Skip to main content

22_7_01


ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา
แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก


ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ


ฉันพร่ำเพ้อบอกลูกสาว ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะทำให้ที่นี่มีอาหารและผลไม้หวาน ๆ ไว้เพาะเลี้ยงบำรุงลูก จะมีเตยหอมหรือว่านข้าวใหม่ไว้ใส่ขนม มีอ้อย สับปะรด มันสำปะหลังไว้ให้เจ้ากินยามว่าง ป้าแขส่งฝักโสนมาให้แล้ว ถ้าขึ้นได้ นี่คือต้นโสนจากคลองบางกอกน้อยเชียวนะ ทำขนมดอกโสนได้ด้วยนอกจากผัดกับไข่ ลูกยังไม่รู้จักหัวสาคูที่ยายทวดเคยต้มเป็นของทานเล่นยามบ่ายเลย หัวสาคูกรอบ ๆ มัน ๆ รวมทั้งหัวมันม่วง กับมะโข่หรือมะมู้ ที่เป็นลูกสีน้ำตาลบูดเบี้ยวตะปุ่มตะป่ำ แต่ข้างในเป็นสีม่วงสวยแสนอร่อย


ยังมีมะเกว๋น มะเกี๋ยง มะเกว๋นน่าจะเป็นลูกหว้า หรือว่ามะเกี๋ยงก็ไม่รู้สิ รวมทั้งมะไฟที่มีพวงผลงอกออกมาจากลำต้น มะเฟืองก็ดีนะ เวลาหั่นออกมาแล้วเหมือนดาว ลูกดกด้วย พวกมะเกว๋นมะเกี๋ยงเป็นไม้ใหญ่ ไม้ในป่า เมื่อก่อนในหมู่บ้านเคยหาได้ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว เช่นเดียวกับมะม่วง มะม่วงแก้ว มะม่วงสามปี มะม่วงอะไรต่อมิอะไรที่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า เมื่อก่อนนั้น ผลไม้พื้นบ้านมีมากมายหลายพันธุ์ มะม่วงไม่ได้มีแค่น้ำดอกไม้ หรือฟ้าลั่นล้นตลาด


...
ลองหลับตาสิ หากอยากรู้จักมะม่วงหลากหลายพันธุ์ คุณอาจจะสูดดมกลิ่นของมันดูทีละผลๆ บางชนิดเหมาะจะกินตอนดิบ บางอย่างไม่อร่อยเลย กินดิบไม่ได้ จืดชืดอย่างโชคอนันต์ มะม่วงปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะจะกินสุกเท่านั้น มะม่วงป่าลูกเล็ก ๆ เท่ากำปั้นเด็กอีก เราพี่น้องใช้หินสอยลงมา แกว่งขา ลอกเปลือกแทะกิน ต้องเลือกลูกที่เหมือนแก้มสีชมพูนะ ถึงจะสุก มันอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยจัง แต่ก่อนมะม่วงอะไรก็กินดิบได้ทั้งนั้น ในหมู่บ้านไม่มีมะม่วงมันหรอก เด็กๆ ก็กินไม่เลือก แต่ต้นที่ผู้ใหญ่สั่งห้ามก็คือต้นที่สุกแล้วหวานเชี้ยบ ไว้กินกับข้าว เพราะเข้ากันดี ส่วนพวกอมเปรี้ยวอมหวานให้เด็กทโมนรับประทานตามสบาย


เดี๋ยวนี้มีมะม่วงมหาชนก เข้าใจว่าผสมจากมะม่วงงากับมะม่วงสามปี
(ฉันสังเกตจากกลิ่นที่เหมือนมะม่วงสามปี และรูปร่างที่ยาว มีจะงอยเหมือนงาช้าง สีผิวเหลืองส้มอมเขียว มีซีกเสี้ยวเหมือนแก้มชมพูแบบมะม่วงป่า ที่ว่ามานี้ใช้ความทรงจำกับประสาทสัมผัสล้วน ๆ ใครอยากรู้ต้องไปค้นข้อมูลดูเองนะคะ) ส่วนมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะแตกต่างตามพันธุ์หดหาย แล้วถ้าไม่มีสวน ไม่มีที่ดินเราก็อดกินจากต้น แต่ต้องกินมะม่วงบ่มแก๊สรสชาติเหม็นชืด

วันหนึ่ง คุณลุงจากบ้านไร่ยางโตน (ยางโตนฟาร์มสเตย์) มาเยี่ยมพร้อมด้วยน้ำดอกไม้ถุงใหญ่ ฉันถึงรู้ตัวว่า ลืมเลือนไปนานนักหนาว่า มะม่วงที่สุกบ่มด้วยแสงแดดและฤดูกาลนั้นเป็นอย่างไร มันช่างหวานหอม ชุ่มฉ่ำ โอชะ มิน่าเล่า ความทรงจำวัยเยาว์ถึงน่าโหยหานัก โอชารสอันเปี่ยมชีวิตจากดิน ฟ้า กิ่ง ก้าน และลำต้นของมะม่วงดิบสุกทุกลูกที่เคยปีนป่ายและสอยลงมาร่วมกับฝูงทะโมน


เธอบอกฉันว่า เธอเลือกกินเฉพาะอกร่อง มะม่วงชนิดอื่นไม่หอมไม่หวาน ไม่เอร็ดอร่อยเท่า ฉันอยากบอกว่า มะม่วงทุกชนิดมีเสน่ห์ของมันทั้งรูปร่าง สีสัน กลิ่น และเนื้อสัมผัสขณะเคี้ยว รสชาติที่ทำให้เธอรู้สึกอัศจรรย์ในการสรรค์สร้างอันมั่งคั่งของธรรมชาติ ไม่ต่างกับมวลดอกไม้ นกมากมาย ปลาหลายเผ่าพันธุ์ ฉันอยากให้โลกนี้มีมะม่วงหลายร้อยหลายพันชนิด เหมือนดอกไม้หลากรูปทรงสีสันในสวนแห่งความฝัน ให้เราได้เลือกชิมลิ้มรสในแต่ละวาระ อกร่องกับข้าวเหนียวเขี้ยวแก้วราดน้ำกะทิ น้ำดอกไม้ยามบ่ายกับน้ำกุหลาบหรือน้ำใบเตย แล้วในอารมณ์ซุกซนกลับกลายเป็นเด็ก เราสอยมะม่วงป่า ควักกะปิจิ้มกิน ยังมะม่วงดิบที่จะกินกับน้ำปลาหวานอีกล่ะ หรือจิ้มน้ำพริกตาแดง หรือว่าปลาร้าแบบอีสาน


ขอพื้นที่ในโลกนี้ให้กับพืชพรรณพื้นบ้าน และชีวิตทุกชนิดทุกแบบอย่างด้วยเถอะ ความหลากหลายเท่านั้นจึงจะทำให้ระบบนิเวศน์มั่งคั่ง แข็งแรง และยั่งยืน


ผลไม้ก็ต้องลูกใหญ่ ผิวเรียบไร้ตำหนิ สีสวย และต้องหวานฉ่ำอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่มีเมล็ดเลยยิ่งดี ส่วนคนน่ะหรือ
? ต้องคัดเลือกที่เก่ง ๆ เอาเฉพาะที่สติปัญญาดี ฉลาด หรือไม่ก็ปรับปรุงพันธุ์เสียใหม่ พวกนี้สิทรัพยากรบุคคลสำคัญ เอาไว้อยู่หัวแถว บนยอดปิระมิด ปกครองคนอ่อนด้อย โดยวิถีแห่งความเป็นเลิศที่เบียดขับคนสามัญออกนอกเส้นทาง ตาสีตาสา –มะม่วงพื้นเมือง ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิเสียงหรอก ให้พวกเรา ปัญญาชน ผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นตัวแทนของท่านดีกว่า แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราอาจจะเก็บคนที่มีประโยชน์ไว้ ส่วนที่เหลือ ไม่เป็นไร เอาไปรมแก๊ส*ก็ได้ !


*
ใครเอ่ยสังหารหมู่ชนชาติที่ตนคิดว่าด้อยกว่า? ผีเผด็จการเข้าสิงไม่เลือกข้าง ประชาธิปไตยอย่างไรหนอ คิดแทน ทำแทน ตัดสินใจให้กันอยู่ร่ำไป!


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…