Skip to main content

ผมใส่เครื่องหมายไปยาลน้อยหลังคำว่า “ม็อบพันธมิตร ฯ” ด้วยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าผู้อ่านแต่ละคนสามารถที่จะเลือกใส่คำต่อท้ายคำว่า “พันธมิตร” ลงไปได้ตามที่เห็นสมควร เพราะรู้สึกกระดากละอายเกินกว่าที่จะเรียกกลุ่มนี้ด้วยชื่อเต็ม ๆ ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”


ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คนกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” คือมีแต่ความใจแคบ เอาแต่ใจตนเอง ขาดความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ความอดทนอดกลั้นทางการเมืองที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอยู่ร่วมกัน (เพราะจะได้ไม่ต้องฆ่ากัน)


นอกจากขาดความอดทนอดกลั้นแล้วกลุ่มพันธมิตร ฯ ยังทำร้ายคนที่คิดเห็นต่างออกไปจากพวกตน โดยไม่สนใจต่อสายตาของสาธารณชนผู้เป็นกลางที่เฝ้ามองอยู่ว่าจะรู้สึกนึกคิดอย่างไรหรือไม่กลัวเลยว่าจะสูญเสียมวลชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกข้าง พฤติกรรมและบุคลิกแบบนี้มีแต่เผด็จการเท่านั้นที่ทำได้


ใครที่มีความคิดเห็นแตกต่างไปจากม็อบพันธมิตร ฯ จะถูกทำให้กลายเป็นศัตรู/ปิศาจ/คนไม่รู้จริง/รับใช้ทักษิณ/ขายชาติ ฯลฯ ด้วยการโฆษณาชวนเชื่ออันเหลวไหล ปลุกระดมอารมณ์รวมหมู่อย่างบ้าคลั่งมึนเมา


ผมอยากจะพูดถึงกรณีของคุณศรราม เทพพิทักษ์ พระเอกยอดนิยมที่พูดถึงทัศนะของตนเองในเชิงไม่เห็นด้วยเมื่อมีคนถามเกี่ยวกับการชุมนุมของพันธมิตร ฯ


ผมไม่ไปยุ่งกับใครหรอกครับพันธมิตรฯ เดินขบวนอะไรผมไม่ยุ่งหรอก ผมไหว้พระทุกวันขอให้ในหลวงแข็งแรงนะ ใครที่มันทำให้ในหลวงไม่สบายใจ ก็ขอให้คุณพระคุณเจ้าดลจิตดลใจให้มันคิดได้เถอะนะครับ ถ้ามันยังเป็นคนไทย ขอให้มันทำให้ในหลวงอย่าเครียดเลย เราพูดภาษาแบบชาวบ้านนะครับ ผมใช้คำพูดแบบชาวบ้านไปคิดเอาเอง”


คำพูดไม่กี่คำของเขาทำให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ไม่พอใจอย่างแรงและรุมโจมตีเขาในรูปแบบต่าง ๆ กระทั่งคุณศรราม เทพพิทักษ์ ต้องแสดงความใจกว้างด้วยการยอมออกมาขอโทษทั้งที่ตนเองไม่ได้ผิดอะไร


หากยอมขอโทษทั้งที่ตนเองไม่ผิดแล้วทำให้ปัญหาจบไป ในบางสถานการณ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่เสียหาย มิพักต้องเอ่ยถึงว่าอาชีพของคุณศรราม เทพพิทักษ์ นั้นต้องอาศัยความนิยมชมชอบจากประชาชน จึงไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงหากจำเป็นต้องขอโทษเพื่อให้เรื่องเงียบหายไปและเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ส่วนสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าคนอื่นนั้นสงวนไว้สำหรับพวกพันธมิตร ฯ และเครือข่ายเพียงเท่านั้น


ท่ามกลางความขัดแย้งที่มองไม่เห็นจุดจบ คุณศรราม เทพพิทักษ์ เป็นเหยื่อชิ้นเล็ก ๆ ที่โดนคนพวกนี้เล่นงานได้โดยไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แม้ว่าในฐานะของบุคคลสาธารณะ เสียงของคุณศรราม เทพพิทักษ์ อาจจะดัง แต่ที่สุดแล้วก็ถูกกลบให้เงียบหายไปโดยกระแสเสียงของกลุ่มพันธมิตร ฯ


เราสามารถยกตัวอย่างรูปแบบการกระทำของกลุ่มพันธมิตร ฯ ต่อกรณีนี้ได้อย่างเช่น ส่ง SMS ผ่านสื่อโทรทัศน์เพื่อชื่นชมพวกตัวเองและกล่าวหาว่าร้ายคุณศรรามต่าง ๆ นานา หรือการใช้ช่องทางของอินเตอร์เนตที่เครือผู้จัดการมีพร้อมอยู่แล้วรุมกระหน่ำด่าพ่อล่อแม่ หรือใช้วาจาป่าเถื่อนของซ้อเจ็ดแห่งเวบไซต์ผู้จัดการป้ายสีให้เสียหาย คอลัมน์ของซ้อเจ็ดนอกจากจะเขียนในเรื่องบนเตียงราวตาเห็นแล้ว พักหลังซ้อเจ็ดหันมาเขียนเรื่องการเมืองกะเขาด้วย (ช่างเป็นอะไรที่อเนกประสงค์เสียจริง ๆ ซ้อเจ็ดจึงอาจจะเป็นประเภทที่ “ได้หมด”) รวมไปถึงการโห่ร้องขับไล่เวลาที่คุณศรราม เทพพิทักษ์ ไปโชว์ตัว


เราอาจเรียกการกระทำเหล่านี้ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจต่อผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เป็นการข่มขืนตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการข่มขืนที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญปี 50 ที่พวกพันธมิตร ฯ และเครือข่ายร่างมันออกมา


คุณศรราม เทพพิทักษ์ เงียบเสียงไป ในขณะที่ดาราอย่างคุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตร ฯ ตั้งหน้าตั้งตาด่าคนอื่นต่อไป เขาบอกว่า


ไม่รู้ ไม่เข้าใจอย่าพูด อย่าเสือกพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้” (น่าสงสัยว่าคงจะมีแต่ดาราอย่างคุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง เท่านั้นที่รู้และเข้าใจ การห้ามไม่ให้คนอื่นพูดเพราะหาว่าคนอื่นไม่รู้นั้นเป็นลักษณะของเผด็จการชนชั้นกลางอย่างไม่ต้องสงสัย)


คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ก็เช่นเดียวกับดารานักร้องหลายคนที่ใช้โอกาสทองของความขัดแย้ง อ้างอวดจิตสำนึกสาธารณะของตนเองด้วยการกระโจนขึ้นเวทีของพันธมิตร ฯ ทำในสิ่งที่ตนเองถนัดนั่นคือ “แสดงละคร” แต่เป็น “ละครเวที” ที่เขียนบทและซักซ้อมมาแล้ว


คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ขึ้นเวทีพันธมิตร ฯ บ่อย เขาขึ้นไปแสดงภูมิรู้ทางการเมืองเท่าทีเขามี พูดจากับกล้องและประชาชนอย่างเป็นกันเองด้วยมาดของนักการเมือง และร้อง “เพลงแปลง” กระทบกระเทียบ ประชดประชัน เสียดสีนักการเมืองและประชาชนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม เขาเปลี่ยนบทบาทจากนักแสดงที่เก่งกาจเป็นคนชั้นกลางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสำนึกสาธารณะ!


คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ยอมทิ้งหล่อ แล้วปล่อยตัวเซอร์ๆ ดูเป็นคนง่าย ๆ เข้ากับประชาชน เขาออกแอ็คชั่นเต็มที่ ทั้งเต้น ร้อง และปราศรัย เรียกได้ว่าเป็นแบบฉบับของนักแสดงคนชั้นกลางที่นอกจากจะประสบความสำเร็จในอาชีพของตนเองแล้ว ยังดูเหมือนว่าจะคิดหรือทำอะไรเพื่อ “ส่วนรวม” อีกด้วย


ผมเชื่อว่าหากจังหวะเวลาเหมาะ คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง คงจะลงสมัครเป็นผู้แทนอย่างแน่นอน ไม่สนามระดับชาติก็สนามท้องถิ่น มันเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วว่าหากใครต้องการหาเสียงและต้องการเรียกคะแนนจากชนชั้นกลางในกรุงเทพ ฯ ก็ต้องขึ้นเวทีโจมตีสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ก็ตาม


ใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ “ระบอบทักษิณ” ไม่ว่าจะทางตรงหรืออ้อมหรือทำอะไรที่กลุ่มพันธมิตร ฯ ตีความแล้วว่า “อาจจะ” เป็นการขัดขวางกลุ่มพันธมิตร ฯ ในการจัดการกับ “ระบอบทักษิณ” จะได้รับปฏิกริยาตอบโต้จากกลุ่มพันธมิตร ฯ อย่างเช่นที่คุณศรราม เทพพิทักษ์ โดนข่มขืนใจให้ต้องออกมาขอโทษ.


บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
บทความเรื่อง "แรงฤทธิ์ แต่อ่อนผล" ของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในมติชนรายวันhttp://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01020352&sectionid=0130&day=2009-03-02 (วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11314) มีหลายประโยค หลายวลี หลายคำที่อ่านแล้วต้องส่ายหัวด้วยความอิดหนาระอาใจกับอคติและภูมิปัญญาของเขา แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่อ่านแล้วทำให้ผมสะดุดหยุดกึกในทันทีคือประโยคที่ว่า "ไม่ผิดอะไรที่จะรักทักษิณ แต่รักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้เพราะสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเอง"
เมธัส บัวชุม
ผมได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง "ผู้หญิง 5 บาป" เพราะเคเบิลทีวีเอามาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก อันที่จริงหนังเกรดต่ำแบบนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดอยากจะดูเลย แต่ผมก็เหมือนคนอื่น ๆ คือฉากรักร้อน ๆ ดิบ ๆ ที่ปรากฏอยู่มากมายสะกดให้ต้องหยุดดู หนังเรื่องนี้เหมือนหนังโป๊ะที่ดูแล้ว ถึงจุดออกัสซั่มแล้ว ไม่ควรจะมีอะไรให้พูดถึงอีกหรือหากอยากจะพูดถึงก็คงเป็นเรื่องความไม่เอาไหนของคนทำหนังที่อุตส่าห์ขนดาราและนักแสดงรับเชิญมาเพียบ แต่ทำได้เพียงแค่หลอกขายฉาก "เอากัน" เท่านั้น โดยให้ผู้หญิง 5 คนผลัดกันมาเล่าประสบการณ์ทางเพศที่โลดโผนโจนทะยาน (มีอะไรกับลูกศิษย์ตัวเอง โดนยามข่มขืน ได้กับวินมอไซค์)
เมธัส บัวชุม
31 มกราคมที่ผ่านมา ทีมงานความจริงวันนี้ สร้างปรากฏการณ์ "แดงทั้งแผ่นดิน- Red in The Land" ที่ท้องสนามหลวงด้วยประชาชนหลายหมื่น คนรวยคนจน นักวิชาการหัวก้าวหน้า นักปฏิวัติ คนรุ่นใหม่รุ่นเก่ามากันพร้อมหน้า บรรยากาศฮึกเหิมคึกคัก ส่งสัญญาณความไม่พอใจที่ล้นอกไปยังเหล่าศักดินา เขย่าขวัญพวกอมาตยาธิปไตยให้หยุดสำเหนียกให้มากก่อนจะกระทำการใด อันที่จริงการสำแดงพลังที่รัชมังคลาภิเษกเมื่อวันที่ 1 พ.ย.51 ที่ประชาชนเข้าร่วมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่งนั้นน่าพรั่นพรึงและเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าชาว “แดง” พร้อมชนกับซากเดนของระบอบศักดินาเพียงขอให้มีเงื่อนไขที่เอื้อหรือสถานการณ์สุกงอมพอเท่านั้น…
เมธัส บัวชุม
  ผมชอบดูและเล่นฟุตบอลแม้ว่าจะเล่นไม่ดีเลยก็ตาม  มันเป็นความบันเทิงและกีฬาที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเหมือนเข้าฟิตเนส  แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผมไม่เคยชอบดูฟุตบอลไทยเลย อาจจะเปิดโทรทัศน์ไปเจอโดยบังเอิญ หยุดดูสักครึ่งนาที พอได้ยินเสียงพากย์ของนักพากย์กีฬาช่อง 7 ซึ่งไม่พากย์ไปตามเกมกีฬา หากแต่จ้องจะเข้าข้างทีมไทยท่าเดียวทำให้เสียอารมณ์จนต้องรีบเปลี่ยนช่องยิ่งเมื่อได้เห็นภาพข่าวนักฟุตบอลไทย แสดงอาการกักขฬะมีเรื่องวิวาทกับนักเตะต่างชาติอยู่บ่อย ๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้า รู้สึกสมน้ำหน้ามากขึ้นเมื่อนักพากย์กีฬา…
เมธัส บัวชุม
ข่าวการตัดสินจำคุกชาวต่างชาติ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ชาวออสเตรเลีย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นนอกจากจะน่าอนาถใจไทยแลนด์แล้ว ยังสร้างแรงสะเทือนต่อสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ” อยู่ไม่น้อยผมเคยคิดว่าไทยเป็นประเทศที่มี “เสรีภาพ” มากพอสมควร ถึงตอนนี้ก็ยังคิดเช่นนั้นอยู่ เพียงแต่ว่า “เสรีภาพ” ในไทยนั้นมี “เพดาน” กั้น มี “ขีด” ที่ข้ามไปไม่ได้ เราไม่อาจใช้เสรีภาพไปวิพากษ์วิจารณ์บางคนหรือบางองค์กรหรือเข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสได้ เช่น องคมนตรี ศาล กองทัพ เสรีภาพที่เรามีอยู่จึงเป็น “เสรีภาพแบบพอเพียง”
เมธัส บัวชุม
การเมืองหลังการเข้ามาของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร คือการแข่งขันกันนำเสนอด้านนโยบายที่ตอบสนองความต้องการสิ่งอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนระดับรากหญ้าซึ่งถูกละเลยมาตลอด ผลงานของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งยงและพรรคไทยรักไทยที่ได้ทำไว้ในเรื่องการกำหนดนโยบายสำหรับคนยากคนจน และผลักดันสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงกระทั่งใครต่อใครพรรคประชาธิปัตย์ปากว่าตาขยิบลอกมาหน้าตาเฉย แม้แต่พรรคภูมิใจของเนวิน ชิดชอบที่เพิ่งเปิดตัวไปก็ชูเรื่องประชานิยมเป็นม็อตโตของพรรค
เมธัส บัวชุม
-1-เมื่อกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตร ฯ แยกย้ายสลายตัว เดินลงจากเวทีหลังจากสร้างความยับเยินสาธารณะจนสาแก่ใจ แล้วส่งพรรคประชาธิปัตย์วิ่งราวเข้าไปเป็นฝ่ายรัฐบาลโดยผนวกรวมกลุ่มงูเห่าของพวกเนวิน ชิดชอบ เข้าไปด้วยแล้ว การเมืองก็หมดสีสันลงอย่างมากเหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตัวอิจฉาหายไปจากจอ ยอมรับนะครับ ว่ากลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรที่เป็นม็อบมีเส้นนั้นดึงดูดกระแสความสนใจการเมืองขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แม้แต่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยใส่ใจเรื่องการเมืองเลยนั้นก็หันไปใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดงกับเขาด้วย บางคนใส่ได้ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองแล้วแต่ว่ากระแสความนิยมของฝ่ายใดจะมาแรงกว่า
เมธัส บัวชุม
ชัยชนะที่ได้มาด้วยการฉ้อฉลของพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นรูปธรรมด้วยการจัดตั้งรัฐบาลสมความมุ่งมาดปรารถนาที่รอคอยมาเกือบสิบปี แต่ก็ด่างพร้อยอย่างยิ่ง ไม่มีความสง่างามแม้แต่นิดเดียว ล่อนจ้อนน่าละอาย ผิดกติกามารยาทรวมไปถึงผิดกฏหมาย กระทั่งก่อให้เกิดความระอาเกลียดชัง บทบาทพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกข้างต้น ทำให้หลายคนตั้งฉายา สร้างวาทกรรมในการใช้เรียกขานพรรคประชาธิปัตย์ไปต่าง ๆ  นานาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปในแง่ลบฉายาที่ 1 "รัฐบาลต่างตอบแทน" ตอบแทนกระทรวงกลาโหมให้กองทัพที่ยืนหยัดช่วยเหลือทั้งทางตรงทางอ้อมแก่พรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด…
เมธัส บัวชุม
  เป็นการพังทลายลงของสถาบันตุลาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความน่าเชื่อถือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคการเมืองซีกรัฐบาลรวดเดียว 3 พรรค อย่างรวบรัดตัดความ เร่งร้อนลนลานและผิด ๆ ถูก ๆ นักวิชาการผู้เคารพในหลักการ และคอการเมืองทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขรมถึงสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำลงไป เริ่มตั้งแต่ประเด็นเรื่องคุณสมบัติของตุลาการผู้เอาตัวรอดด้วยการท่องคาถาคุณธรรม จริยธรรม เป็นนิจสิน อย่างนายจรัล ภักดีธนากุล ไปจนถึงการย้ายสถานที่พิจารณาตัดสินคดีอย่างปุบปับ รวมไปถึงการนำทหารป่าหวายเข้ามาอารักขาตุลาการ แทนที่จะหยุดยั้งเหล่ามารพันธมิตร บางคนต่อรองไว้ว่าร้อยนึงเอาบาทเดียว…
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็นกันแล้วว่าลัทธิพันธมิตรสามารถทำอะไรได้บ้าง ลัทธิพันธมิตรทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้าอยากทำ ตั้งแต่การปิดสี่แยกเพื่อให้การจราจรเป็นอัมพาต ยึดรถเมล์ ล้อมรัฐสภา ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ไปจนถึงการปิดสนามบินเพื่อทำให้ผู้อื่น-ชาวต่างชาติ เดือดร้อนอย่างจงใจบัดนี้ ใครที่ยังเชื่อว่าลัทธิพันธมิตรชุมนุมแบบอหิงสาอันหมายความว่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นนั้นคงจะปัญญาอ่อนเต็มที ใครที่ยังเห็นว่าลัทธิพันธมิตรเป็นการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตยคงจะเป็นคนโง่ดักดาน และดังนั้นเพื่อชีวิตจะได้กลับสู่ความปกติ จึงควรหยุดให้ท้ายลัทธิพันธมิตรในทุกทาง…
เมธัส บัวชุม
อัสนี วสันต์ ในเพลง "ก็เคยสัญญา" เคยแหกปากตะโกนประโยคที่ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"  อันหมายถึงความรักที่แปรผันตามวันเวลาที่ผ่านพ้น   แม้ว่าจะสัญญากันไว้หนักแน่นก็ตาม ประโยคนี้ถูกตอกย้ำให้ฮือฮาอีกครั้งจากปาก แอ๊ด คาราบาว ผู้ซึ่งสวมบทนักร้อง นักดนตรี "เพื่อชีวิต"  วิพากษ์วิจารณ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่โฆษณามอมเมาให้คนซื้อทั้งที่ไม่มีคุณค่าสารอาหารแต่ประการใด แต่ในเวลาต่อมา แอ๊ด คาราบาว กลับมาทำธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง "คาราบาวแดง" อย่างที่รู้กัน เมื่อมีคนถาม แอ๊ด คาราบาว บอกง่าย ๆ ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"
เมธัส บัวชุม
เพราะว่าในนามของความถูกต้อง จะทำผิดอย่างไรก็ได้ ดังนั้นม็อบพันธมิตร ฯ จึงพากันทำผิดร้อยแปดพันเก้าประการ การกระทำทั้งร้อยแปดพันเก้าประการนั้นแม้จะเลวร้ายอย่างไรก็ไม่สำคัญนักเพราะถูกฉาบเคลือบไว้ในนามของความถูกต้อง เช่นนี้เองที่เป็นเหตุนำไปสู่คือปัญหาความขัดแย้งยุ่งเหยิงและความรุนแรงในทุก ๆ ทาง การหลบอยู่หลังวาทกรรมประเภท “กู้ชาติ” “พิทักษ์สถาบัน” ฯลฯ การหลงว่าตนเองหรือกลุ่มตนเองเป็นฝ่ายถูก เป็นฝ่ายจงรักภักดี รักชาติ ทำถูกกฏหมาย ตีตราฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ขายชาติ ไม่จงรักภักดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เลว ดังนั้นในนามของความถูกต้อง จำเป็นต้องกำจัดให้หายไปไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม