Skip to main content

อิจฉาญี่ปุ่นมากที่ช่วงนี้กำลังจะมีเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 10 ก.ค.นี้ และก็มีชาวญี่ปุ่นบางส่วนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้วเมื่อวาน (จันทร์ที่ 4) คือทางการญี่ปุ่นเค้าจะส่งจม.แจ้งผู้มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์นอกประเทศก่อนและให้ผู้ใช้สิทธิ์ไปลงคะแนนที่สถานทูตล่วงหน้า โดยส่งใบลงคะแนนเสียงใส่ซองปิดมิดชิดสามชั้นยื่นให้ที่สถานทูตฯได้เลย โดยใช้เวลาแค่เพียงแปบเดียว 

ในส่วนของบัตรลงคะแนนเสียงของญี่ปุ่นน่าสนใจมาก คือ ต้องเขียน ชื่อ นามสกุลเต็ม และชื่อพรรคของคนที่เราจะเลือกด้วย ไม่ใช่แค่กากบาทแบบบ้านเรา  (ซึ่งอันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขียนฮิระงะนะได้ไหม แต่ส่วนใหญ่ก็เขียนคันจิลงไป) ที่ตื่นเต้นคือในการเลือกตั้งคราวน ี้คนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ก็มีสิทธิ์เลือกตั้งได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่มีการประกาศใช้ข้อกำหนดลดอายุจาก 20 เป็น 18 ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนใหม่เมื่อปีที่แล้ว

ในการเลือกตั้งวุฒิสภาเพื่อไปนั่งในสภาสูงคราวนี้ คนที่มาแรงสุดคือ Yohei Miyake ผู้สมัครอิสระลงชิงตำแหน่งวุฒิสภาจากนครโตเกียว ซึ่งโยเฮเดิมนั้นเดิมเคยสังกัดอยู่พรรคกรีน (เป็นพรรคเล็กๆเกิดใหม่ที่ควบรวมระหว่างฝ่ายกรีนอนุรักษ์นิยมและซ้ายกรีนมารวมกัน) ปีนี้โยเฮได้ลงสมัครชิงที่นั่งของสภาสูงเป็นครั้งที่สอง หลังจากแป๊กเมื่อสามปีที่แล้ว เพราะดันลงสมัครแข่งระดับประเทศ ทั้งที่ตัวเองสังกัดกับพรรคเล็กจึงพลาดไปอย่างน่าเสียดาย รอบนี้จึงเดิมพันอีกครั้งที่โตเกียว เพราะมีโอกาสในการดึงคะแนนเสียงจากวัยรุ่นและวัยทำงานได้มากกว่า (ส่วนนึงของวุฒิสภาญี่ปุ่นจะเลือกตั้งทุก 3 ปี แต่มีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี)

ซึ่งนาย Yohei Miyake เป็นนักร้องแนวrock reggae/ anti-nuclear activist/ และเจ้าของselect shopออแกนิค ปัจจุบันนี้อายุ 37 ปี  จบจากคณะวรรณคดี มหาวิทยาลัยวาเซดะ แถมหย่าเมียไปแล้วหนึ่งคน

ช่วงหลายปีก่อนที่โยเฮจะเริ่มสนใจงานการเมือง โยเฮได้สะสมชื่อเสียงในวงการดนตรีร่วมไปกับการช่วยเหลือกิจกรรมทางสังคมต่างๆ จนกระทั่งเกิดวิกฤตหลายอย่างในญี่ปุ่น ทำให้โยเฮเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงหลังวิกฤตพลังงานนิวเคลียร์ปี 2011 โดยหลังภัยพิบัติที่เริ่มมีการรั่วไหลของรังสีใหม่ๆ โยเฮได้ย้ายไปอยู่ที่โอกินะวะ และก็เริ่มผันตัวเองจากนักร้องเร้กเก้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆจนตัดสินใจเดินสู่สนามการเมือง เพราะคิดว่า แค่ดนตรีไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความเป็นจริง (เท่สัส)

โดยการปราศรัยหาเสียงของโยเฮนั้นมีเอกลักษณ์ต่างจากนักการเมืองญี่ปุ่นทั่วไป โดยโยเฮจะร้องเพลงเกากีตาร์สลับพูดสปีชหรือบทกลอน โดยภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาบ้านๆไม่ใช่ศัพท์รุงรังเหมือนนักการเมืองเก๋าเกมส์ โยเฮจะพูดเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันที่คนญี่ปุ่นรู้สึกอึดอัด พูดถึงความเป็นไปได้และอนาคต ซึ่งสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจ ที่กระตุ้นความรู้สึกให้ทุกคนอยากออกมาแสดงความคิดเห็น และใช้สิทธิ์ใช้เสียงของตนเองเพื่อนำพาประเทศญี่ปุ่นไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมอย่างสันติ 

 

"ให้อภัยกัน ให้อภัยต่อกันและกัน

รักกัน ให้ความรักซึ่งกันและกัน

สู่สังคมที่เกื้อหนุน เพื่อกันและกัน"  

หนึ่งในวาทะการหาเสียงประกอบดนตรีของ Yohei Miyake ที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์กลอนแบบ Gil Scott-Heron

image from https://www.facebook.com/miyake.yohei123/?fref=photo

 

ซึ่งโยเฮเรียกการหาเสียงของตัวเองว่า เทศกาลเลือกตั้ง (ดู http://senkyofes.com/ ) โดยในการรณรงค์หาเสียงนั้น ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลมีเดีย facebook twitter และเว็บบล็อกส่วนตัว เพื่อส่งเสริมให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งและเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศญี่ปุ่น (และก็เพื่อสนับสนุนก็ให้เลือกตัวเองด้วยน่ะแหละ)

ซึ่งคนหนุ่มสาวที่ตามฟอลโลวโยเฮอยู่ก็ตามไปฟังแกหาเสียงเกาะขอบเวทีเต็มลานฮะจิโคหน้าสถานีชิบุยะจนเกือบล้นไปถึงสี่แยกหลายพันคน เมื่อเสาร์ที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา (https://www.facebook.com/events/702448923244116/) บวกกับเส้นสายในวงการดนตรี โยเฮก็ได้รวบรวมพรรคพวกนักดนตรี แรปเปอร์ เซเลปมาช่วยหาเสียงด้วยอีกแรง ทำให้ตอนนี้แกพีคมากและเป็นที่สนใจของสื่อและคนญี่ปุ่นทั่วไป

 

image from https://www.facebook.com/miyake.yohei123/?fref=photo

 

ในส่วนนโยบายแกที่ผลักดันหลักๆคือคิดมาเพื่อต้านนโยบายฝ่ายขวาชาตินิยมญี่ปุ่นของรัฐบาลอาเบะ โดยชูแคมเปญยกเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์ และต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มบทบาทกองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้คนหนุ่มสาวในญี่ปุ่นออกมาต่อต้านประท้วงกันมาก 

เริ่มที่เรื่องนิวเคลียร์ ที่มีกระแสต่อต้านหลังเกิดภัยพิบัติเมื่อปี 2011 เพราะวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ
ส่วนเรื่องการเพิ่มบทบาทกองกำลังญี่ปุ่น  ก็มีกระแสแรงมากเมื่อกลางปีที่แล้ว เพราะเหตุที่จะทำให้กองกำลังญี่ปุ่นออกไปรบนอกประเทศ ซึ่งหมายความว่ากองกำลังญี่ปุ่นสามารถเข้าร่วมสงครามได้นั่นล่ะ คนญี่ปุ่นก็ออกมาประท้วงกันหลายหมื่นคนหน้ารัฐสภาและมีการประท้วงเป็นหย่อมๆตามหัวเมืองใหญ่อีกหลายที่ทั้งใน เกียวโต โอซะกะ ซึ่งตอนนี้ก็ลุ้นกันอยู่ว่าไม่ให้ผ่านมติการออกเสียง 2 ใน 3 รอบสองในสภาสูง เพราะในครั้งแรกสภาล่างดันเอาด้วย

ซึ่งปัญหาพวกนี้ช่วยปลุกให้คนญี่ปุ่นวัยหนุ่มสาวกลับมาตื่นตัวและเข้าร่วมทางการเมืองมากขึ้น เพราะคนหนุ่มสาวญีปุ่นไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองซักเท่าไหร่ แถมเปอร์เซนต์การใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็น้อยมาก การเลือกตั้งใหญ่ล่าสุดนี้ก็ไม่ถึง 50% และการไม่ไปใช้สิทธิ์ของกลุ่มคนหนุ่มสาววัยทำงานนี่ล่ะ ก็เป็นส่วนช่วยให้อาเบะกลับมาเป็นนายกสมัยที่ 2 แถมชนะอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2014 เพราะมีแต่ป้าๆลุงๆไปเลือกตั้งกัน (ทั้งที่ตอนวันเลือกตั้งเปิดหีบตั้งแแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสองทุ่มแม่มไม่มีเวลากันเลยเหรอวะ)

สำหรับญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่กระแสการเคลื่อนไหวทางการเมืองของวัยแรงงานวัยหนุ่มสาวกลับมาบูมอีกครั้ง ซึ่งถือว่า นี่เป็นการปฏิวัติญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว (โยเฮเค้าว่ามางี้) เผลอๆ อาจจะเทียบได้กับการตื่นตัวทางการเมืองของนักศึกษาหัวก้าวหน้าในปลายยุค 60s ของญี่ปุ่นเลยก็ได้ แต่เมื่อพอหลังจากยุค 70s เป็นต้นไป ก็เป็นช่วงขาลงของการเคลื่อนไหว คนหนุ่มสาวต่างผิดหวังในระบบนักการเมืองและเกิดวิกฤตฟองสบู่แตกในปลายยุค 80s เศรษฐกิจที่แย่ได้นำสังคมไปสู่ความนิ่งเฉยทางการเมืองจนซบเซาข้ามทศวรรษ จนกระทั่งเกิดวิกฤตนิวเคลียร์คนจึงเริ่มออกมาเดินขบวนเคลื่อนไหวและแสดงออกต่อประเด็นทางสังคมและการเมืองมากขึ้น จนเกิดการประท้วงใหญ่ในปี 2015 เพื่อต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญที่จะนำญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามอีกครั้งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นได้ตระหนักถึงพลังทางการเมืองของตนเองและยังกล้าที่จะแสดงออกทางการเมืองนอกพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย


ในส่วนของนโยบายอื่นๆ ของโยเฮที่อยากจะผลักดันในสภาต่อ ที่เด่นๆ เช่น ให้เก็บ wealth tax แทนภาษีการบริโภค ที่อันนี้นายกอาเบะขึ้นมาจาก 5% เป็น  8% แล้วรอบนึงและกำลังจะมีแผนขึ้น10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพราะต้องเอามาช่วยลดหนี้สาธารณะที่บานตะไทเกิน 200% กับความจำเป็นที่ต้องหนุนสวัสดิการผู้สูงอายุ (อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตั้งเรทและจะใช้มาตรการนโยบายเศรษฐกิจยังไง โดยไม่ไปกระทบกับภาคเอกชนและสวัสดิการ) ต่อมาก็มี เรียนฟรียันมหาวิทยาลัย (อันนี้กุมขมับว่าจะทำได้เหรอวะ คนนึงค่าเรียนยันจบก็ต่ำๆห้าล้านเยนแล้ว) เพิ่มวิชาเกษตรกรรมในชั้นเรียน  และสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ ยุติการฆ่าสัตว์โดยสนับสนุนการสร้างศูนย์ดูแลและพักพิงสัตว์เพิ่มแทน เป็นต้น

โดยรวมแล้วก็เป็นนโยบายไม่ต่างจากเดิมตอนโยเฮอยู่พรรคกรีนซักเท่าไหร่ ซึ่ง Yohei Miyake ก็มีเจ๊ดันอย่าง Vivienne Westwood ที่ถึงกับส่งจดหมายมาให้กำลังใจโยเฮช่วงหาเสียงอีกด้วย

 

image from https://www.facebook.com/yohei.miyake123/posts/1066877520054173


เพราะเจ๊วิเวียนก็เป็นสายแข็งสนับสนุนพรรคกรีนอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และโยเฮเองก็เคยอยู่สังกัดรรคกรีนมาก่อนด้วย

นอกจากนี้ ส่วนนึงคือเจ๊วิเวียนเองได้รับรู้เรื่องราวของโยเฮและการเมืองญี่ปุ่นมาบ้างจากลูกสะใภ้ญี่ปุ่น Tomoka และจากลูกชายแก Ben Westwood ที่เปิดบริษัทอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย

ส่วนใครมีโอกาสได้แวะไปโตเกียวช่วงนี้ไป ก็อาจจะได้ฟังเฮียโยเฮแกร้องเพลงกลางสี่แยกก็ได้


  
ยังไงขอเอาใจช่วยเฮียโยเฮแกด้วย ถึงจะสู้พรรคใหญ่ไม่ได้ แต่ถ้าแกได้รับเลือกก็จะได้มีโอกาสไปส่งเสียงต่อในสภา

ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ชอบความโลกสวย love & peace และไนอีฟของเนื้อหาเพลงตอนหาเสียงของเฮียแกซักเท่าไหร่ แต่เราเข้าใจว่าสังคมญี่ปุ่นแม่มหดหู่และดาร์กสัสๆ ซึ่งมันก็ทำให้คนญี่ปุ่นบางส่วนแม่มต้องการพลังสะอาด ความโพซิทีฟ มาจุดประกายสร้างความหวังในชีวิต ซึ่งก็คืออารมณ์แบบเฮียโยเฮแกเนี้ยล่ะ ตอบโจทย์สิ่งที่คนหนุ่มสาวต้องการ เกิดต่างประเทศ เร้กเก้ ฮิปปี้ สันติ non violence กินออแกนิคไว้ผมยาวไว้หนวด ร้องเพลงเก่งเล่นดนตรีได้ ฮิปแบบหัวก้าวหน้าใส่ใจการเมือง แตกต่างจากจริตนักการเมืองใส่สูททั่วไป เข้าถึงได้ง่ายดูรากหญ้า ถูกจริตฮิปญี่ปุ่นยิ่งนัก (บางคนถึงกับขนาดนามเฮียโยเฮว่าเป็น  บ็อบ มาร์เล่ย์แห่งญี่ปุ่นผู้มีอุดมการณ์แบบเบอร์นี่ แซนเดอร์ แม่มเวอร์สัสๆ )

จบเรื่อง Yohei Miyake ค่ะทุกคน ใครสนใจลองไปดูคลิปในยูทูปได้มีแปลซับอังกฤษหลายอันยอดวิวบางอันก็หลักแสนกว่า

ซาบซึ้ง ya man กันไป

ตัวอย่างคลิปหาเสียงของโยเฮที่เพิ่งผ่านมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว https://www.youtube.com/watch?v=WKWXX5BuRWs

 

 

ข้อมูลจาก

http://miyake-yohei.com/policy/

http://matome.naver.jp/odai/2146705056183984301 

http://ameblo.jp/miyake-yohei/

http://worldsendshop.co.uk/japan-has-a-problem/ 

อิจฉาญี่ปุ่นมากที่ช่วงนี้กำลังจะมีเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 10 ก.ค.นี้ และก็มีชาวญี่ปุ่นบางส่วนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้วเมื่อวาน (จันทร์ที่ 4) คือทางการญี่ปุ่นเค้าจะส่งจม.แจ้งผู้มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์นอกประ
วิวัฒนาการในการประท้วงและต่อต้านของผู้คนที่คัดค้านระบอบเผด็จการยิ่งดูท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ
 เปิดบล๊อค สาวแว่นรำพัน ครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังจากที่มีผู้พบเห็นการระบายความอัดอั้นตันใจในสังคมนี้อย่างบ้าคลั่งผ่านโซเชียลเนตเวิร์ค บล๊อคนี้จะรวบรวมข้อเขียนของเราในประเด็นเรื่องเพศวิถี เพศภาวะ สังคมไทย และวัฒนธรรมญี่ปุ่นในแง่มุมที่เราสนใจ