Skip to main content

22_7_01


ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา
แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก


ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ


ฉันพร่ำเพ้อบอกลูกสาว ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะทำให้ที่นี่มีอาหารและผลไม้หวาน ๆ ไว้เพาะเลี้ยงบำรุงลูก จะมีเตยหอมหรือว่านข้าวใหม่ไว้ใส่ขนม มีอ้อย สับปะรด มันสำปะหลังไว้ให้เจ้ากินยามว่าง ป้าแขส่งฝักโสนมาให้แล้ว ถ้าขึ้นได้ นี่คือต้นโสนจากคลองบางกอกน้อยเชียวนะ ทำขนมดอกโสนได้ด้วยนอกจากผัดกับไข่ ลูกยังไม่รู้จักหัวสาคูที่ยายทวดเคยต้มเป็นของทานเล่นยามบ่ายเลย หัวสาคูกรอบ ๆ มัน ๆ รวมทั้งหัวมันม่วง กับมะโข่หรือมะมู้ ที่เป็นลูกสีน้ำตาลบูดเบี้ยวตะปุ่มตะป่ำ แต่ข้างในเป็นสีม่วงสวยแสนอร่อย


ยังมีมะเกว๋น มะเกี๋ยง มะเกว๋นน่าจะเป็นลูกหว้า หรือว่ามะเกี๋ยงก็ไม่รู้สิ รวมทั้งมะไฟที่มีพวงผลงอกออกมาจากลำต้น มะเฟืองก็ดีนะ เวลาหั่นออกมาแล้วเหมือนดาว ลูกดกด้วย พวกมะเกว๋นมะเกี๋ยงเป็นไม้ใหญ่ ไม้ในป่า เมื่อก่อนในหมู่บ้านเคยหาได้ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว เช่นเดียวกับมะม่วง มะม่วงแก้ว มะม่วงสามปี มะม่วงอะไรต่อมิอะไรที่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า เมื่อก่อนนั้น ผลไม้พื้นบ้านมีมากมายหลายพันธุ์ มะม่วงไม่ได้มีแค่น้ำดอกไม้ หรือฟ้าลั่นล้นตลาด


...
ลองหลับตาสิ หากอยากรู้จักมะม่วงหลากหลายพันธุ์ คุณอาจจะสูดดมกลิ่นของมันดูทีละผลๆ บางชนิดเหมาะจะกินตอนดิบ บางอย่างไม่อร่อยเลย กินดิบไม่ได้ จืดชืดอย่างโชคอนันต์ มะม่วงปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะจะกินสุกเท่านั้น มะม่วงป่าลูกเล็ก ๆ เท่ากำปั้นเด็กอีก เราพี่น้องใช้หินสอยลงมา แกว่งขา ลอกเปลือกแทะกิน ต้องเลือกลูกที่เหมือนแก้มสีชมพูนะ ถึงจะสุก มันอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยจัง แต่ก่อนมะม่วงอะไรก็กินดิบได้ทั้งนั้น ในหมู่บ้านไม่มีมะม่วงมันหรอก เด็กๆ ก็กินไม่เลือก แต่ต้นที่ผู้ใหญ่สั่งห้ามก็คือต้นที่สุกแล้วหวานเชี้ยบ ไว้กินกับข้าว เพราะเข้ากันดี ส่วนพวกอมเปรี้ยวอมหวานให้เด็กทโมนรับประทานตามสบาย


เดี๋ยวนี้มีมะม่วงมหาชนก เข้าใจว่าผสมจากมะม่วงงากับมะม่วงสามปี
(ฉันสังเกตจากกลิ่นที่เหมือนมะม่วงสามปี และรูปร่างที่ยาว มีจะงอยเหมือนงาช้าง สีผิวเหลืองส้มอมเขียว มีซีกเสี้ยวเหมือนแก้มชมพูแบบมะม่วงป่า ที่ว่ามานี้ใช้ความทรงจำกับประสาทสัมผัสล้วน ๆ ใครอยากรู้ต้องไปค้นข้อมูลดูเองนะคะ) ส่วนมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะแตกต่างตามพันธุ์หดหาย แล้วถ้าไม่มีสวน ไม่มีที่ดินเราก็อดกินจากต้น แต่ต้องกินมะม่วงบ่มแก๊สรสชาติเหม็นชืด

วันหนึ่ง คุณลุงจากบ้านไร่ยางโตน (ยางโตนฟาร์มสเตย์) มาเยี่ยมพร้อมด้วยน้ำดอกไม้ถุงใหญ่ ฉันถึงรู้ตัวว่า ลืมเลือนไปนานนักหนาว่า มะม่วงที่สุกบ่มด้วยแสงแดดและฤดูกาลนั้นเป็นอย่างไร มันช่างหวานหอม ชุ่มฉ่ำ โอชะ มิน่าเล่า ความทรงจำวัยเยาว์ถึงน่าโหยหานัก โอชารสอันเปี่ยมชีวิตจากดิน ฟ้า กิ่ง ก้าน และลำต้นของมะม่วงดิบสุกทุกลูกที่เคยปีนป่ายและสอยลงมาร่วมกับฝูงทะโมน


เธอบอกฉันว่า เธอเลือกกินเฉพาะอกร่อง มะม่วงชนิดอื่นไม่หอมไม่หวาน ไม่เอร็ดอร่อยเท่า ฉันอยากบอกว่า มะม่วงทุกชนิดมีเสน่ห์ของมันทั้งรูปร่าง สีสัน กลิ่น และเนื้อสัมผัสขณะเคี้ยว รสชาติที่ทำให้เธอรู้สึกอัศจรรย์ในการสรรค์สร้างอันมั่งคั่งของธรรมชาติ ไม่ต่างกับมวลดอกไม้ นกมากมาย ปลาหลายเผ่าพันธุ์ ฉันอยากให้โลกนี้มีมะม่วงหลายร้อยหลายพันชนิด เหมือนดอกไม้หลากรูปทรงสีสันในสวนแห่งความฝัน ให้เราได้เลือกชิมลิ้มรสในแต่ละวาระ อกร่องกับข้าวเหนียวเขี้ยวแก้วราดน้ำกะทิ น้ำดอกไม้ยามบ่ายกับน้ำกุหลาบหรือน้ำใบเตย แล้วในอารมณ์ซุกซนกลับกลายเป็นเด็ก เราสอยมะม่วงป่า ควักกะปิจิ้มกิน ยังมะม่วงดิบที่จะกินกับน้ำปลาหวานอีกล่ะ หรือจิ้มน้ำพริกตาแดง หรือว่าปลาร้าแบบอีสาน


ขอพื้นที่ในโลกนี้ให้กับพืชพรรณพื้นบ้าน และชีวิตทุกชนิดทุกแบบอย่างด้วยเถอะ ความหลากหลายเท่านั้นจึงจะทำให้ระบบนิเวศน์มั่งคั่ง แข็งแรง และยั่งยืน


ผลไม้ก็ต้องลูกใหญ่ ผิวเรียบไร้ตำหนิ สีสวย และต้องหวานฉ่ำอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่มีเมล็ดเลยยิ่งดี ส่วนคนน่ะหรือ
? ต้องคัดเลือกที่เก่ง ๆ เอาเฉพาะที่สติปัญญาดี ฉลาด หรือไม่ก็ปรับปรุงพันธุ์เสียใหม่ พวกนี้สิทรัพยากรบุคคลสำคัญ เอาไว้อยู่หัวแถว บนยอดปิระมิด ปกครองคนอ่อนด้อย โดยวิถีแห่งความเป็นเลิศที่เบียดขับคนสามัญออกนอกเส้นทาง ตาสีตาสา –มะม่วงพื้นเมือง ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิเสียงหรอก ให้พวกเรา ปัญญาชน ผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นตัวแทนของท่านดีกว่า แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราอาจจะเก็บคนที่มีประโยชน์ไว้ ส่วนที่เหลือ ไม่เป็นไร เอาไปรมแก๊ส*ก็ได้ !


*
ใครเอ่ยสังหารหมู่ชนชาติที่ตนคิดว่าด้อยกว่า? ผีเผด็จการเข้าสิงไม่เลือกข้าง ประชาธิปไตยอย่างไรหนอ คิดแทน ทำแทน ตัดสินใจให้กันอยู่ร่ำไป!


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง
รวิวาร
ก็เพราะในชีวิตมีความเศร้า หรือชีวิตมีอีกชื่อเรียกว่า ทุกข์เศร้า คนจึงรานร้าว ดิ้นรนแสวงหา และเสียดทานภายในไม่หยุดหย่อน... จนกว่าจะปลดเปลื้องถึงอิสรภาพได้นั่นละกระมัง คุณน้อยคิดว่าอย่างนั้นไหม? ... สวัสดีปลายพฤษภาค่ะ
รวิวาร
 หัวใจของฉันไม่อาจแยกขาดจากร่าง ร่างกายที่กระทำการโดยปราศจากดวงใจขับเคลื่อนไปชั่วครู่ชั่วยาม ระหว่างดำเนินกิจกรรมนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกครอบงำเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ปรารถนา หยุดนิ่งทันทีเมื่อถึงที่หมาย "ฉัน" มีอยู่ในมิติกว้างใหญ่ ใช่เพียงแค่กาย-องคาพยพอิ่มหิวหลับนอน อยากคลายหายอยาก ไม่รู้หรอกว่าวิญญาณคืออะไร แต่รับรู้ได้ถึงความรู้-รู้สึกลึกล้ำ ส่วนหัวใจนั้นมีอยู่แน่แท้ หัวใจที่ทำให้ความรู้สึกดื่มด่ำ วาดรูป แต่งเพลง เขียนบทกวี มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง งามที่ปวดร้าวในโลกแห่งความเป็นจริง งามบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงในธรรมชาติ งามประณีตวิจิตรจากศิลปะ งามปัญญาแห่งธรรม
รวิวาร
น้ำ เราต้องการน้ำกันมากเหลือเกิน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ น้ำเย็น ๆ ใสสะอาด หอมหวานชื่นใจ น้ำใต้ดินเจือกลิ่นแร่ กรวดทราย หวานหอมแตกต่างกันไปแต่ละที่บนโลก ไม่จืดสนิท หรือแปร่งปร่าเช่นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำประปา ...
รวิวาร
ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...
รวิวาร
ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบกุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดินสำรวจสวนไม้ผล -มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก…
รวิวาร
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551) ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด : ลำไยจำนวน : ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)
รวิวาร
 ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ
รวิวาร
น้ำตาล ไม่ใช่น้ำตาลที่เข้าคู่กับกะทิแล้วรวมตัวกับฟักทองหรือกล้วยน้ำว้ากลายเป็นแกงบวดหอมมัน แต่มันคือหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งสามารถเสกฝนได้ หากฝนที่โปรยปรายเป็นสายจากตัวนั้นเป็นห่าหมัด ไม่ใช่สายน้ำเย็นฉ่ำ มันเป็นสุนัขจร ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ ทอดสู่หุบเขาผาแดง ลูกหมาสีน้ำตาลพองฟูเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตรงขอบถนนจวนเจียนจะถูกเฉี่ยวชน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นนายของมันกระโดดผลุงลงจากกระบะหลังซึ่งสมัครพรรคพวกนั่งกันอยู่หลายชีวิต โอบอุ้มมันขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีฝูงมนุษย์ก็พากันกระถดหนีไปกองอยู่มุมเดียว ด้วยเกรงกลัวฝนสีดำแสนคันจากลูกสุนัขน้อย
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา…
รวิวาร
หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ
รวิวาร
ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท