Skip to main content

 

แสงแดดมีความสำคัญต่อการถ่ายภาพอย่างยิ่ง เพราะเป็นแสงจากธรรมชาติ ทำให้ภาพมีมิติ มีเงา แต่ก็ต้องเลือกเวลาเช่นกัน อย่างที่บอกในชื่อเรื่องว่า แสงแรกและแสงสุดท้าย แสงแรกนั้นคือ แสงแดดยามเช้าจนถึงสาย ๆ น่าจะประมาณ 8.30 . และแสงสุดท้ายของวัน คือประมาณ 4-5 โมงเย็น เป็นช่วงเวลาที่พอดีที่สุดในการถ่ายภาพ

\\/--break--\>

 

 

คนเป็นช่างภาพจึงต้องรู้จักตื่นเช้าเพื่อไปให้ทันแสงอาทิตย์ บางวันนอกจากจะได้ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแล้ว ยังอาจได้พระจันทร์ตกยามเช้าในอีกฟากฟ้าหนึ่ง ที่เชียงใหม่ก็มีโดยเฉพาะในช่วงนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่มุมไหนของเชียงใหม่

 

เราเคยถ่ายที่เชิงดอยสุเทพ ตื่นหกโมงเช้า ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน โผล่หน้าออกมาจากห้องพัก พบพระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือพระธาตุดอยสุเทพ ขณะที่ด้านตะวันออกพระอาทิตย์กำลังขึ้น มุมห้องพักเราเห็นเพียงพระจันทร์ คว้ากล้องแทบไม่ทัน

 

 

ภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง พระอาทิตย์อยู่ด้านซ้ายมือของภาพ จึงเป็นภาพย้อนแสงนิดหน่อย ที่ยกมาให้ดูนี้คือภาพที่โฟกัสตรงท้องฟ้า กล้องดิจิตอลมักเจอปัญหาในสภาวะที่วัตถุมีแสงแตกต่างกันมาก ๆ ครึ่งดำด้านล่างนั้นยังไม่มืดเท่านี้แต่ก็มืดกว่าท้องฟ้าครึ่งบน เมื่อโฟกัสพื้นดินด้านล่าง ท้องฟ้าก็จะขาวไม่เห็นก้อนเมฆไม่เห็นฟ้าสีฟ้า เมื่อโฟกัสที่ฟ้า หรือที่ก้อนเมฆ ก็จะได้ภาพแบบนี้ ขึ้นอยู่กับแสงของวัตถุที่เราโฟกัส เวลาโฟกัสภาพที่เห็นที่จอ LCD ในกล้องก็จะเห็นแสงแตกต่างกันไป เลือกได้ตามความพอใจ

 

 

รูปนี้ก็เหมือนกัน เห็นเงาที่ทาบทับทุ่งข้าวอย่างชัดเจน ถ้าโฟกัสที่ฟ้า ข้างล่างก็จะมืด แต่เราจะได้ฟ้าอย่างที่ต้องการ ถ้าโฟกัสที่เงา ฟ้าก็จะขาวจ้าเกินไป ภาพนี้โฟกัสที่ตรงสีเขียวกลางภาพ เวลาถ่ายก็ต้องเลือกวัดแสงตรงจุดที่เห็นว่ากลางที่สุด จะได้ไม่ต้องใช้วิชามารในโฟโต้ช็อปมากนัก

 

 

 

ดูสองรูปนี้จะเห็นได้ชัด ว่าเวลาวัดแสงตรงส่วนมืด ภาพจะออกมาขาว เพราะกล้องจะปรับหน้ากล้องให้กว้างเพื่อรับแสงมาก ถ้าวัดแสงตรงส่วนสว่างหรือส่วนที่พอดีที่สุด ก็จะได้อย่างภาพบน ฟ้าก็ได้ ดินก็ได้ คนก็ได้ ถ่ายรูปต้องโลภนิดหน่อย

 

สำหรับเราชอบถ่ายแสงเช้า เพราะรู้สึกไปเองว่าแสงแดดยามเช้าให้พลังกับชีวิต ยามเช้าคนไม่เยอะ ไม่ค่อยมีคนตื่นออกมาดูโลก ได้สัมผัสโลกที่ยังไม่ตื่น ความเงียบ ความสงบ ขณะที่แสงบ่ายเหมือนจะมีความอ่อนล้าเจือปนอยู่ในนั้น เหงา ๆ ยังไงไม่รู้

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
  แผนการเดินทางครั้งนี้เริ่มจากการคุยเรื่องทำหนังสือไกด์บุ๊คของฉันกับน้องแอน น้องแอนเธอเพิ่งกลับจากหลวงพระบางมา เธอไปอยู่ 15 วัน และรู้สึกประทับใจประกอบกับเธอมีสต๊อครูปในมือ และข้อมูลจำนวนหนึ่ง ความที่ฉันชอบจับแพะชนแกะอยู่แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า มีเพื่อนอีกคนเคยบอกให้ทำไกด์บุ๊คหลวงพระบาง อิฉันเลยจับเพื่อนชนน้อง แต่น้องแอนบอกว่าทำคนเดียวว้าเหว่เกินไป จึงชวนอิฉันทำด้วยกัน ช่วยกัน ทั้งเรื่องข้อมูลและภาพถ่าย โดยน้องแอนจะเน้นทำภาษาอังกฤษ
โอ ไม้จัตวา
 
โอ ไม้จัตวา
  เมื่อคืนดูรายการเดอะ สตาร์ ปีหก หลังจากที่เป็นแฟนติดตามดูการแข่งขันมาตั้งแต่ปีที่สอง ชอบลุ้นเหมือนพนันกับตัวเองว่าใครจะได้และใครจะดัง ปีนี้เป็นปีที่หก นักร้องแต่ละคนหน้าตาดีเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคืนมีแขกรับเชิญคือน้องแก้ม นักร้องที่ได้รับรางวัลชนะเลิศปีที่แล้ว เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
โอ ไม้จัตวา
  ประโยคชื่อเรื่องนั้นเป็นคำพูดคำแรก ๆ ที่ใช้สอนหนังสือ เวลาสี่เดือน ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันละชั่วโมง เนื้อหาทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ประโยคเดียวคือ ภาษาเป็นเครื่องมือของการสื่อสาร คนส่งสารจะใช้ภาษาอย่างไรนั้น มีหลายอย่างเป็นปัจจัย
โอ ไม้จัตวา
  ผู้หญิงเศร้ามักจะสวย ลองสังเกตดูสิ เป็นความสวยแบบลึกซึ้งหรืออาจเรียกได้ว่า”งาม”  เป็นความงามที่ฉายออกมาทางความรู้สึก  ผู้หญิงที่กำลังมีความรักในระยะเริ่มต้น ก็มักจะสวยเช่นกัน ความสุขจะฉายออกมาทางแววตาวิบ ๆ  ละอองของความสุขดูจะเป็นสีสันที่มองไม่เห็น เปล่งออกมาจากทุกอณูความรู้สึก
โอ ไม้จัตวา
    ชอบคำนี้ “คนขายโชค” เป็นภาษาลาวใช้เรียกคนขายลอตเตอรี สังเกตว่าคนขายโชคในเมืองไทยมักถามคนซื้อมา เอาโชคไหม เอารางวัลสักใบไหม แต่ฉันไม่ซื้อสักทีเพราะไม่เคยมีโชค ไม่ว่าจะทางซื้อหรือทางขาย ป้าที่เห็นในรูปนี้ขายโชคอยู่ที่หน้าศาลเจ้าหลังตลาดวโรรส ดูรอยยิ้มของเธอแล้วรู้สึกว่าเธอเป็นคนมีโชค
โอ ไม้จัตวา
      ช่วงนี้จำศีลหลบลมร้อนที่บ้านด้วยการช็อปหนังราคาถูกจากฝั่งพม่าท่าขี้เหล็กมาดู เริ่มจากซีรี่หนังเรื่องเฟรนด์ ที่ดูเป็นครั้งที่ 2  
โอ ไม้จัตวา
  เจ้านายเก่าคนหนึ่งเคยพูดถึงทางออกในชีวิตเมื่อครั้งที่เขาประสบปัญหา ที่ทุกคนคิดว่า “ทางตัน” เขาบอกว่า ถ้าสถานการณ์ขังเขาไว้ในห้อง แล้วล็อคกุญแจ อย่าคิดว่าเขาไม่มีทางออก เพราะถ้าประตูปิดเขาก็จะเปิดหน้าต่างแล้วปีนออกไป ฟังดูดีหากห้องนั้นมีหน้าต่าง  
โอ ไม้จัตวา
  ลมหนาวมาพร้อมกับสัญญาณบอกว่าดอกไม้หลากสีได้เวลาเบ่งบานอีกแล้ว เดือนพฤศจิกายนคือฤดูกาลดอกบัวตองสีเหลือง หากมีเวลาฉันก็ไม่รอช้าที่จะไปเยี่ยมเยียนภูเขาสีเหลืองสุดลูกหูลูกตาที่ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน นอกจากดอกไม้ยามเช้าแล้วสิ่งที่น่าสัมผัสมากที่สุดสำหรับการเยือนที่นี่คือการดูดาวยามค่ำคืน กลางขุนเขาที่มีแสงสว่างเพียงน้อยนิด ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับการดูดาว แผนที่ดูดาวช่วยให้การดูดาวสนุกมากขึ้น
โอ ไม้จัตวา
  ลมหนาวมาแล้ว ปีนี้อากาศผันผวนจนหลายคนป่วยไข้ แมวในบ้านนอนกกกันรับความอบอุ่น บ่ายวันนี้ฉันขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ชุมชนเล็ก ๆ ในหุบเขาสูงชันที่อำเภอสันกำแพง ชื่อว่าบ้านแม่กำปอง หมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีการจัดการโดยชุมชนอย่างดี ฉันไม่เคยมาที่นี่ จึงชวนเพื่อนที่เคยมาบ่อย ๆ มาด้วย เธอบอกว่าครั้งแรกเธอขับรถเล่นกับสุนัขตัวโปรดของเธอ ขับรถเล่นถึงแม่กำปองเนี่ยนะ!
โอ ไม้จัตวา
  เช้าวันหนึ่ง...อากาศสดใส เพื่อนชวนไปหาหลินปิง รับปากโดยเร็ว หลังจากที่แอบดูสองแม่ลูกทางอินเตอร์เน็ตอยู่นาน หลินปิงโตขึ้นเยอะ ดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ หลินฮุ่ยยังหวงห่วงลูกดูแลอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะวันนี้ ผู้มาเยือนเป็นเด็กเล็ก ๆ จำนวนสองร้อยคน ทำให้ผู้คนแออัด เมื่อถึงเวลาออกมาเดินเล่น เด็ก ๆ กรี๊ดกร๊าดมีเสียงพอสมควร ทำให้หลินฮุ่ยไม่ยอมออกมาตรงบริเวณกลางสวน หลินปิงก็พาลไม่ยอมออกมาด้วย  
โอ ไม้จัตวา
  ไปขุนช่างเคี่ยนคราวนี้ผิดหวังกับสภาพอากาศที่ทำให้ดอกไม้บานน้อยไปนิด ได้ภาพนี้มาแทนใจได้หน่อยนึง ไปถึงยามเช้า นักท่องเที่ยวที่กางเต็นท์นอนที่นั่นกำลังก่อกองไฟ จุดที่เรายืน ควันไฟ แสงอาทิตย์ มาบรรจบกันพอดี มุมนี้ถ่ายมาหลายรูป แต่ได้เพียงรูปเดียว เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการถ่ายภาพ บางครั้งกดชัตเตอร์ฟุ่มเฟือยมาก แต่ได้ภาพเพียงภาพเดียว