Skip to main content


ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์
...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้


บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง ประโยคยืดยาวแห่งการตัดพ้อต่อว่า หรือคำบ่นเป็นชุด ๆ ความรักรู้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกำเนิดจากความปั่นป่วนภายใต้ ความรักเชื่อ ในความสงบเย็นยิ่งใหญ่แห่งห้วงน้ำที่ดูเหมือนปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา รักไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะดำดิ่งแหวกว่ายลงไปสืบค้น ลึกมืดใต้ห้วงสมุทร อดทน อดกลั้น ยอมผจญเมื่อคลื่นลมโหมกระแทกผิวหน้า และอย่างคุ้มค่า เมื่อเรารอดชีวิตขึ้นมาด้วยบาดแผล หรือริ้วรอยขีดข่วนเล็กน้อย รักได้พบว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือแสดงโดยปราศจากเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยซึ่งไม่เกินกำลังที่จะอดทนทำความเข้าใจ ให้อภัย และรักได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม


จะถึงวันคริสตมาสแล้ว ไม่ว่าพระเยซูจะเป็นมนุษย์หรือพระบุตร ไม่ว่าเรื่องเล่าทั้งหลายในพระคัมภีร์จะถูกเสกสรรปั้นแต่งหรือไม่อย่างไร ความรักทำให้เราแลเห็นประพิมพ์ประพายของปัญญา ของความเข้าใจที่ลึกล้ำมากพอในมนุษย์จนไม่อาจถือสานอกจากเมตตาและกรุณาของพระองค์ มนุษย์นั้นน่าสงสาร เขาอาจชาญฉลาด คิดค้นวิเคราะห์ สร้างประวัติศาสตร์ อารยธรรมด้วยความรอบรู้และสรรพวิทยาการ ทว่า ไม่ใช่สักนิด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทุกข์และสุข หัวใจของเขาซึ่งเป็นผู้รับเคราะห์จากการใช้ชีวิตบนโลก ถูกตีกรอบจากสังคมอย่างที่เป็นมา เป็นอยู่ และกำลังเป็นไปนั้น ถูกกด ถูกบีบ จนกลายเป็นแรงขับปรากฏเป็นบุคลิกภาพบิดเบี้ยวและพฤติกรรมนานา หากพระเยซูคือความรัก ปัญญาญาณอันเปี่ยมเมตตาและความเข้าอกเข้าใจแล้วละก็ ขอพระองค์ทรงปรากฏพระวรกายให้มากมายในโลกใบนี้เถิด ขอให้วันเฉลิมฉลองการประสูติแห่งผู้ที่รักบังเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อใครสักคนเกิดความรักขึ้นในหัวใจ รักนั้นทำให้เขาไปพ้นจากความต่ำช้า ยกปีกของเขาขึ้น และเปิดดวงตาเขาให้แลเห็นขอบฟ้าใหม่ รวมทั้งแสงสว่างไสว สาดทอลงบนโลกสับสนไร้ระเบียบเบื้องล่าง


แม้จะเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ยังดีที่มีความรัก แม้จะเป็นต้นอ่อน แคระแกร็นกระปลกกระเปลี้ยก็ยังดีที่ได้บ่มเพาะความรัก ร่ำเรียนแสวงหาวิทยาการ ใช้เวลานานนับสิบปี อาจพอเข็นตนไปสู่ขีดขั้นความรู้ใหม่ เรียนรู้จักรัก อาจใช้เวลาทั้งชีวิต ต้องรักทั้งชีวิต คิด พูด กระทำ ด้วยความรัก ถึงอย่างนั้น ได้รักเพียงวันละนิดละหน่อย ได้กล่าวคำพูดแห่งความเมตตาเอื้ออาทรสักเล็กน้อยก็พอให้ใจชุ่มชื่น


โอเอซิส


ความรัก ผลิดอกเจียมตนในที่ห่างไกล

หลบเร้นอยู่ในแนวป่า หรือว่าที่ไหน

ปีนป่ายภูสูง ม่านหมอกปิดคลุม

เร่คว้างกลางทุ่ง

สายลมกรรโชก ข่มขู่

ฝูงกากรีดร้องระงม


เสาะแสวงตามโขดเขินเนินไศล

รอยทางกลายกลับวับหาย

รอบข้างเวิ้งว้างกันดาร

ทะเลแห่งเม็ดทรายเคลื่อนตัวไม่หย่อนหยุด

ห้อมล้อม ปิดกั้น มุ่งร้าย ไร้ใจ


นักเดินทางภายในเพ่งหาสัญญาณพายุ

ตื่นตระหนกกับขอบฟ้าแปรเปลี่ยน

สั่นสะท้านถึงหนาวเยือกรัตติกาล


ฉัน ทิ้งร่าง

ทอดอาลัยในกระหายแห้งผาก

ปล่อยไอร้อนลามเลีย เปลวแดดแผดเผา

ฝันถึงความตาย แม้ชีวิตแจ่มจรัสตรงหน้า


ทะเลทราย มีสิ่งเดียวสำหรับมนุษย์มองหา

โลกร้างไร้ มีสิ่งหนึ่งหล่อเลี้ยงดวงใจ

ความรัก ,โอเอซิส

โอเอซิส,ความรัก


เขา รวบรวมกำลัง กระเสือกกระสน คืบคลานสู่ โอเอซิส

ฉัน ดิ้นรนสุดกำลัง มุ่งไปยัง โอเอซิส


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง
รวิวาร
ก็เพราะในชีวิตมีความเศร้า หรือชีวิตมีอีกชื่อเรียกว่า ทุกข์เศร้า คนจึงรานร้าว ดิ้นรนแสวงหา และเสียดทานภายในไม่หยุดหย่อน... จนกว่าจะปลดเปลื้องถึงอิสรภาพได้นั่นละกระมัง คุณน้อยคิดว่าอย่างนั้นไหม? ... สวัสดีปลายพฤษภาค่ะ
รวิวาร
 หัวใจของฉันไม่อาจแยกขาดจากร่าง ร่างกายที่กระทำการโดยปราศจากดวงใจขับเคลื่อนไปชั่วครู่ชั่วยาม ระหว่างดำเนินกิจกรรมนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกครอบงำเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ปรารถนา หยุดนิ่งทันทีเมื่อถึงที่หมาย "ฉัน" มีอยู่ในมิติกว้างใหญ่ ใช่เพียงแค่กาย-องคาพยพอิ่มหิวหลับนอน อยากคลายหายอยาก ไม่รู้หรอกว่าวิญญาณคืออะไร แต่รับรู้ได้ถึงความรู้-รู้สึกลึกล้ำ ส่วนหัวใจนั้นมีอยู่แน่แท้ หัวใจที่ทำให้ความรู้สึกดื่มด่ำ วาดรูป แต่งเพลง เขียนบทกวี มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง งามที่ปวดร้าวในโลกแห่งความเป็นจริง งามบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงในธรรมชาติ งามประณีตวิจิตรจากศิลปะ งามปัญญาแห่งธรรม
รวิวาร
น้ำ เราต้องการน้ำกันมากเหลือเกิน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ น้ำเย็น ๆ ใสสะอาด หอมหวานชื่นใจ น้ำใต้ดินเจือกลิ่นแร่ กรวดทราย หวานหอมแตกต่างกันไปแต่ละที่บนโลก ไม่จืดสนิท หรือแปร่งปร่าเช่นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำประปา ...
รวิวาร
ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...
รวิวาร
ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบกุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดินสำรวจสวนไม้ผล -มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก…
รวิวาร
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551) ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด : ลำไยจำนวน : ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)
รวิวาร
 ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ
รวิวาร
น้ำตาล ไม่ใช่น้ำตาลที่เข้าคู่กับกะทิแล้วรวมตัวกับฟักทองหรือกล้วยน้ำว้ากลายเป็นแกงบวดหอมมัน แต่มันคือหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งสามารถเสกฝนได้ หากฝนที่โปรยปรายเป็นสายจากตัวนั้นเป็นห่าหมัด ไม่ใช่สายน้ำเย็นฉ่ำ มันเป็นสุนัขจร ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ ทอดสู่หุบเขาผาแดง ลูกหมาสีน้ำตาลพองฟูเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตรงขอบถนนจวนเจียนจะถูกเฉี่ยวชน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นนายของมันกระโดดผลุงลงจากกระบะหลังซึ่งสมัครพรรคพวกนั่งกันอยู่หลายชีวิต โอบอุ้มมันขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีฝูงมนุษย์ก็พากันกระถดหนีไปกองอยู่มุมเดียว ด้วยเกรงกลัวฝนสีดำแสนคันจากลูกสุนัขน้อย
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา…
รวิวาร
หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ
รวิวาร
ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท