กาดก้อม
เย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป ดอยหลวงเชียงดาวงามตระหง่านในแสงแดดโรยทองยามเย็น ดอยนางทอดกายอย่างนุ่มนวล
ถึงชายหมู่บ้าน ฉันหักเลี้ยวจากถนนสายหลัก เลาะเลียบไปตามทางดินร้าง ๆ เหงา ๆ บ้านปูนห้องเดียวเตี้ยต่ำ ทรุดตัวลงจากถนน ติดบานเฟี้ยมมอซอ มีถุงขนม ของแห้งห้อยระย้า ข้างโหลแก้วใสใส่กระท้อนดองคือจานกับแกล้มและป้าคนเดิมปะแป้งทะนาคา เจ้าของร้านแก่แล้ว ตาสานหมวก ยายขายของ พวกเขาถามไถ่ใยดี ...มาจากไหนล่ะลูก เป็นคนที่ไหน ...เขาคงจำฉันไม่ได้ ฉันแวะมาสองสามหนแล้ว... กะปิ ปลาร้าก็มีนะ กินกันไหม เช้านี้ ข้าพเจ้าเพิ่งซื้อมาจากตลาดนัดเจ้า เอ๊ะ นี่ลูกอะไรจ๊ะยาย น้ำเต้า ทำอะไรกินได้บ้าง...ฉันพอคุ้นๆ ว่า เรียก “บะน้ำ” แต่ไม่เคยกิน ไพล่ไปคิดถึงน้ำเต้าบรรจุน้ำยามเดินทางของจอมยุทธ์หรือนักพรต... กล้วยหอมนี่ 5 บาทเองหรือเจ้า บะน้ำก็ 5 บาท ขอซื้อสักหน่อยเถิด ที่ตลาดนัดน่ะมีแต่ผักฝรั่ง
ฉันมองดูข้าวของที่แบ่งขายในถุงเล็กๆ ราคา 5 บาท กาดก้อมแห่งนี้ไม่มีของมากนัก มีผักอยู่ไม่กี่อย่าง ต่างจากร้านใหญ่ๆ ที่เจ้าของซื้อสินค้าหลายชนิดมาจากตลาดเช้า นำมาแบ่งเป็นมัด เป็นกำหรือถุงน้อยๆ ทั้งผัก หมู กุ้ง ลูกชิ้น ปลาหมึก คอยบริการคนในหมู่บ้านทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ที่นี่ กล้วยหอมใหม่สดเพิ่งปลิดจากเครือ หัวปลีมาจากบ้านใกล้ ๆ บ่ะน้ำเพิ่งห้อยโตงเตงริมรั้วอยู่เมื่อกี้นี้ พริกขี้หนูน่ะไม่มีหรอก ใครๆเขาก็ปลูกเองทั้งนั้น รวมทั้งผักไผ่หอมด่วน (ผักแพวกับสะระแหน่) ขิง ข่า หรือตะไคร้ ผักสวนครัวกับผักฟาร์มนั้นต่างกัน ผักฟาร์มมีไว้สำหรับซื้อ ส่วนผักสวนครัวนั้นปลูกไว้กิน ฉันขี่รถเครื่องคันน้อย ผ่านถนนติดปีกหัวใจ ตะวันย้อยลงหว่างเขาแล้ว แสงทองยิ่งเหลืองส่อง ภูเขาซีกใกล้ตะวันเปล่งประกาย ริมคันนามีดอกพู่ระหงสีชมพูหวาน คนเหนือชอบปลูกดอกไม้หน้าบ้าน ไม่เว้นกระทั่งเถียงนา
กลับมาถึงตูบตีนดอย วางน้ำเต้าอ่อนสดเขียวลงบนโต๊ะ ชื่นชม ชี้ชวนกันดู อยู่ในเมืองพบแต่ผักกระแสหลักนี่นา นึกออกแล้วว่าจะทำอะไร แกงบ่ะน้ำใส่ปลาเผาที่เหลือ แกะเอาแต่เนื้อออกมา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะอร่อยนะ ไม่เคยทำหรอก แต่พอจะเดาวิธีทำได้ ฉันออกไปหาเด็ดยอดฟักทองที่เลื้อยเพ่นพ่านอยู่ในพงหญ้า ควานหาฝักข้าวโพดจากตู้เย็น บวบที่ซื้อเมื่อวานยังเปราะอ่อน แม่อุ๊ยคนใดหนอเด็ดนำมาฝากแม่ค้า คงไม่ใช่ผักแปลงใหญ่ใส่ปุ๋ยพ่นยา กิเลสหนาเรี่ยวแรงน้อยอย่างเรายังฝันถึงวันเด็ดผักกับมือ ได้ชื่นชมอยู่ริมรั้วบ้านตัวเอง
ป้าผู้นิยมเหล้าตองบอกฉันว่า...อยู่บ้านเรานี่ดีแล้วลูก ผักหญ้ายังพอหาได้ ไม่มีอด หนูเชื่อค่ะ เห็นทุ่งนาแล้ว เห็นแม่น้ำ ภูเขา ผักแว่น ผักทุ่ง ผักหนอง และปูนาก้ามใหญ่ที่เดินส่ายอาดข้ามถนน ก็รู้ว่าผืนแผ่นดินนี้แสนอุดม... ทุ่งข้าวเขียวๆ เอ๋ย ขออย่าให้คนทำต้องเป็นหนี้เป็นสิน ซื้อข้าวเขากินเลย อย่าให้ใครมาเป็นเจ้าของผืนดิน มาขโมยปลูกข้าวไปเลี้ยงพวกเขาก็แล้วกัน
ย่ำเย็นวันพระยาน้อยชมตลาด มากินข้าวกับแกงบ่ะน้ำใส่ป๋าจี่กัน (แกงน้ำเต้าอ่อนใส่ปลาปิ้ง) ถึงเป็นมือใหม่หัดปรุง แต่รสหวานของแผ่นดินยังมีอยู่ ผักสดจากสวนยังเปี่ยมด้วยพลังชีวิต บวกความสุขความตั้งใจของคนปรุงแล้ว คงไม่ทำให้รู้สึกผะอืดผะอมเหมือนต้มแกงการเมืองอิหลักอิเหลื่อเจือชูรสกู้ชาติยามนี้...