Skip to main content
ในนาทีที่แม่ล้มลง แม่รู้ตัวว่าเจ้าอาการที่แม่หวาดกลัวนั้นกลับมาแล้ว และครั้งนี้แม่หวั่นใจว่าแม่จะไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้ แม่นอนตะแคงมองดูแสงไฟจากรถราบนท้องถนนวิ่งผ่าน มองท่อนขาที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วของผู้คนที่ไม่มีหยุดแล้วก้มลงถาม แม่รู้สึกเจ็บปวด ในหัวใจแม่เหมือนถูกบีบคั้นจากมือที่มองไม่เห็น แม่ตระหนักว่าตัวเองกำลังจะตาย แม่วิงวอน แม่ร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกเหมือนในทุกครั้งที่แม่จนปัญญา จนกำลังใช้สองมือไขว่คว้า ยังไม่ใช่ตอนนี้ ลูกขอร้อง ยังไม่ใช่ตอนนี้ พลันแสงสว่างวาบขึ้น แวบแรกแม่คิดว่าเป็นแสงจากไฟหน้ารถ แต่แล้วเมื่อแสงวูบลง กลับปรากฏท่อนขาใครบางคนหยุดยืนเบื้องหน้า ก่อนเสียงคุ้นเคยจะดังให้แม่ได้ยิน กลับบ้านของเรากันนะแม่นะ แม่รู้ว่าแม่เป็นแค่ชาวบ้านจนๆ แต่อยากให้พวกคุณฟังแม่ ฟังผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง แม่เป็นคนหาเช้ากินค่ำคนหนึ่ง แม่หอบเสื่อเร่ให้คนเช่าวันๆ หนึ่งแม่ได้ไม่กี่ตังค์ ก็ส่งให้ลูกมันได้เรียนหมด มันจะเอาไปใช้ยังไง ไปทำอะไรที่ไหน แม่ไม่เคยรู้ แต่มันไม่เคยขอแม่เพิ่ม พอเสาร์-อาทิตย์ทีมันก็จะลงมาหาแม่ เอาเงินที่แม่ส่งธนาณัติไปมาคืน ซื้อของที่แม่ชอบมาให้ และอยู่กับแม่จนคืนวันอาทิตย์จึงกลับไปเรียน ปิดเทอมมันก็มาอยู่ช่วยแม่จนเปิดเทอม แม่ถามมันเสมอ เรียนเป็นยังไง ไปเที่ยวบ้างไหม ลูกของแม่มันไม่ชอบเที่ยว มันชอบทำกิจกรรม แม่เรียนน้อย แต่แม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกทำคืออะไร แม่ไม่เคยสงสัยในสิ่งที่ลูกมันทำ ถ้าเด็กที่เราส่งให้เรียนสูงๆ ไม่ฉลาดกว่าเราจะส่งเรียนทำไมใช่ไหม แม่จึงเชื่อมั่นในตัวลูก เชื่อว่าทุกๆ การกระทำของลูก มันคิดดีแล้ว แม่แค่ห่วงมันเท่านั้น เห็นคนถูกจับไป เป็นข่าวก็มี ที่ไม่เป็นข่าวก็มี แม่ไม่ใช่คนหัวรุนแรง ลูกแม่ก็ไม่ใช่ มันแค่ไม่ชอบเห็นความไม่ยุติธรรม พวกคุณก็เหมือนกันใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงไม่มาทำหน้าที่นี้ เปล่าๆ นะคะ แม่ไม่ได้จะบอกว่าเราเหมือนกัน หรือคิดจะยกตัวเทียบ แม่แค่บอกว่าลูกของแม่มันเป็นคนเช่นไร สมัยเด็ก มันเคยเห็นเพื่อนถูกเด็กโตกว่าแกล้ง ทั้งที่ตัวมันนิดเดียว มันก็เข้าไปช่วยเขา โดนซ้อมซะฟันหัก ร้องห่มร้องไห้บอกเจ็บใจ ทำไมคนเราถึงชอบแกล้งกัน ทำไมคนที่มีกำลังมากกว่าถึงชอบทำร้ายคนที่มีกำลังน้อยกว่า ทำไมพวกนั้นไม่ปกป้อง แม่ก็ได้แต่สงสารมันจับใจ แม่เรียนไม่สูง ไม่รู้จะปลอบมันยังไง ก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรๆ แล้วก็กอดมัน แม่ทำได้แค่นั้น โตมานิสัยนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน แม่ถูกเรียกไปพบครูหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งจะเป็นเรื่องทะเลาะกับเด็กโตกว่า สาเหตุก็มาจากเรื่องเดิมๆ แต่การเรียนมันไม่เคยบกพร่อง มันเรียนได้ดีเสมอ ครูจึงเตือนแม่ ครูบอกว่าครูเข้าใจนิสัยลูกแม่ แต่ครูห่วงมัน ขืนมันยังมีเรื่องบ่อยๆ การเรียนจะเสีย ครูเสียดายความตั้งใจเรียนของมัน แม่จึงขอร้องมัน มันก็รับคำ ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ปีนั้นเกิดรัฐประหาร แม่ไม่เคยคิดว่ามันจะไปต่อต้านอะไรกับคณะผู้ปกครอง ไม่คิดจริงๆ เรามันคนจนนะคะ แล้วแม่ก็เข้าใจเหตุผลที่พวกท่านเข้ามา แม่รู้ว่าพวกท่านไม่อยากเห็นคนในประเทศฆ่ากันเองใช่ไหม แม่ก็ไม่อยากเห็น ไม่มีใครอยากเห็น พวกคุณเองก็ด้วย แต่เมื่อลูกแม่ถูกจับ แม่ถูกเรียกให้มาให้ปากคำ แม่จะบอกอะไรได้ แม่ไม่ได้อยู่ด้วย แม่ไม่ได้จะต่อต้านกฎหมาย ต่อต้านบ้านเมือง แต่แม่เชื่อว่าลูกแม่ไม่ได้ทำสิ่งที่ผิด เพราะว่าผิดมันอยู่ที่สายตาใคร แม่เคยถูกแม่ของเด็กที่ลูกแม่ทะเลาะด้วยว่าเป็นลูกชนชั้นต่ำ แม่เป็นยังไงลูกเป็นยังงั้น เด็กแบบนี้ลงท้ายก็กลายเป็นโจร เป็นหัวขโมย แม่ก็ไม่ได้ไปเถียงอะไรเขา ได้แต่ขอโทษ เพราะลูกเราไปชกต่อยลูกเขาจริง เหมือนในครั้งนี้ แม่ไม่ได้บอกว่าลูกแม่ถูกต้องถ้าพวกคุณบอกลูกแม่ทำผิดกฎหมาย แม่ก็เชื่อ แต่ในฐานะแม่ แม่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ลูกมันทำ ไม่ใช่สิ่งผิดเช่นกัน หลังจากนี้ อยู่ที่พวกคุณจะตัดสิน เพราะแม่พูดสิ่งที่แม่เชื่อไปแล้ว เรามันคนจน ให้เราตะโกน ให้เราร้องไห้ ให้เราถูกทำร้าย หรือต่อให้ถูกฆ่า พวกคุณก็ไม่เคยฟังจริงๆ อย่างมากพวกคุณก็แค่สงสาร แล้วบอกพวกเราต้องยอมรับ เพราะมันเป็นกรรมเก่า แม่จะไม่เรียกร้องอะไร แม่ไม่มีกำลัง แม่ไม่มีเงิน สุขภาพแม่ไม่แข็งแรง แม่มีโรคหัวใจ แต่มันไม่ได้อ่อนแอ มันยังเต้นอยู่ และยังเต้นไปเรื่อยๆ แต่เสียงของแม่เบาเหลือเกิน เล็กน้อยเหลือเกิน แม่ทำได้แค่นี้ ลูกของแม่ไม่ได้ผิด มันแค่ทำในสิ่งที่พวกคุณไม่ชอบ สิ่งที่ผิดกฎหมายที่พวกคุณเป็นผู้กำหนดเท่านั้น แม่ยิ้มกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าในแสงสว่าง มือที่สิ้นเรี่ยวแรงไปกลับขยับ แม่รู้สึกได้ แม่อยากสัมผัสใบหน้านั้น อยากดึงร่างนั้นมาโอบกอดเหมือนเมื่อครั้งนานมาแล้วอีกครั้ง แล้วเสียงนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครา แม่ยิ้ม แสงสว่างค่อยๆ วูบลง แม่หลับตา จากนั้นรู้สึกถึงร่างที่ลอยขึ้น สูงขึ้น แม่ลืมตา ดวงดาวเคลื่อนเข้ามาใกล้กว่าที่เคย แม่หันกลับลงมามอง ร่างของแม่กับลูกยืนอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้าง ต่อเบื้องหน้าเมรุในงานศพที่ไร้แขกเหรื่อ ลูกน้อยถามแม่ ‘เราจะได้เจอพ่ออีกไหมครับ’ ‘แม่ไม่รู้หรอกลูก’ ‘แม่จะไม่ไปไหนใช่ไหม’ ในภาพนั้นพร่าเลือนจากวันเวลาที่เอ่อท้นด้วยน้ำตาจากอดีต แม่ได้แต่พร่ำตะโกนในเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ “...สมาชิกทุกท่านโปรดยืนขึ้นกล่าวคำถวายพระพรชัยแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” เสียงจากหน้าจอทีวีเบื้องนอกห้องขังลอยเข้ามาได้ยิน ลูกลืมตาตื่นอย่างไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเสียงจากทีวีที่ลอยเข้ามาในห้องขังมืดมิด หรือเพราะภาพความฝันเมื่อวัยเยาว์ในวันสุดท้ายของงานศพพ่อที่ไม่มีใครมา และคงไม่มีใครจดจำ “มีอะไรรึ?” เพื่อนร่วมห้องขังที่นอนติดกันเอ่ยถาม “จู่ๆ ก็ฝันถึงแม่ครับพี่” “คงคิดถึงแม่สินะ นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องขึ้นศาลอีกรอบไม่ใช่เหรอ หวังว่าครั้งนี้ศาลจะปล่อยตัวเอ็ง แผ่นดินใหม่แล้ว” ลูกมองความมืดของเพดาน มันดูไกลและลึกเกินหยั่งถึงกว่าทุกคืนที่ผ่านมา “ผมก็หวังครับ” ลูกหลับตา แล้วรู้สึก ไม่ว่าจะลืมหรือหลับตา ความมืดนั้นไม่แตกต่างแต่อย่างใด

บล็อกของ nithi.n

nithi.n
คืนวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2560 พลเอกประยุทธ์ จันทร์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ในฐานะของนายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเรื่องประกาศใช้รัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาที่กล่าวย้อนกลับไปยังวันเดียวกันนี้เมื่อ 235 ปีก่อนเป็นวันสถาปนาราชวงศ์จักรี เริ่มต้นรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
nithi.n
ในนาทีที่แม่ล้มลง แม่รู้ตัวว่าเจ้าอาการที่แม่หวาดกลัวนั้นกลับมาแล้ว และครั้งนี้แม่หวั่นใจว่าแม่จะไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้ แม่นอนตะแคงมองดูแสงไฟจากรถราบนท้องถนนวิ่งผ่าน มองท่อนขาที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วของผู้คนที่ไม่มีหยุดแล้วก้มลงถาม แม่รู้สึกเจ็บปวด ในหัวใจแม่เหมือนถูกบีบคั้นจากมือที่มองไม่เห็น แม่