Skip to main content

วรรณกรรมที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ว่าทำไม่ได้ดีเท่าตอนเป็นหนังสือ แต่ “ผีเสื้อและดอกไม้” ต่างออกไป สวยงามในคราที่เป็นหนังสือและสมบูรณ์แบบแทบไร้ที่ติเมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายประมาณปี 2528 ด้วยผลงานการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และรับบทนำโดย สุริยา เยาวสังข์ ซึ่งเคยมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป


ผมเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่อาจารย์ภาษาไทยบังคับให้อ่านโดยให้เลือกเอาระหว่าง “ข้างหลังภาพ” กับ “ผีเสื้อและดอกไม้” ผมเลือกอ่าน “ผีเสื้อและดอกไม้” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ข้างหลังภาพ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัก ๆ ใคร่ ๆ ของผู้ใหญ่ที่ดูจะซับซ้อน เด็ก ๆ ยากจะเข้าใจในขณะที่ “ผีเสื้อและดอกไม้” แค่ชื่อก็ฟังดูชวนฝันทั้งยังกล่าวถึงเรื่องราวของเด็ก ๆ ซึ่งใกล้ตัวกว่า


อย่างไรก็ตาม ความประทับใจ “ผีเสื้อและดอกไม้” ไม่ได้เกิดขึ้นจากการอ่านในวัยเยาว์ที่ถูกอาจารย์บังคับให้อ่าน หากแต่เกิดจากการอ่านและชมภาพยนตร์เมื่อคราที่วัยเยาว์ผ่านพ้นไปแล้วหลายปี


ความประทับใจเกิดขึ้นจากการที่ภาพยนตร์สะกิดให้รำลึกถึงวัยเยาว์(ของตนเอง)ที่ผันผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ จะเรียกว่าโหยหาอดีตก็ได้


ความน่าสนใจประการหนึ่งของ “ผีเสื้อและดอกไม้” อยู่ที่การแปรเปลี่ยนความรันทดให้กลายเป็นความหวัง ความเอื้ออาทรต่อกัน ยกระดับการเล่าเรื่องแห่งความแร้นแค้นออกมาได้โดยโดยที่ไม่ต้องนำผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับความแร้นแค้นนั้นโดยตรงแต่กลับกลายเป็นเรื่องเล่าแห่งความดีงาม





ผีเสื้อและดอกไม้” เล่าถึงชีวิตของ ฮูยัน เด็กชายมุสลิมวัย 13 อาศัย อยู่กับพ่อ (รับบทโดย สุเชาว์ พงษ์วิไล) และน้องอีกสองคน


เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวทั้งที่เรียนได้ที่ 1 มาโดยตลอด เขาเข้าเรียนช้ากว่าคนอื่นแต่กลับต้องออกก่อน


ฮูยันทำงานเท่าที่เด็กรุ่นเขาจะทำได้นั่นคือขายไอศกรีมแท่ง เขาเดินเข้าไปขายภายในโรงเรียนโดยไม่ขลาดอายต่อสายตาของเพื่อน ๆ


เคราะห์กรรมซ้ำเติมอย่างเจ็บปวดลึกซึ้งเมื่อพ่อของฮูยันประสบอุบัติเหตุจนพิการ ทำงานไม่ได้ ดังนั้นนอกจากน้องที่ยังไร้เดียงสาซึ่งเขาต้องส่งเสียให้เรียนหนังสือแล้ว เขาต้องดูแลรับผิดชอบพ่ออีกคน


ฉากที่ ฮูยัน เข้าไปร่ำลาคุณครู (แสดงโดย ดวงใจ หทัยกาญจน์) นั้นซาบซึ้งใจ คุณครูมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรักและกล่าวกับเขาด้วยคำง่าย ๆ แต่กินใจเหลือประมาณ (ผมจำได้จดบทสนทนาตรงนี้ไว้ในสมุดบันทึก แต่หาไม่เจอแล้วว่าอยู่เล่มไหน) เขาเดินออกจากโรงเรียน ร่ำลาต้นไม้ที่เขาปลูก บอกต้นไม้ว่า

"อยู่ที่นี่ดีๆ นะ ต้องโตขึ้นให้เท่ากับต้นฉำฉาหน้าโรงเรียน แล้วเราจะมาดูทุกวัน"


ดูเหมือนต้นไม้จะรับรู้การจากไปของเขาโดยการทิ้งใบลงมา เหมือนดั่งการสิ้นสุดของชีวิตวัยเรียนซึ่งเป็นปฐมบทของการเรียนรู้จากชีวิตจริง


แม้จะลำบากยากจน แต่ฮูยันก็ได้รับคำสอนดี ๆ จากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคุณครูหรือพ่อของเขาเองที่พร่ำสอนอยู่เสมอว่าให้ทรนงในเกียรติของตนเอง ฮูยันไม่ได้คร่ำครวญในโชคชะตาที่ส่งให้เขาต้องรับภาระหนักเกินตัว เขามองเห็นโลกในแง่งามซึ่งที่แท้แล้วมันเกิดมาจากความงามในจิตใจเขานั่นเอง


ในเวลาต่อมา ฮูยัน ขยับทำงานที่เสี่ยงมากขึ้นคือขนข้าวสารข้ามแดนจากบ้านไปสู่สุไหงโกลก เขาได้รู้จักกับเด็กอีกหลายคนที่ทำงานผิดกฎหมาย ขนของหนีภาษี คอยหลบหนีตำรวจ โลกแห่งความเป็นจริงได้เผยให้เขารู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ยังรักษาฟูมฟักความดีงามในหัวใจเขาเอาไว้ได้


มิมปี เพื่อนร่วมชั้นของฮูยัน เธอช่วยแม่ค้าขายโดยสารไปมากับขบวนรถไฟ เธอคือสิ่งที่เข้ามาเติมดวงใจของฮูยัน ฮูยันถามมิมปีว่าทำไมถึงชอบผีเสื้อ มิมปีตอบว่า

"ฉันเคยบอกเธอ เรื่องที่จะเที่ยวไปให้ไกล เธอจำได้ไหม... เหมือนกับผีเสื้อ ที่มันบินไปไหนก็ได้ ผีเสื้อน่ะได้พบดอกไม้มากที่สุด แล้วดอกไม้ก็สวย การได้พบกับของสวยๆ นี่นับว่าเป็นโชคดีนะ"


นอกจากนี้แล้ว ”ผีเสื้อและดอกไม้” เป็นวรรณกรรมที่เผยให้เห็นด้านที่รุ่มรวยและน่าชื่นชมของวัฒนธรรมอิสลาม วัฒนธรรมอิสลามถูกนำเสนออย่างมีคุณค่าและมีพลังโดยไม่จำเป็นต้องยกคำอ้างจากคัมภีร์


ผีเสื้อและดอกไม้” คือวรรณกรรมและภาพยนตร์ที่ยืนยันว่าความลำเค็ญไม่ได้ทำให้ความงดงามแห่งวัยเยาว์มัวหมองลงไปได้ แต่ยิ่งกลับทำให้งดงามเหมือนดอกไม้ และเปี่ยมด้วยจินตนาการดั่งการเดินทางของผีเสื้อ.

 

 

 

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
เย็นวันหนึ่ง สายรุ้งออกไปเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่วันนี้แม่ของเขาไม่ไปด้วย เพราะมีเพื่อนของแม่มาหาที่บ้าน สายรุ้งจึงไปกับเด่นสองคน สายรุ้งใส่ชุดกีฬาสีขาวตัวโปรด ใส่รองเท้าสีแดงที่แม่เพิ่งซื้อให้ใหม่ ส่วนเด่นใส่สีแดงทั้งชุด“ใส่ชุดนี้แล้วทำประตูได้ทุกที” เด่นคุย สายรุ้งนำฟุตบอลไปด้วย เขาใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน แล้วก็บึ่งไปยังสวนสาธารณะพร้อมเด่นเหมือนเคย มีเพื่อนบางคนรออยู่แล้ว พวกเขากำลังเล่นลิงชิงบอลกันอยู่เป็นการวอร์มร่างกาย จากนั้นก็แบ่งทีมกัน พอแบ่งทีมเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เล่น แต่วันนี้มีเด็กสองคนที่สายรุ้งไม่เคยเห็นมาก่อนมาขอเล่นด้วย“สองคนนี่เพิ่งย้ายมา” เด่นกระซิบ “…
นาลกะ
ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว สายรุ้งใช้เวลาอยู่กับแม่เกือบตลอด มีเพียงที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเด่นหรือไปที่บ้านคุณตาเท่านั้นที่ห่างจากสายตาแม่ คุณตาจะสอนให้เขาปลูกต้นไม้ ให้เขาเห็นความสำคัญของต้นไม้ที่มีต่อชีวิตและต่อสิ่งแวดล้อม“ต้นไม้แทบไม่เหลือแล้ว” คุณตาบ่น “มีแต่หมู่บ้านจัดสรร”,คุณตาชอบบ่นเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรอยู่บ่อย ๆ คุณตาบอกว่าหมู่บ้านจัดสรรทำลายสิ่งแวดล้อม แต่สายรุ้งยังไม่เข้าใจว่าหมู่บ้านจัดสรรจะทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรแม่จะหาโอกาสพาสายรุ้งไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้สายรุ้งเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน   เย็นวันหนึ่งแม่พาสายรุ้ง เด่นและสุนัขโอเว่นไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ…
นาลกะ
เมื่อมะม่วงต้นใหญ่ที่หน้าบ้านหักโค่นลง คุณปู่ เด่น และสายรุ้งก็จัดการเลื่อยออกเป็นท่อน ขัดอย่างดี แล้วทำเป็นโต๊ะกับม้านั่ง สายรุ้งมักจะชอบนั่งทำการบ้านตรงนั้น สัตว์หลากชนิดที่เลี้ยงไว้ก็จะเข้ามาห้อมล้อมสายรุ้ง โดยเฉพาะเจ้าโอเว่น สุนัขแสนรู้ ที่ชอบกระโดดให้ดูอยู่เสมอแล้วเวลาที่เด่นหรือเพื่อน ๆ มาหาสายรุ้งที่บ้าน โอเว่นก็มักจะอวดการกระโดดสูงให้เพื่อน ๆ ของสายรุ้งชม แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายก็เกิดขึ้นกับโอเว่น จนต้องนอนซมไปหลายวัน คืนหนึ่งมีฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งคืน ลมก็พัดแรง แล้วพอรุ่งเช้าปรากฏว่ากิ่งไม้หักรานไปหลายกิ่งเพราะแรงลมพัดกระหน่ำ ใบไม้หล่นเกลื่อนกราดเต็มลานหน้าบ้าน…