ข่าวการตัดสินจำคุกชาวต่างชาติ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ชาวออสเตรเลีย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นนอกจากจะน่าอนาถใจไทยแลนด์แล้ว ยังสร้างแรงสะเทือนต่อสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ” อยู่ไม่น้อย
ผมเคยคิดว่าไทยเป็นประเทศที่มี “เสรีภาพ” มากพอสมควร ถึงตอนนี้ก็ยังคิดเช่นนั้นอยู่ เพียงแต่ว่า “เสรีภาพ” ในไทยนั้นมี “เพดาน” กั้น มี “ขีด” ที่ข้ามไปไม่ได้ เราไม่อาจใช้เสรีภาพไปวิพากษ์วิจารณ์บางคนหรือบางองค์กรหรือเข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสได้ เช่น องคมนตรี ศาล กองทัพ
เสรีภาพที่เรามีอยู่จึงเป็น “เสรีภาพแบบพอเพียง”
เป็น “เสรีภาพพอหอมปาก หอมคอ ที่จำกัดวงการใช้แคบ ๆ เสรีภาพแบบพอเพียงถูกใช้อย่างหนักกับนักการเมือง(เท่านั้น)และมีที่เดียวในเมืองไทย(เท่านั้น)”
คนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมอย่าง “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” แม้จะอยู่เมืองไทยระยะหนึ่งแล้ว ก็ไม่อาจเข้าใจเนื้อหาสาระและบริบทของ “เสรีภาพแบบพอเพียง” ได้ ความไม่รู้เพียงนิดเดียวหรือการขาดความระวังระไวจึงนำไปสู่เคราะห์กรรมที่ไม่คาดฝัน
www.pattayadailynews.com/shownews.php?IDNEWS=...
“แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ถูกจำคุกเพราะเขียนหนังสือเรื่อง “Verisimilitude” ศาลอาญาพิพากษาว่า “มีข้อความเป็นการหมิ่นประมาทและหมิ่นพระเกียรติพระมหากษัตริย์และพระบรมราชกุมาร...พฤติการณ์เป็นความผิดร้ายแรงไม่สมควรรอลงอาญา”
“แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า "This is an Alice in Wonderland experience. I really believe that I am going to wake up and all of you will be gone," Nicolaides told reporters. http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/asia/article5544354.ece
ในยุคที่คำว่า “สิทธิมนุษยชน” ระบาดหนัก ชะตากรรมของ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” จึงยิ่งเป็นเรื่องโหดร้าย นักสิทธิมนุษยชนของไทยที่คอยปกป้องม็อบก่อการร้ายพันธมิตรกลับเฉยเมยต่อชะตากรรมของเขา นักสิทธิมนุษยชนของไทยจึงเป็น “นักสิทธิมนุษยชนแบบพอเพียง” ที่ขี้ขลาดพอที่จะเลือกเล่นเพียงบางเรื่องเท่านั้น
โทษที่ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ได้รับนั้นเกินกว่าเหตุ เขาไม่ได้ฆ่าคนตาย เขาไม่ได้ปล้นหรือไปข่มขืนใคร เขาไม่ได้วางระเบิดหรือก่อรัฐประหาร เขาเขียนไปตามสิ่งที่เขานึกคิด แต่กลับได้รับโทษร้ายแรงเหลือเชื่อ
ตามมาติดๆ ในข้อหาเดียวกันกับ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” คือ “สุวิชา ท่าค้อ” เขาเป็นคนไทยที่ไม่เข้าใจคำว่า “เสรีภาพแบบพอเพียง” ดังนั้นเขาจึงประสบเคราะห์กรรมเดียวกับ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส”
เขาโดนคุมตัวกลางเดือนมกราคม 52 โดยไม่ได้รับการประกัน ต้องยกเครดิตให้กับเว็บไซต์ประชาไทที่ติดตามความเป็นไปในเรื่องนี้
สุวิชา ท่าค้อ พรั่งพรูถ้อยคำรันทด อ่านแล้วน้ำตาซึมว่า
“ผมไม่ต้องการอะไร ผมคิดถึงลูกมาก แต่จะให้ลูกมาเจอผมที่นี่ ผมยอมไม่ได้ ผมอยากเจอลูก อยากออกไปพบลูก แต่ผมไม่อยากให้ลูกมาเจอผมในนี้ ในสภาพแบบนี้ ผมบอกเมียผมเด็ดขาดว่าอย่าให้ลูกรู้ ให้เขากลับไปดูแลลูก ผมคิดถึงลูกมาก เวลาพักจากงาน ผมนอนกอดลูกเกือบทุกคืน ตำรวจที่จับกุมผม เขาบอกผมว่า เขาก็มีครอบครัวเหมือนกัน เขาเข้าใจ ขอแค่ผมตอบคำถามเขาให้หมด ให้ผมให้ความร่วมมือ เขาก็จะให้ผมกลับบ้านไปอยู่กับลูก เขาเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง พูดจาดีต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็เอาผมมาฝากขัง”
http://www.prachatai.com/05web/th/home/15329
www.212cafe.com/.../view.php?user=tvs007&id=604
“สุวิชา ท่าค้อ” เป็นวิศวกร ที่ชอบเล่นกีฬาร่มบินหรือพารามอเตอร์ เขาคงจะดื่มด่ำกับเสรีภาพขณะลอยอยู่บนท้องฟ้าแต่ตอนนี้เขามีแต่ฝันร้าย เสรีภาพกลายเป็นอดีตไปแล้ว.
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สร้างความเจ็บปวดให้กับปัจเจกชนอย่างสาหัส คุกคามบั่นทอนเสรีภาพ ดักดานล้าหลังในโลกปัจจุบัน ผู้ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณายกเลิกก่อนที่ความทุกข์ร้อนที่ก่อไว้จะย้อนกลับมาเข้าตัว.