เชียงใหม่ แม่สอด ตาก กันยายน ๕๑
พม่าไล่ หนีเข้าไทย ไทยไม่รับ
จะหนีกลับไปตายหรือไรเล่า
สู้ปักหลักกลางเกาะนี้ พอทำเนา
“โนแมนแลนด์”แดนคนเน่าไร้เหย้าใจ
เด็ก-เด็ก ไม่มีโรงเรียนเข้า
คนแก่เฒ่าตายลงขาดโลงใส่
หนุ่มสาวเปลือยกายขายตัวไป
มีชีวิตรอดได้พอใจแล้ว
เพื่อนกวีของผมคนหนึ่งเป็นนายอำเภอที่จังหวัดนั้น เขายังไม่ราไฟอุดมการณ์ของคนยุคหลังหกตุลา ผมไม่ได้เจอะเจอเขานานร่วมสามสิบปี เรารู้จักกันทางตัวหนังสือ เขาไปลงเป็นปลัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ด้วยรับรู้ว่าผมไปเป็นครูที่นั่น เมืองเล็กมีคนคอเดียวกันไม่กี่คน ผมยังจำภาพเราแอบไปฟังเพลงชุดคนกับควายของคาราวานกันที่บ้านเกษตรกรหนุ่มคนเชียงใหม่ เขาเป็นปลัดฝ่ายปกครอง นั่นคือเหตุหนึ่งที่ผมไม่โดนจับ เพราะผมเผาหนังสือและเพลงต้องห้ามทั้งหลายทัน หลังเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาประชาชนครั้งใหญ่ เขาคิดว่าผมหนีเข้าป่า ผมก็คิดว่าเขาคงต้องออกจากระบบราชการ
เมื่อกลางเดือนก่อนจู่ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเขา ชวนผมไปเป็นวิทยากร เขาเอา งบอ.บ.จ. ตากมาทำค่ายนักเขียนน้อย นั่นแหละมูลเหตุที่ทำให้เราได้คืนกลับไปเก็บวันก่อนคืนเก่ากัน เสร็จงานเขาพาผมไปเที่ยวดูชีวิตคนชายตะเข็บชายแดนแม่สอด ดูกระโจมคนจรร่อนเร่ที่เขาเรียกว่า โนแมนแลนด์ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่ผู้คนกระทำต่อผู้คนด้วยกันและคำพูดประโยคหนึ่งทำให้ผมหนาวเยือกขึ้นในใจ “นี่มันคนหรือสัตว์ที่พูดภาษาคนได้กันแน่”
ผมมองดูกระต๊อบโย้เย้ขอไปที ผู้คนที่ยั้วเยี้ยมั่วสุมเล่นการพนัน และเร่ขายสินค้าหนีภาษี (และขายตัว) และกองขยะเน่าเหม็นตามสุมทุมพุ่มไม้ชายเกาะนั้น ผมให้รู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ว่า ขุ่นเคืองใคร...