ถนนหนทางพาดวางวกวน ยาวเหยียดดั่งว่าจะประมาณการณ์ไม่ได้ว่า มันยาวไกลไปถึงดาวดวงไหน หากว่าระหว่างรอยต่อของหนทางทั้งหลายนั้นคือจุดบรรจบพบกันของผู้คน บางการประสบ มีสภาพสภาวะเป็นเพียงทางแยก แต่มีบางเส้นทางในบางคราวที่ทอดยาวคู่กันไป บางจังหวะก็แยกออก บางจังหวะก็แนบชิด นั่นก็ว่าไปตามสภาวะของผืนดิน ภูเขาแม่น้ำ และในการเคียงข้างไปของหนทางนั้นจะสั้นยาวอย่างไร ก็คงเป็นไปด้วยเงื่อนไขที่ต่างกัน แต่ที่สุดแล้ว ผู้คนก็คงต้องเลือกทางของตัวเองเสมอ ไม่ว่าทางนั้นจะเป็นทางที่เขาผู้นั้นเลือกเอง หรือทางที่ถูกเลือกไว้ หรือกระทั่งทางที่ถูกโชคชะตาบังคับเลือก จะพึงใจหรือไม่พึงใจ มันก็ต้องเป็นไปอย่างนั้นอยู่ดี
ทั้งหมดนั้นในการพานพบ มันคงมิได้เพียงเป็นไปแต่ทางกายภาพ ด้วยผู้คนมิได้มีแต่เพียงร่างกายสังขาร แต่สิ่งที่เดินทางเคียงคู่กับคนคือความคิด จิตวิญญาณ จินตนาการ แรงบันดาลใจ และสิ่งที่เรามักพกพามาหล่อเลี้ยงหัวใจ นั่นก็คือ ความฝันนั่นเอง ว่าด้วยเรื่องความฝัน บางคนมีความฝันเป็นเป้าหมาย บางคนก็เพียงมีความไว้ปลอบใจตัวเอง บางคนก็เพียงพกพาความฝัน เพื่อให้เป็นแรงขับให้ก้าวเดิน หรือเพื่อเป้าหมายอะไรต่อมิอะไรก็ว่ากันไปตามแต่ตนเถิด
ในการผ่านพบบางคนในบางคราว เรื่องราวที่เล่ากันอาจมิได้มีเพียงภาพผ่านในการเดินทางเท่านั้น หากแต่ได้บอกเล่าแลกเปลี่ยนภาพฝัน ณ จุดบรรจบของหนทาง ความจริงมันอาจเป็นคนละทางของจุดบรรจบของความฝัน เช่นนั้นแล้ว บนหนทางอันยาวไกล จึงมีผู้คนมากมาย ที่เดินทางอยู่บนทางแห่งความฝัน ที่ประสบพบพานกันอยู่ตลอดเวลา อาจจะต่างมิติในบางขณะ แต่เชื่อได้ว่า ความฝันของเราได้พบกัน ณ บางแห่งบางหน บนหนทางอันยาวไกลนั้น ช่างเถิดว่าจะได้พบพานกันในโลกจริง เพราะเพียงนี้เราก็รู้อยู่ว่า ความฝันของเรามิได้เดินทางอยู่เพียงลำพัง
เมื่อฝันได้พานพบ นั่นอาจทำให้ภาพฝันของเราชัดเจน ทำให้ฝันของเราต่างก็ชัดเจน ได้เติมสีสันให้สดใส เป็นการจุดประกายไฟให้แจ่มจ้า อิ่มเอมและมีพลัง เพียงเท่านี้ก็ดีนักแล้ว