่มา: เฟซบุ๊คหลิ่มหลี

 

จดหมายถึงนักโทษการเมือง ฉบับ 5

by Lily Cu on Monday, November 26, 2012 at 11:29pm ·

 

สวัสดีค่ะ พี่พี่ที่อยู่บ้านพักรับรองชั่วคราวของราชการ

 

หลีไม่ได้เขียนจดหมายมาหาพี่นานพอควร ยอมรับผิดค่ะว่า สัญญาไม่เป็นสัญญาว่าจะเขียนไปหาบ่อยๆ พอดีติดเย็บผ้านะค่ะ ตอนนี้เย็บผ้าด้วยจักรอุตสาหกรรมเก่งขึ้นแล้ว ไม่ต้องเนาแล้ว พอเราทำอะไรเก่งขึ้น ความมานะพยายามก็ทำให้เรามีจิตที่นิ่งขึ้น แล้วก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ เดือนกว่าที่ผ่านมา ก็ได้เสื้อเชิ้ต มาสองสามตัว ก็ชมตัวเองเหมือนกันว่า ใช้ได้ดีเลยทีเดียว

แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็มีมหากาพย์ม็อบแช่แข็งให้หลีได้เสียสมาธิกับการเย็บผ้าเหมือนกันค่ะ โอ้ย เห็นเตรียมตัวกันน่าดู ทั้งฝั่งเหลืองฝั่งแดง หลีก็ได้แต่จับตาดูเงียบๆ ปฏิกิริยาของทั้งสองฝั่งสนุกมาก ฝั่งนึงก็เตรียมตัวไปม็อบ ฝึกด่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทยอย่างเมามันส์ อีกฝั่งก็นัดแนะกันรอด่า ด่า ด่า แต่ส่วนใหญ่ที่หลีรู้ที่หลีเห็น ก็ไกลตัว 

เอาที่ใกล้ๆดีกว่า หลีจำไม่ได้ว่าเคยบอกพี่พี่ไหม ว่า สถานที่ที่หลีไปเรียนเย็บผ้า เป็นสถานที่มั่นของเหล่าสาวกพรรคประชาธิปัตย์ โอ้ แมน !!!!!!! น่ากลัวมากค่ะ หลีไม่กล้าแสดงออกเลยว่าตัวหลีเองมีแนวโน้มเอียงไปทางไหน 

จริงๆคนเหล่านี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะคะ อาศัยดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ที่โคตรลำเอียง ก็มาด่า โดยไม่ดูเหตุดูผลใดๆทั้งสิ้น รัฐบาลผิดอย่างเดียว นายกฯเลวที่สุด โง่ที่สุด แรดที่สุด อะไรประมาณนี้ 

มีลุงอยู่คนหนึ่งเขาประกาศตัวเลยว่า เขาเป็นสาวกของสนธิลิ้นแดกทอง โอ้ยวันๆ ก็คุยแต่เรื่องการเมือง คุยแต่ว่า คนโน้นโกง คนนี้โกง ตำรวจโกง นักการเมืองโกง เราต้องกำจัดคนโกง แล้วก็เอาผ้าโพกหัวสีเหลืองมีคำว่ากู้ชาติของพันธมิตรมารีดด้วยเตารีดอวดด้วยนะ ทั้งๆที่ไม่มีเหี้ยอะไรใครสนใจมันเลย 

หลีก็เฉยๆช่างแม่งมัน เราเย็บผ้าเงียบๆ ทำตัวเลียนแบบนายกฯโง่ๆดีกว่า ทำงานเยอะๆ พูดน้อยๆ ให้ผลงานเป็นตัวบอกว่าเราเป็นคนยังไง 

แล้ววันที่เขานัดหมายว่าจะก่อม็อบไล่นายกฯหญิงกับรัฐบาลก็มาถึง หลีก็ยอมรับเลยว่า กัดลิ้นกัดฟัน ไม่อยากจะด่ามาก หลีมองว่า ยังไงพวกเขาก็มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ถึงแม้จะแตกต่าง เขาก็มีสิทธิได้ พวกพี่พี่ที่อยู่ในบ้านพักรับรองก็มีสิทธิเช่นกัน แต่จะว่ายังไงก็ตามใจ ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันไป ก็เห็นมีปิดถนน เช็คอาวุธกันอย่างเข้มงวด เราก็สบายใจได้อยู่อย่างว่า การประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงที่ใครๆ ก็ค้านนักค้านหนา อย่างน้อยมันก็พอมีดีอยู่บ้างในการตรวจค้นอาวุธอย่างชัดเจน

และแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มต้นด้วยรหัสลับ 901 ห่าอะไรของพ่อแม่งหลีก็ไม่เข้าใจ ไม่สนค่ะ หลีก็รับประทานอาหารเช้าค่ะ ระหว่างนั้นก็ได้รับข้อมูลแต่เช้าก่อนเก้าโมงเลยว่า เฮ้ย มีแจกแก๊สน้ำตาแล้วโว้ย ...เอาละสิ ...แต่อย่างน้อย เมื่อกลับมาบ้านดู หลีก็ได้เห็นแก๊สน้ำตาใส่ไปยังฝูงชน เทียบกับที่หลีเคยดูเมื่อ 19 พ.ค. 53 แล้ว หลีเห็นแก๊สแม่งหล่นไปที่ถนนโล่งๆแถวหน้าอนุสาวรีย์ รัชกาลที่หก และแถวนั้นไม่มีคน แต่มีก่อนหน้าหลายวันที่มีสไนเปอร์ยัดกระสุนใส่หัวเสธแดงแล้ว พูดๆแล้ว หลีก็คิดถึงเสธแดงค่ะ ไม่มีแกสักคน ไม่มีใครมาเล่าเรื่อง ทหารบูรพาพยักหน้า กับ วงค์เทวัญพญายักษ์ ห่าอะไรที่แกเล่าแล้วสนุกชิบเป๋งเลยค่ะ ได้ยินว่าลูกสาวเสธจะแต่งงานแล้ว ดีใจด้วยนะคะ ... หลียังหาผัวไม่ได้เลย แย่จัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วเหล่าแกนนำกระจอกๆก็ขึ้นไปด่านายกฯหญิงของเรา ด่าอะไรเยอะแยะมากมาย แต่ด่าคำว่า กระหรี่ด้วยนี่ หลีก็ปวดหัว ... คนด่าแม่งไม่เคยตีกระหรี่หรือไงวะ แช่งให้แม่งไปตีกระหรี่แล้วโดนกระหรี่เฉือนองคมนโท เอ้ย องคชาติไปเลยซะดีกว่า 

หลีก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง จนเผลอหลับ ... ตื่นมาอีกที ... เอ้ย ม็อบยกเลิกไปแล้ว .........

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย เสธอ้าย ...ล้มปากอ่าว นกเขายังไม่ทันขันเลย ...เสธก็ล่มซะแล้ว ได้ยินว่า งบประมาณงานนี้ หกพันล้าน ชิบหาย ไม่เหลืออะไรเลย ...นายทุนทั้งหลาย .. จ่ายไปนี่รู้ไหมว่า ล่มชิบหายเลยเนี่ย

หลีก็นึกในใจ ... ใครโง่กันแน่ เสธอ้ายผู้ไม่เคยทำห่าอะไรสำเร็จเลย ไม่ว่าปฏิวัติหรือม็อบ หรือคนจ่ายเงินที่ให้เสธอ้ายแม่งมาใช้เงินทำม็อบ เหล่ากองทัพธรรมก็เตรียมอาหารอยู่เป็นอาทิตย์ๆๆๆๆ ก็ชิบหายหมด อาหารสดเตรียมไว้ก็ต้องเอากลับ เหล่าคนทำส้วมซึมอย่างดี ก็กำลังรอคอนกรีตแห้ง ยังไม่ทันได้ใช้งาน ชิบหาย

อยากจะหัวเราะ ก็หัวเราะไม่ออก เมื่อเหล่าฝั่งเสรีชนคนกันเอง ก็ดัน... ไม่ขำ ไม่สะใจไปด้วย เพราะยังไม่ทันได้เริ่มด่ากะเขาบ้าง (อย่างว่า ตอนม็อบแดงชุมนุม โดนด่าเยอะ เลยอยากด่าคืน แต่อดด่า) 

จ๋อยกันหมดทั้งสองฝ่ายสามฝ่าย แต่เรื่องเหล่านี้ก็ไกลตัวหลีค่ะ

เอาคนใกล้ตัวดีกว่า ฮ่าๆๆๆ

ไอ้ลุงที่เย็บผ้ากับหลี เราก็คาดว่า อีห่านี่แม่งมันต้องไปชุมนุมแน่ๆ ปรากฏว่า ... มันไม่ได้ไป ...วันนี้แม่งเลยไม่ได้โม้เหี้ยอะไรเลย เพราะว่า มันโม้ไว้เยอะว่าจะต้องไปไล่รัฐบาล แต่มันเสือกไม่ได้ไป โอ้ย.... อีทุเรศ แม่งทุเรศเหมือนศาสดาสนธิพ่อมึงไม่มีผิด หายหัวหายหำไปเลย หลีละนึกด่าในใจ อีห่า เก่งแต่ลับหลัง พอเขาสู้ๆกัน เสือกหลบอยู่หลังสวน พ่อมึงตาย แสร่ด สีหน้าหลีวันนี้ คงเหยียดมันน่าดูเลย หึหึ

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อแผนหนึ่งพังพาบไป แผนสอง แผนสาม จะระดับไหนกันละนี่  หลีว่ามันก็ต้องเตรียมแผนไว้เยอะ เพราะถ้าเป็นหลี หลีก็คงเตรียมแผนเอ แผนบี แผนซีไว้ ... คนทำแผนคิดแผน มันจะทำกี่แผนก็ได้ คนรอโดนผลกระทบกับแผนก็เตรียมรับกันไป ...หลีเป็นห่วงก็อีคนจ่ายเงินเนี่ยสิ ...มันจะไม่ยอมจ่ายกันง่ายๆอีกแล้วละค้า ....หมดไปเยอะ ไม่ได้เหี้ยอะไรเลย ...เนอะ พี่เนอะ

ท้ายนี้ ขอให้พี่ได้ออกมาจากบ้านพักรับรองชั่วคราวของรัฐบาลเร็วๆนะคะ ... เมื่อไรเขาจะยอมรับความแตกต่างทางความคิดทางการเมืองเสียทีนะ ว่า มันเป็นเรือ่งปกติ จะให้เป็นหุ่นยนต์คิดห่าอะไรให้เหมือนกันหมดเลยหรือไงนะ ... โลกเขาไปถึงไหนแล้ว ทำไม .. คนพวกนั้นยังเป็นไส้เดือนดำดินไม่เลิกเสียที

ขอให้สัพเวสีในบ้านพักคุ้มครองให้พี่พี่แข็งแรงสุขภาพดี มีกำลังกายและกำลังใจอดทนต่อไปนะคะ 

 

ด้วยความเคารพ 

หลิ่มหลี

 

 

บล็อกของ นายหัว ส. และมิตรสหาย

นายหัว ส. และมิตรสหาย
  โดย ... นายหัว ส. ชื่อบทความเดิม: สถานการณ์ประเทศไทย ...ยุทธศาสตร์ยังไม่เปลี่ยน การปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีเท่านั้น
นายหัว ส. และมิตรสหาย
มีคำกล่าวที่ว่า “คุกเจริญสังคมเสื่อม คุกเสื่อมสังคมเจริญ” เป็นดัชนีชี้วัดสังคมไทยปัจจุบันอย่างหนึ่ง เพราะเวลานี้คุกของประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองมาก มีผู้ต้องขัง 240,000 คน ล้นทุกคุก ทั้งๆ ที่เพิ่งมีการพระราชทานอภัยทาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ที่เพิ่งผ่านมา 3 เดือนเท่านั้น