“ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก(Man and Wife)” คือนิยายอันละเมียดบรรจงของ Tony Parsons เป็นผลงานภาคต่อจาก “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ (Man and Boy)” ซึ่งเคยสร้างความเกรียวกราวในแวดวงนักอ่านได้มากพอสมควร(ผมเคยวิจารณ์ไว้แล้วที่ http://blogazine.prachatai.com/user/nalaka/post/1562 ) ฝีมือแปลโดย ภัสรี สิงหเดช
\\/--break--\>
คล้ายคลึงกับเล่มก่อนหน้า “ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก(Man and Wife)” อาจไม่ใช่นิยายสำหรับคนหนุ่มสาวที่กำลังงุนงงสงสัยต่อคุณค่าความหมายของชีวิตหรือโหยหาเทิดทูนเสรีภาพ อยากออกไปโลดแล่นในโลกกว้างอย่างไร้ข้อจำกัด หรืออาจไม่ใช่นิยายสำหรับคนที่คิดขบถต่อแบบแผนหลักของสังคม ทั้งยังไม่ใช่นิยายแห่งแรงดลใจสำหรับความมุ่งมั่นบางอย่างในชีวิต หากแต่เป็นนิยายของคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เป็นนิยายของคนที่คิดจะมีครอบครัว คนที่กำลังจะมีครอบครัว ที่มีครอบครัวแล้ว ที่กำลังจะหย่าร้าง คนที่จะแต่งงานใหม่ ที่เป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงและเผชิญปัญหาเรื่องครอบครัวผสม
เรื่องราวทั้งหมดจึงเป็นเรื่องของการแสวงหาความลงตัวในชีวิต “ครอบครัว” มองหาความสมบูรณ์แห่งชีวิตจากครอบครัว ในขณะที่หัวใจยังไม่อิ่มเต็ม อย่างไรก็ตามการมีครอบครัวไม่ใช่สิ่งสำเร็จรูปที่จะสร้างชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้เสมอไป ตรงกันข้าม หลายคนล้มเหลว เข็ดหลาบและได้ซึ้งใจว่า “ครอบครัว” ก่อให้เกิดคำถามและปัญหาตามมามากมาย
ในภาคนี้มีตัวละครน่าสนใจเพิ่มเข้ามาคือ คาซึมิ ผู้หญิง “พิเศษ” ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางแสวงโชคไกลถึงอังกฤษ
ที่ช่วยถักทอเรื่องราวให้เข้มข้นด้วยปมปัญหาที่ซับซ้อน
ส่วนตัวละครหลัก ๆ ยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น จีน่า- อดีตภรรยาของแฮร์รี่ แพ็ต-ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ซี้ด-ภรรยาคนใหม่ เพ็กกี้- ลูกเลี้ยง เอมอน ฟิช- เพื่อนร่วมงานผู้ซึ่งสร้างสีสันด้วยมุมมองน่าทึ่งเฉพาะตัว เขาบอกกับแฮร์รี่ในตอนหนึ่งว่า
“ผู้หญิงน่ะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่น่าต้องเข้าใจก็คือในช่วงวัยต่าง ๆ ของชีวิต ผู้หญิงก็เหมือนกับโลกเรานี่เอง ช่วงอายุสิบสามถึงสิบแปดก็เป็นเหมือนทวีปแอฟริกา ดินแดนที่ยังบริสุทธิ์ ระหว่างสิบแปดถึงสามสิบก็เหมือนเอเชีย ร้อนแรงน่าตื่นเต้น จากสามสิบถึงสี่สิบห้าก็เหมือนอเมริกา ถูกสำรวจหมดแล้วแต่ยังมีทรัพยากรให้ใช้ได้อีกมาก จากสี่สิบห้าถึงห้าสิบห้าก็ยุโรป อาจจะล้าไปสักหน่อย หมดสภาพไปสักนิด แต่ก็ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ทีนี้จากห้าสิบห้าขึ้นไปล่ะก็จะเหมือนออสเตรเลียเลย ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น แต่น้อยคนจะยอมลงทุนไปค้นหา” (หน้า 132)
เนื้อหาของเรื่องถูกขับเคลื่อนไปด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งแวดล้อมแก่นแกนหลักว่าด้วยเรื่องการแสวงหาความลงตัวของชีวิตครอบครัว ดำดิ่งลงสู่ความรู้สึกนึกคิดอันละเอียดซึ่ง ความอ่อนแอ การโหยหาสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตอันเนื่องมาจากความรู้สึกขาดหายอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเลิกร้างกับจีน่าอันเนื่องมาจากถูกจับได้ว่านอกใจแล้ว แฮร์รี่ก็แต่งงานใหม่กับซี้ดสาวชาวอเมริกันผู้ชาญฉลาดซึ่งมีลูกเลี้ยงติดพ่วงมาด้วย ชีวิตครอบครัวดูเหมือนจะไปด้วยดีในตอนแรก ความฉลาด งามล้ำของซี้ด และความสุขสมในเพศรสช่วยพยุงชีวิตคู่ไว้ได้มาก แต่ในเวลาต่อมา ความหึงหวง ความไม่เข้าใจกัน ช่องว่างระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง คือซี้ดกับแพ็ต ระหว่างพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง คือ แฮร์รี่กับเพ็กกี้ ก็ทำให้เกิดความระหองระแหงขึ้น
“พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงมีหน้าที่ที่จะไม่มีวันได้รับคำขอบคุณ พวกเราไม่มีวันชนะ ถ้าไม่ใช่วุ่นวายกับคนแปลกหน้าตัวจ้อยนี่มากเกินไปก็น้อยเกินไป” (หน้า 174)
การค้นพบคาซึมิ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ขยายรอยร้าวของชีวิตคู่จนเกือบแตกหักและบังคับให้แฮร์รี่ต้องตัดสินใจเลือก
คาซึมิ เป็นเพื่อนของจีน่าเป็นผู้หญิงอ่อนโยนโรแมนติคในแบบของคนเอเชีย เธอทำงานเป็นช่างภาพ เธอพูดเกี่ยวกับการถ่ายภาพไว้ว่า
“มีคนพูดไว้เกี่ยวกับการถ่ายรูปค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นกวี มันเหมือนการชมดอกซากุระ ช่วงเวลานั้นน่าสนใจเพราะว่าเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ถนอมรักษาช่วงเวลาไว้มิให้ผ่านเลย” (หน้า 187)
แฮร์รี่เคยคิดว่าชีวิตคู่จะจบลงที่ซี้ด เขาคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว เขาอยากจะสร้างครอบครัวให้มั่นคงเหมือนพ่อแม่ของเขา ที่อยู่ด้วยกันจนตายจากกันไป แต่แล้ว คาซึมิก็ทำให้เขาคิดใหม่ เขาลุ่มหลงและสับสน
“ขณะที่คาซึมิหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนผม ผมนึกสงสัยว่าจะทำให้ชีวิตนิ่งได้อย่างไร ด้วยการอยู่กับที่กระนั้นหรือ หรือด้วยการเริ่มใหม่อยู่ร่ำไป” (หน้า 247)
ไม่ว่าแฮร์รี่จะตัดสินใจเลือกใครต่างก็ต้องลงเอยด้วยความเจ็บปวดทั้งสิ้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิงดีเลิศสองคน แต่อยู่ที่ตัวเขาเอง
“ผมรู้ผมสามารถทำอย่างที่คนทั่วไปมักจะปฏิบัติกัน ผมอาจพยายามทำให้ซี้ดมีความสุขเพียงครึ่งเดียว ในขณะที่เก็บคาซึมิไว้และทำให้เธอมีความสุขเพียงครึ่งหนึ่งเช่นกัน มีอะไรกับคนทั้งสองเท่าที่จะทำไหว ผมคงพอจะรอดตัวไปได้ด้วยการโกหกทุกคน ทั้งซี้ด ทั้งคาซึมิ แต่ที่หนักที่สุดคือโกหกตัวเอง บอกตัวเองว่ารักทั้งสองคนอย่างแท้จริง อย่างซาบซึ้งตรึงใจ แต่การพยายามรักผู้หญิงทั้งสองคน ในที่สุดก็จะจบลงด้วยการไม่อาจรักใครได้เลยสักคน” (หน้า 336)
อย่างไรก็ตาม ด้วยความผูกพันและความเป็นครอบครัว แฮร์รี่เลือกที่จะอยู่กับซี้ดต่อไป แต่แฮร์รี่นั้นอาจเปลี่ยนใจอีกก็ได้เพราะหัวใจของเขาไม่เคยอิ่มเต็ม.