ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก
ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ
ฉันพร่ำเพ้อบอกลูกสาว ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะทำให้ที่นี่มีอาหารและผลไม้หวาน ๆ ไว้เพาะเลี้ยงบำรุงลูก จะมีเตยหอมหรือว่านข้าวใหม่ไว้ใส่ขนม มีอ้อย สับปะรด มันสำปะหลังไว้ให้เจ้ากินยามว่าง ป้าแขส่งฝักโสนมาให้แล้ว ถ้าขึ้นได้ นี่คือต้นโสนจากคลองบางกอกน้อยเชียวนะ ทำขนมดอกโสนได้ด้วยนอกจากผัดกับไข่ ลูกยังไม่รู้จักหัวสาคูที่ยายทวดเคยต้มเป็นของทานเล่นยามบ่ายเลย หัวสาคูกรอบ ๆ มัน ๆ รวมทั้งหัวมันม่วง กับมะโข่หรือมะมู้ ที่เป็นลูกสีน้ำตาลบูดเบี้ยวตะปุ่มตะป่ำ แต่ข้างในเป็นสีม่วงสวยแสนอร่อย
ยังมีมะเกว๋น มะเกี๋ยง มะเกว๋นน่าจะเป็นลูกหว้า หรือว่ามะเกี๋ยงก็ไม่รู้สิ รวมทั้งมะไฟที่มีพวงผลงอกออกมาจากลำต้น มะเฟืองก็ดีนะ เวลาหั่นออกมาแล้วเหมือนดาว ลูกดกด้วย พวกมะเกว๋นมะเกี๋ยงเป็นไม้ใหญ่ ไม้ในป่า เมื่อก่อนในหมู่บ้านเคยหาได้ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว เช่นเดียวกับมะม่วง มะม่วงแก้ว มะม่วงสามปี มะม่วงอะไรต่อมิอะไรที่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า เมื่อก่อนนั้น ผลไม้พื้นบ้านมีมากมายหลายพันธุ์ มะม่วงไม่ได้มีแค่น้ำดอกไม้ หรือฟ้าลั่นล้นตลาด
...ลองหลับตาสิ หากอยากรู้จักมะม่วงหลากหลายพันธุ์ คุณอาจจะสูดดมกลิ่นของมันดูทีละผลๆ บางชนิดเหมาะจะกินตอนดิบ บางอย่างไม่อร่อยเลย กินดิบไม่ได้ จืดชืดอย่างโชคอนันต์ มะม่วงปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะจะกินสุกเท่านั้น มะม่วงป่าลูกเล็ก ๆ เท่ากำปั้นเด็กอีก เราพี่น้องใช้หินสอยลงมา แกว่งขา ลอกเปลือกแทะกิน ต้องเลือกลูกที่เหมือนแก้มสีชมพูนะ ถึงจะสุก มันอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยจัง แต่ก่อนมะม่วงอะไรก็กินดิบได้ทั้งนั้น ในหมู่บ้านไม่มีมะม่วงมันหรอก เด็กๆ ก็กินไม่เลือก แต่ต้นที่ผู้ใหญ่สั่งห้ามก็คือต้นที่สุกแล้วหวานเชี้ยบ ไว้กินกับข้าว เพราะเข้ากันดี ส่วนพวกอมเปรี้ยวอมหวานให้เด็กทโมนรับประทานตามสบาย
เดี๋ยวนี้มีมะม่วงมหาชนก เข้าใจว่าผสมจากมะม่วงงากับมะม่วงสามปี (ฉันสังเกตจากกลิ่นที่เหมือนมะม่วงสามปี และรูปร่างที่ยาว มีจะงอยเหมือนงาช้าง สีผิวเหลืองส้มอมเขียว มีซีกเสี้ยวเหมือนแก้มชมพูแบบมะม่วงป่า ที่ว่ามานี้ใช้ความทรงจำกับประสาทสัมผัสล้วน ๆ ใครอยากรู้ต้องไปค้นข้อมูลดูเองนะคะ) ส่วนมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะแตกต่างตามพันธุ์หดหาย แล้วถ้าไม่มีสวน ไม่มีที่ดินเราก็อดกินจากต้น แต่ต้องกินมะม่วงบ่มแก๊สรสชาติเหม็นชืด
วันหนึ่ง คุณลุงจากบ้านไร่ยางโตน (ยางโตนฟาร์มสเตย์) มาเยี่ยมพร้อมด้วยน้ำดอกไม้ถุงใหญ่ ฉันถึงรู้ตัวว่า ลืมเลือนไปนานนักหนาว่า มะม่วงที่สุกบ่มด้วยแสงแดดและฤดูกาลนั้นเป็นอย่างไร มันช่างหวานหอม ชุ่มฉ่ำ โอชะ มิน่าเล่า ความทรงจำวัยเยาว์ถึงน่าโหยหานัก โอชารสอันเปี่ยมชีวิตจากดิน ฟ้า กิ่ง ก้าน และลำต้นของมะม่วงดิบสุกทุกลูกที่เคยปีนป่ายและสอยลงมาร่วมกับฝูงทะโมน
เธอบอกฉันว่า เธอเลือกกินเฉพาะอกร่อง มะม่วงชนิดอื่นไม่หอมไม่หวาน ไม่เอร็ดอร่อยเท่า ฉันอยากบอกว่า มะม่วงทุกชนิดมีเสน่ห์ของมันทั้งรูปร่าง สีสัน กลิ่น และเนื้อสัมผัสขณะเคี้ยว รสชาติที่ทำให้เธอรู้สึกอัศจรรย์ในการสรรค์สร้างอันมั่งคั่งของธรรมชาติ ไม่ต่างกับมวลดอกไม้ นกมากมาย ปลาหลายเผ่าพันธุ์ ฉันอยากให้โลกนี้มีมะม่วงหลายร้อยหลายพันชนิด เหมือนดอกไม้หลากรูปทรงสีสันในสวนแห่งความฝัน ให้เราได้เลือกชิมลิ้มรสในแต่ละวาระ อกร่องกับข้าวเหนียวเขี้ยวแก้วราดน้ำกะทิ น้ำดอกไม้ยามบ่ายกับน้ำกุหลาบหรือน้ำใบเตย แล้วในอารมณ์ซุกซนกลับกลายเป็นเด็ก เราสอยมะม่วงป่า ควักกะปิจิ้มกิน ยังมะม่วงดิบที่จะกินกับน้ำปลาหวานอีกล่ะ หรือจิ้มน้ำพริกตาแดง หรือว่าปลาร้าแบบอีสาน
ขอพื้นที่ในโลกนี้ให้กับพืชพรรณพื้นบ้าน และชีวิตทุกชนิดทุกแบบอย่างด้วยเถอะ ความหลากหลายเท่านั้นจึงจะทำให้ระบบนิเวศน์มั่งคั่ง แข็งแรง และยั่งยืน
ผลไม้ก็ต้องลูกใหญ่ ผิวเรียบไร้ตำหนิ สีสวย และต้องหวานฉ่ำอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่มีเมล็ดเลยยิ่งดี ส่วนคนน่ะหรือ? ต้องคัดเลือกที่เก่ง ๆ เอาเฉพาะที่สติปัญญาดี ฉลาด หรือไม่ก็ปรับปรุงพันธุ์เสียใหม่ พวกนี้สิทรัพยากรบุคคลสำคัญ เอาไว้อยู่หัวแถว บนยอดปิระมิด ปกครองคนอ่อนด้อย โดยวิถีแห่งความเป็นเลิศที่เบียดขับคนสามัญออกนอกเส้นทาง ตาสีตาสา –มะม่วงพื้นเมือง ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิเสียงหรอก ให้พวกเรา ปัญญาชน ผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นตัวแทนของท่านดีกว่า แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราอาจจะเก็บคนที่มีประโยชน์ไว้ ส่วนที่เหลือ ไม่เป็นไร เอาไปรมแก๊ส*ก็ได้ !
*ใครเอ่ยสังหารหมู่ชนชาติที่ตนคิดว่าด้อยกว่า? ผีเผด็จการเข้าสิงไม่เลือกข้าง ประชาธิปไตยอย่างไรหนอ คิดแทน ทำแทน ตัดสินใจให้กันอยู่ร่ำไป!