Skip to main content
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551)


ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด
: ลำไย


จำนวน
: ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)


ลักษณะการติดลูก: ติดลูกห่างๆ ไม่เต็มพวง ทั้งที่ออกช่อเหลืองนวล หอมฟุ้งพรูพรายจนกิ่งก้านแทบจะทานน้ำหนักไม่ไหว ต้นไม้เขาทราบล่วงหน้าว่าจะมีพายุ จึงสร้างผลผลิตไว้เยอะ ๆ หลังจากพายุฤดูร้อนพัดผ่านไป ชาวสวนบ่นพึมเพราะช่อดอกเว้นห่างกระจัดกระจาย ลำไยปีที่แล้วราคาดีเสียด้วย


การเก็บ
: เก็บต้นถึงกลางฤดูฝน โดย รวิวาร ย่ามสะพาย แขนและขา (มีกิ่งหนึ่งหัก เกือบตกลงไปในพงหนามไมยราพยักษ์)


การจำหน่ายผลผลิต
: ราคาดีจริง แต่ลูกมีขนาดไม่สม่ำเสมอ และไม่เต็มพวงดังกล่าว ถ้าจะขายต้องมานั่งเด็ดเป็นลูก ๆ แล้วนำไปที่จุดรับซื้อในอำเภอ คัดเกรดขายราคาแตกต่าง เราจึงกินเสียเป็นส่วนมาก ลำไยเนื้อแน่นหวานอร่อยดีจริง


พันธุ์
(ลืมบอก) : มี 2 พันธุ์ อีแห้วกับกะโหลก อีแห้วจะแห้ง หวาน ไม่แฉะ เนื้อแน่น กินแล้วชุ่มชื่นใจมาก กะโหลกก็อร่อยเป็นรองกว่ากันแค่นิดเดียว ต้องขอบคุณมนุษย์ที่ไม่เคยเลิกดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด ตอนเด็ก กินลำไยบ้านๆ ไม่อร่อยเท่านี้

 

การจัดการผลผลิต

ลำไยสด:

-ต้นฤดู หอบหิ้วไปฝากพี่นนท์ ,น้องอู๋ ,พี่เสี้ยว, เก็ต ครั้งไปทำธุระที่เชียงใหม่ ฝากป้าแอ๊ว NDR ด้วย

-เดือนต่อมา เหนี่ยวกิ่งกลางฝนพรำยามบ่าย เก็บฝากอาจากกรุงเทพฯ อาซื้อผักโครงการหลวงมาฝากเยอะแยะ

-เก็บไปแม่อาย ฝากพ่อ แม่ และย่า เสียดายคราวไปเชียงราย เก็บไม่ได้เพราะฝนตกหนัก ตั้งใจว่าจะนำไปกำนัลชาวกาแฟดอยช้าง และพี่เสยพี่อ๋องที่บ้านสระ

-ลูกจันกับแม่จ๋อนมาเก็บกินจากต้นสนุกสนาน น้ากั๊ก น้าเอ้ น้องภู พ่อบอยกับแม่จิ๋วด้วย มาช่วยกันกินเถอะ เยอะแยะอย่างนี้กินยังไงหวาดไหว

-ใส่ถุงฝากเชนไปให้เพื่อนๆ กับคุณครูที่โรงเรียน เชนดันลืมซะนี่


ลำไยแปรรูป : (ผลิตภัณฑ์โอท็อปแม่รวิวาร)

รอบสุดท้าย ราวเดือน กรกฎาฯ หรือสิงหาฯไม่แน่ใจ ต้องเก็บลำไยค้างต้นให้หมด เพราะมันเริ่มแก่จัดหวานจาง เนื้อเริ่มด้าน เข้าหัว เขาเรียกอย่างนั้น คล้ายจะเป็นปุ่มรากด้าน ๆ ตรงขั้ว เลยปีนเก็บอยู่คนเดียวสองวัน ช่วงนั้นมีช่างมาต่อเติมบ้าน ไม่ได้อาศัยแรงสามี เราใส่กระจาดวางไว้ให้คนทำงานกินแก้เหนื่อย และฝากให้ลูกเมียช่างด้วย

นั่งแกะเปลือกลำไยนอกชานจนมือแฉะ ฟังเสียงช่างไทยใหญ่คนคุ้นเคยทำงานอย่างใจเย็น สามีเราตะแคงหูฟัง บางครั้งก็ตอบไม่ตรงคำถาม แค่นี้ก็เก่งแล้ว คนกรุงฯกับภาษาไต


2 วันผ่านไป ได้ลำไยในเหล้าต้มสวยใส หอมหวาน 5 ขวด กับเคี่ยวที่เหลืออีกหนึ่งหม้อใหญ่ พี่อ๋องบอกว่ามันจะกลายเป็นแยม แต่สุดท้าย ทำอย่างไรก็แล้ว มันกลายเป็นลำไยเคี่ยวสีน้ำตาล หอมแต่มีกลิ่นไหม้เล็กน้อย เพราะเคี่ยวอยู่ 2 วันจนเบื่อ จึงนำไปใส่ขวด ตั้งชื่อว่าลำไยคาราเมล อันนี้แจกอีกเหมือนกันโดยไม่ลืมเก็บไว้ให้เจ้าของตำรับ ขวดใหญ่เก็บไว้ให้เด็ก ๆ ปรากฏว่าน้าปุ้ยซัดเรียบ คุยเพลิน ตักกินหมดไม่รู้ตัว


เหล้าลำไย อ้ายไพฑูรย์ว่าเป็นยาดีนักแล ฝากอ้ายหนอม อ้ายน้อย น้องเอ้ น้องชาย ขวดสุดท้ายบรรณาการแด่อี่ป้อแสงดาว เปิ้นว่าถูกใจ๋ขะหนาด


ผลกำไร: อิ่มใจ สนุก และดีใจที่ไม่ได้ทิ้งของ แผ่นดิน สายฝนกับต้นลำไยอุตส่าห์มอบของขวัญที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตแก่เรา (กิ่งที่เอื้อมไม่ถึง ยังได้เลี้ยงดูนก ค้างคาว และกระรอก) เสียดายอย่างเดียว ไม่ทันทำข้าวเหนียวเปียกลำไยของโปรด

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง