Skip to main content

ไม่อยากเชื่อว่าชีวิตนี้จะพูดคำนี้ออกมาได้ ฉันเป็นคนที่เชื่อในตัวเอง เชื่อในการกระทำและผลของการกระทำ เชื่อในกรรม เชื่อในกฎฟิสิกส์ข้อหนึ่งที่ว่า แรงตกกระทบเท่าไร แรงสะท้อนขึ้นเท่านั้น  เชื่อได้ดังนี้แล้ว ฉันจึงไม่พยายามสร้างการกระทำที่ไปตกกระทบคนอื่น เพื่อให้มันสะท้อนกลับมาหาฉัน  พูดอย่างพุทธศาสนิกชนก็คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

พูดแบบชาวบ้านก็คือบาปไม่แพ้บุญ  ฉันไม่ค่อยชอบทำบุญกับพระเท่าไรนัก เหตุเพราะไม่ชอบพิธีกรรม แต่มักให้คนที่ขาดแคลนมากกว่า เช่น คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบอกว่า ไม่มีเงินสักบาท เธอมองดูเพื่อน ๆ รับซองเงินเดือน ขณะของเธอนั้นเบิกล่วงหน้ามาหมดแล้ว เธอบอกฉันเหมือนบอกต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่มีแววตาขอความเห็นใจ แต่เป็นแววตาของใครสักคนหนึ่งที่ต้องการบอกใครก็ได้ว่า ขณะนี้ฉันไม่มีสักบาทสำหรับวันพรุ่งนี้ ฉันควักกระเป๋าสตางค์ออกมา เหลืออยู่สามร้อย แบ่งให้เธอไปหนึ่งร้อยบาท เธอน้ำตาคลอ และอึ้งไป ถามฉันว่าให้ทำไม ฉันบอกว่าไม่เป็นไร แบ่งกัน เดี๋ยวมันก็มาอีก

ความที่เชื่อว่าทำสิ่งใดแล้ว ก็จะได้สิ่งนั้นตอบ ทำให้ฉันไม่สนใจเรื่องเวทมนต์ คาถา ไสยศาสตร์ และหมอดูมากนัก แม้ว่าศาสตราจารย์ท่านหนึ่งบอกฉันว่าใด ๆ ในโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งแค่ตาเห็น แต่สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ยังมีอีกมากที่มนุษย์ยังไม่รู้ ท่านบอกว่าสิ่งที่มนุษย์เห็น และไปถึงนั้น ท่านให้แค่ 50 %  ส่วนอีก 50 นั้นเรายังศึกษาไปไม่ถึง นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าเมตาฟิสิกส์  คนธรรมดาอาจเรียกว่าไสยศาสตร์ สิ่งลึกลับ หรืออะไรก็แล้วแต่

อืมม....

ผ่านมาหลายปี เพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟังถึงมหัศจรรย์ของน้ำมนต์ ที่มีนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งศึกษาผลึกของน้ำในสภาวะต่าง ๆ น้ำที่ติดคำว่า ฉันจะฆ่าคุณ ไว้ที่ข้างแก้ว ผลึกของน้ำมีลักษณะน่ากลัว น้ำที่ฟังเพลงคลาสสิคมีผลึกสวยงาม น้ำที่ฟังเสียงสวดมนต์ผลึกงามวิจิตร ความรู้เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงน้ำในซุเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดเพลงคลาสสิค กับน้ำในห้างที่เปิดเพลงร็อคเสียงดัง  จะส่งผลต่อร่างกายเราไหมหนอ

ช่วงนี้อ่านดวง “แม่นไหมไม่ทราบ” คอลัมน์ข้าง ๆ บ่อย ๆ บอกตัวเองว่าดวงไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตฉัน แม่นหรือไม่แม่น ฉันทราบว่าไม่เป็นไร แม่นก็ไม่เป็นไร ไม่แม่นก็ไม่เป็นไร ถ้าชีวิตจะดีบ้างไม่ดีบ้าง ฉันไม่มีปัญหา จนเมื่อน้องสาวสุดเลิฟที่เขียนถึงคราวที่แล้วประสบปัญหาชีวิต  ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจ และเพิ่มพลังใจให้เธอด้วยวิธีการต่าง ๆ  ถึงกับชวนเธอและคุณแม่มาดูดวงกับหมอเกต์  เนื่องจากเราไม่อาจรู้ว่าคนที่มีปัญหากับน้องนั้น เขาคิดยังไง  เราไม่รู้อะไรเลยนอกจากการคาดเดา

หมอดูคือทางออกสุดท้าย ที่อาจเป็นเมตาฟิสิกส์ และเป็นคำตอบในสิ่งที่เราไม่รู้  เมื่ออ่านคำทำนายจากราศีเกิดของคู่กรณีของน้อง ทำให้เรารู้ว่าชะตาของเขาช่วงนี้เป็นอย่างไร เขาขึ้นตรงไหน และตกตรงไหน เหมือนรู้เขารู้เรา รบชนะฉันใด เมื่อคาดเดาเองไม่น่าเชื่อถือ หมอดูนี่แหละ ช่วยเรารบได้

ในภาวะวุ่นวายทางอารมณ์นั้น การอ่านดวงของคนที่เราไม่รู้ คือความสบายใจอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อดวงของเขาไม่ดี อ่านเทียบกับเราแล้วยังไงเราก็ไม่เจอเรื่องใหญ่ อ่านแล้วสบายใจ ตื่นเช้ามาวันหนึ่ง ฉันจึงตกลงใจว่าสำหรับเรื่องนี้ ฉันไม่คิดอะไรแล้ว ฉันเชื่อหมอดูก็ได้  สบายใจดี

มีรูปผลึกน้ำมาฝากค่ะ
ภาพจาก http://peeyong.exteen.com/20060508/entry

picture
ผลึกน้ำก่อนทำน้ำมนต์

picture
ผ่านการสวดมนต์

picture
ผ่านการฟังเพลงร็อคอย่างรุนแรง นี่ขนาดน้ำนะเนี่ย แล้วน้ำในหัวใจจะขนาดไหน

picture
ฟังเพลงคาวาชิโฟล์คแดนซ์ เห็นรูปนี้แล้วอยากฟังคาวาชิโฟล์คแดนซ์บ้างอ่ะ

picture
มีคำว่าคุณทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่าคุณอยู่ข้างขวด

picture
มีคำว่าขอบคุณข้างขวด

picture
มีคำว่า รัก อยู่ข้างขวด

picture
รูปแรกเขียนคำว่า “ไอ้บ้า” ภาษาญี่ปุ่นไว้ข้างขวด
รูปสอง เขียนคำว่า “ไอ้บ้า” เป็นภาษาอังกฤษ ไว้ข้างขวด
รูปสามและสี่ ผลึกน้ำที่ติดคำว่า “อดอฟ ฮิตเลอร์” ไว้ข้างขวด

picture
ผลึกน้ำจากบ่อน้ำพุ  Saijo ประเทศญี่ปุ่น

picture
เกล็ดน้ำแข็งจาก Antarctic

picture
ผลึกน้ำจากแม่น้ำ Yodo ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไหลผ่านเมืองใหญ่หลายเมือง

picture
รูปซ้าย ที่ข้างขวดติดคำว่า "Angel" ส่วนรูปขวา ติดคำว่า "Demon”

picture
เขียนชื่อแม่ชี Teresa ที่ข้างขวด

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
  แนะนำนักร้องคนโปรดอีกคนก่อนค่ะ ฟังตั้งแต่สมัยเป็นเทปจนยืดยาน พอซีดีเริ่มเข้ามาในชีวิต บวกกับธุรกิจการงานมากมายก็ทำให้ไม่ได้ฟังเพลงจากเทปอีกเลย จนกระทั่งมาเจอเขาอีกครั้งเพียงหนึ่งคลิบใน youtube เพิ่งเคยเห็นหน้าชีพชนก ศรียามาตย์ หลังจากคบหากันผ่านเสียงเพลงมาเป็นสิบปี คุณภาพเสียงในคลิบไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่พอฟังได้อยู่กับบรรเลงเพลงโปรดของวงทีโบน
โอ ไม้จัตวา
   ต้นโพธิ์ที่วัดนี้ตั้งอยู่กลางลานจอดรถ อายุประมาณ 200 ปี ความสูงประมาณ 25 เมตรเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงากับรถที่มาจอดเพื่อชมความงามของวิหารที่ตกแต่งด้วยผลงานการแกะสลักโลหะ 
โอ ไม้จัตวา
  เพลง Going Home จากหนังเรื่อง Local Hero ผลงานของ Mark Knopfler มือกีต้าร์คนโปรดที่ฟังครั้งแรกก็ชอบ คนที่แนะนำให้ฟัง Mark นั้นเธอชอบถึงขนาดเลิกร้างกับคู่ชีวิตโดยไม่หยิบอะไรออกมาเลยนอกจากเทปเพลงชุด Local Hero ไม่น่าเชื่อว่าวันที่เธอเปิดเทปเพลงชุดนี้ให้ฉันฟังในรถระหว่างโลดแล่นอยู่กลางดอย จะผ่านไปถึง 18 ปีแล้ว เธอบอกว่าเพลงชุดนี้เหมาะสำหรับขับรถฟังตอนฝนตกเวลาผ่านไป เทปม้วนนั้นยังคงอยู่ในรถของเธอ คลิบที่ยกมาให้ดูนี้เป็นการแสดงสด ลองฟังดูนะคะ
โอ ไม้จัตวา
เพลง My Land - Secret Garden & Espen Grjotheim
โอ ไม้จัตวา
เพลงเก่าแก่ท่วงทำนองแสนเศร้า กับเนื้อหากินใจจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือเวลาในขวดแก้ว ของประภัสสร เสวิกุล นิยายรุ่นยี่สิบที่แล้ว ส่วนเพลงนั้นไม่ต้องพูดถึง เก่ามาก จนต้องเช็คอายุคนรู้จักเพลงนี้ หรือชอบ น่าจะต้องใกล้เคียงสี่สิบอัพ เก็บเพลงนี้ไว้ในสต็อคเสียนาน ฟังไม่เคยจบเสียที เพราะทนอารมณ์เพลง และเสียงกีต้าร์เหงา ๆ ที่ฟังแล้วใจเหี่ยวไม่ได้ แต่สำหรับบางคนฟังเพลงและเสียงกีตาร์ของจิมแล้วกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น
โอ ไม้จัตวา
 เพลงนี้ชื่อเพลง You've got a friend. ขับร้องโดย Carole King เธอเล่นเปียโนด้วย เป็นเวอร์ชั่นที่ฟังครั้งแรกก็รู้สึกชอบ เสียงร้องกับเสียงเปียโนไปด้วยกัน แต่ฟังไปสักสิบรอบจะรู้สึกว่าเสียงเธอแข็ง เหมือนตะโกนยังไงไม่รู้
โอ ไม้จัตวา
เคยได้ยินเพลงนี้มานานมาก แต่ไม่เคยรู้ว่าชื่อเพลงอะไร จนกระทั่งวันนี้ ผ่านไปพบมณีคลั่งเม็ดนี้หลายเวอร์ชั่น แน่นอนถ้าให้เลือกใครในพิงค์ฟรอยด์อิฉันขอเลือกฟังเดวิด กิลมอร์ เพราะชอบเสียงกีต้าร์โปร่งมากกว่ากีต้าร์ไฟฟ้า เนื้อหาเพลงเป็นสัญลักษณ์ ฟังอยู่หลายรอบ อ่านและตีความอยู่นานก็ตีไม่ออกว่าเพชรเม็ดนี้หมายความว่าอะไร เพชรที่บ้าคลั่ง!
โอ ไม้จัตวา
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ผ่านวันหยุดยาวนานจนเบื่อมาได้ด้วยดีทุกท่านนะคะ สำหรับฉันปีนี้เป็นปีที่เงียบสงบ อยู่บ้าน เช่าหนังมา 6 เรื่อง นอนดูกับแมว 3 ตัว พร้อมอาหารเต็มตู้เย็น เพราะรู้ว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ถ้าขืนไม่ตุนคงลำบากน่าดู เมืองเชียงใหม่ถูกนักท่องเที่ยวยึดครองตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.51 มาจนถึงวันที่ 3 ม.ค.52 ห้าวันที่อยู่บ้าน เข้าเมืองไปทำธุระไม่ได้เลย ฉันกับเพื่อนจึงได้แต่บอกกันว่ากินกันตามมีตามเกิดแล้วกันนะ ปล่อยเชียงใหม่นักท่องเที่ยวเขากินเขาเที่ยวไปแล้วกัน ฉันจึงเร่ร่อนอยู่ตามชานเมือง ตูบกาด กาดนัด ร้านกุ้งเต้น
โอ ไม้จัตวา
สวัสดีปีใหม่เพื่อน ๆ ด้วยบทเพลงจากสาวน้อยเสียงใสเพลงนี้ Somewhere over the rainbow เป็นกำลังใจสำหรับสู้ต่อไปในหลุมดำของปัญหาที่มองเห็นอยู่ในอนาคตข้างหน้า ขอเพียงหัวใจของเรามีสายรุ้งเอาไว้เกาะกุม ดีกว่าฟางเส้นสุดท้ายนะ เธอคนนี้ชื่อ Connie Talbot เธอเข้าประกวดร้องเพลงในรายการทีวี UK talent Show คล้าย ๆ The Star  เอ...คิดว่า The Star คล้ายเค้ามากกว่านะ  ตั้งแต่กรรมการสามคน มีสาวสวยหนึ่งคน และพิธีกรบนเวทีสองคน เสียงร้องของเธอทำเอากรรมการสาวร้องไห้ไม่หยุด นอกจากเสียงร้องเหมือนนางฟ้าตัวน้อย ๆ นำเอาสายรุ้งสะอาดใสจากบนฟากฟ้ามาปลอบโยนมวลมนุษย์แล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ เธอคนนั้น (กรรมการสาว)…
โอ ไม้จัตวา
เรามาลืมเรื่องที่เราเป็นบ้า และพูดถึงกันมาทั้งปี มาฟังเพลงนี้ดีกว่าค่ะ I don’t want to talk about it. เพลงของร็อด สจ๊วต ขวัญใจตลอดกาลกับเพลงที่คนทั้งโลกร้องตามได้ โดยเฉพาะคลิ้บแนะนำอันนี้ ดูครั้งแรกรู้สึกว่าใครหว่าคงเจ๋งนะ ร้องคู่กับร็อด สจ๊วตเพลงนี้ได้ด้วย แนะนำให้ฟังเพลง และดูโชว์นี้ให้จบก่อนอ่านต่อไป
โอ ไม้จัตวา
เพลงโปรดอีกเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง Hey Jude ว่ากันว่าพอลแต่งเพลงนี้เมื่อครั้งที่จอห์น เลนนอน เลิกกับซินเธียภรรยาคนแรก ซึ่งมีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือ จูเลี่ยน  พอลสนิทกับจอห์นและครอบครัวมาก ขณะขับรถไปเยี่ยมจูเลี่ยนเพื่อปลอบใจเขาก็แต่งเพลงนี้ออกมา แต่ก็จอห์นบอกว่าพอลแต่งเพลงนี้ให้เขาโดยจิตใต้สำนึกที่ไม่รู้ตัว ว่าให้เขารีบออกไปอยู่กับโยโกะ ก็ว่ากันไปนะ คำว่า Jude มาจากคำว่า Jules เขาแปลงให้เป็น Jude เพื่อให้ดูเป็นคันทรีตะวันตก
โอ ไม้จัตวา
ยังคงอยู่กับพิงค์ฟรอย สัปดาห์นี้ชวนฟังเพลงนี้ค่ะ Goodbye Blue Sky ท้องฟ้าสีฟ้าอันสวยงามของเราจากไปแล้ว ด้วยสังคมและความเจริญทางเทคโนโลยี ส่งผลต่อโลก ต่อคน และวิธีคิดของคน การสื่อสารที่รวดเร็วทำให้คนมีความรู้มากขึ้นโดยไม่จำกัดรูปแบบ และเนื้อหา เราวิ่งตามเทคโนโลยีไม่ทัน จึงได้แต่แหงนมองฟ้า ที่บางวันก็มีสายรุ้งงามพาดผ่านมาบ้าง บนฟ้าหม่น ๆ "Look mummy, there's an aero plane up in the sky"Did you see the frightened ones? Did you hear the falling bombs? Did you ever wonder why we had to run for shelter when the promise of a brave new world unfurled beneath a clear blue sky?Did you see the…