Skip to main content
8_9_01


เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว


เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ


วันเหล่านั้นเกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายเทขนานใหญ่ ไตปลา หมึกแห้ง ปลาหวาน และขนมจากทะเลถูกยักย้ายแบ่งปันไปหลายบ้าน กาแฟจากดอยสูง กระท้อนสุกจากสวน แตงไทยลูกใหญ่ เห็ดสดๆ ขาวผ่องจากป่าที่ญาติมิตรผู้เยือนส่งมาทางไปรษณีย์หรือนำมาให้ด้วยตัวเอง แตงนั้นได้กินกันสองบ้าน กระท้อนแบ่งสาม ของแห้งแบ่งไปสี่ มีปลากรอบเล็กๆ หอมกรอบสำหรับเด็กๆ เคี้ยวเล่น มีทั้งผักบนดอยเด็ดใหม่ และน้อยหน่าที่รอให้บ่ม


เกิดจากสายสัมพันธ์ซึ่งหมุนเวียนมาพบปะ รู้จักมักคุ้นกันด้วยน้ำจิตน้ำใจ ที่เคยนึกว่า การศึกษาได้ตัดขาดเราจากรากเหง้านั้น ข้าวของเหล่านี้ประหนึ่งนิมิตหมายอันดี มันมาจากการคืนดีกับคณาญาติ จากมิตรภาพกับชุมชน หรือแม้แต่มิตรสหายที่อยู่ห่างไกล สามีภรรยาชาวสวน ลุงป้าวัยเจ็ดสิบซึ่งโทรศัพท์ให้ไปรับกระท้อนหวานรุ่นสุดท้าย แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ มะงุมมะงาหรามาส่งมอบกับมือ น้องๆ จากทางใต้ซึ่งส่งอาหารทะเลมากำนัล พ่อครูช่างปี่ช่างซอมอบปี่จุมล้ำค่า พร้อมด้วยแตงกวาสดจากสวน ชาหญ้าหวานจากพี่สาว และถ้อยคำดีๆ จากเพื่อนต่างชาติของเธอ นอกจากอาหาร ผักและผลไม้ ยังมีหนังสือและวีซีดีที่เราต่างแลกเปลี่ยนหยิบยืมกัน เราได้รับจากเพื่อนของเรา จากเพื่อนของเพื่อน เราส่งต่อให้เพื่อน เพื่อนของเราส่งต่อๆ ไป


8_9_02


ในสวน ต้นหญ้าเชื่องเชื่อเมื่อฝนเรียก ตัดกี่ครั้งๆ มันมักผงาดขึ้นมาเสมอ เราทำทางผ่านพงหญ้าไปหาต้นลำไยที่ขึ้นกระจายห่างๆ ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้เฝ้ามองลำไยผลิดอกจนกระทั่งสุก บนกิ่งก้านขนาดย่อมราวที่นั่งเล็กๆ นั้นมีเด็กน้อยน่ารักสองคนปีนป่าย พ่อและแม่ของเขาเหนี่ยวกิ่ง เด็ดผลอวบหวาน ส่วนฉันแปลงร่างเป็นลิง ขึ้นไปขย่มกิ่ง ลำใยปีนี้ราคาดี แต่ตามเรือกสวนเก็บได้ไม่มาก ลำไยของเรามีความสุข แม้ไม่ดกดื่น ทำกำไร ทว่า ได้กลายเป็นของขวัญของฝากแก่มิตรสหาย ปลายฤดู ยังมีลำไยตกค้าง เราคิดแผนการถนอมอาหารเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนปล่อยวาง กำนัลแก่นกหนู


เราไม่ใช่ปัจเจกชนผู้ถูกตัดขาดจากโลกแล้ว เกิดสายสัมพันธ์อันดีงามตามธรรมชาติกับชุมชน ลุงป้าชาวสวน เจ้าของร้านค้า คุณลุงคุณป้านักอ่านที่บ้านไร่ยางโตน เพื่อนๆ มะขามป้อม (มูลนิธิสื่อชาวบ้าน) เพื่อนเอ็นจีโอ นักเขียน และพี่น้องชาวบ้าน ต่างรู้จักมักคุ้นกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรู้สึกร่วมในท้องถิ่นและดงดอยอยู่อาศัย เราหลายคนมาจากที่อื่น ชอกช้ำจากเมือง อพยพมาลงหลักปักฐาน เราพูดคุยกัน เหมือนต้นไม้ในดินใหม่ ซาบซึ้งใจต่อผืนแผ่นดินที่ให้ชีวิต อะไรหนอที่เราพอทำได้ สิ่งใดที่เรามีและสามารถแบ่งปันออกไป นอกเหนือจากการงานอาชีพของแต่ละคน


อาจไม่เหมือน ไม่ใช่ชาวบ้านตามการรับรู้ทั่วไป แต่เราก็คือหนึ่งในผู้อยู่อาศัย เราพร้อมที่จะถูกใช้ ในสิ่งที่เรามี เราเป็น แจกจ่าย แบ่งปันไปตามวิถีของเรา




บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…